อ่านย้อนหลังในสปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Ch 1 ที่นี่ไม่มี - 2 ห้ามให้ใครรู้
https://pantip.com/topic/43274104
Ch 3 สวยไม่สวย - 4 ชอบดูหนัง
https://pantip.com/topic/43275062
Ch 5 ติด
https://pantip.com/topic/43276252
Ch 6 ข้อจำกัด
https://pantip.com/topic/43277958
Ch 7 turning point
https://pantip.com/topic/43279100
Ch 8 ไกล
https://pantip.com/topic/43280746
Ch 9 อีกสักครั้ง
https://pantip.com/topic/43282675
Ch 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
https://pantip.com/topic/43283324
Ch 11 กำเริบเสิบสาน
https://pantip.com/topic/43284565
Ch 12 Found then lost
https://pantip.com/topic/43287549
Ch 13 So be it...
https://m.pantip.com/topic/43292913
Chapter 14 : อัปปรีย์ชีเอท
https://pantip.com/topic/43294971
Chapter 15 : This is the end...... ?
https://pantip.com/topic/43297240
Chapter 16 : การทดลอง
https://pantip.com/topic/43297961
Chapter 17 : Take care แปลว่าดูแล....หรือลาก่อน
https://pantip.com/topic/43299326
Chapter 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
ผมนัดกับวิวว่าจะพาเธอมาสัมผัสธรรมชาติหลังเธอต้องนั่งหน้าคอมทำงานตลอดวันหยุด ผมขับรถพาเธอมายังอุทยานแห่งชาติบนเขาเพื่อกางเต้นท์ด้วยกัน วันนี้เป็นวันหยุดท้ายๆ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากันตั้งแต่วันพีคไปแล้ว คนจึงน้อยลงมาก เราชอบบรรยากาศการเที่ยวที่คนไม่เยอะจนเกินไปแบบนี้
.
“ตรงนี้ดีมั้ย” ผมชวนวิวมองออกไปนอกหน้าต่างยังลานกางเต้นท์ที่มีเต้นท์กางอยู่เพียง 4-5 หลัง ยังมีที่ว่างอีกเยอะ และจุดริมสุดที่เหมือนเป็นจุดที่ทัศนียภาพดีที่สุดจะยังว่างอยู่ ผมจอดรถและยกโต๊ะพับกับเก้าอี้ไปวางยังจุดที่เล็งไว้ แล้วทะยอยขนเต้นท์และอุปกรณ์ตามไป ผมขอให้วิวช่วยยกเซทกาแฟและชุดที่นอนตามมา ผมกางโต๊ะและติดเตาแก๊สปิคนิคต้มน้ำเพื่อชงกาแฟเป็นอย่างแรกก่อนจะเริ่มลงมือกางเต้นท์ และทำให้เพิ่งรู้ตัวว่าลืมถุงใส่สมอบกที่ท้ายรถอีกแล้ว
“เดี๋ยวเค้าไปเอาให้” วิวพูดขึ้น
“ขอบคุณนะ เดี๋ยวชงกาแฟให้” ผมตอบ
สโลแกนตลกๆ ประจำตัวผมที่ผมคิดเอง คือใครไม่มีบุญไม่ได้กินกาแฟฝีมือผม จริงๆ ผมไม่ได้มั่นใจในฝีมือหรือรสชาดกาแฟที่ผมชงสักเท่าไหร่หรอก แต่อย่างน้อยผมก็ชอบรสกาแฟที่ตัวเองชง และจริงจังกับมัน เมื่อไดก็ตามที่มีโอกาสชงกาแฟให้ใครก็ตาม ผมเต็มที่และพิถีพิถันเสมอและไม่หวงของ เวลาชงทานเองผมจะหยิบกาแฟเมล็ดจากแหล่งธรรมดาๆ ที่ราคาไม่แพง บางทีก็ซื้อมามั่วๆ เพราะเห็นว่าถูกแต่รสชาดใช้ได้ เมื่อไหร่ที่ชงให้คนอื่นทานผมจะหยิบ single origin ตัวพิเศษๆ เช่น Geisha Esmeralda หรือ Columbia Santander แล้วแต่ว่ามีตัวไหนในสต๊อก สำหรับผม ถ้าทำกินเองมันไม่ได้ต่างกัน ผมจึงมักเก็บของดีๆ หายากๆ ไว้ทำให้คนอื่น และวิวจะรู้สึกพิเศษเสมอเมื่อผมลงมือดริปกาแฟให้เธอ เพราะผมไม่ได้ทำบ่อยๆ
.
แม้จะรู้สึกผิด แต่สิ่งนี้คือความต่างของวิวกับพีช แม้ผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรเอาคนสองคนนี้มาเทียบกัน เพราะมันเทียบกันไม่ได้ แต่พีชไม่เคยแสดงออกหรือให้คุณค่ากับสิ่งที่ผมทำให้ หรืออาจจะแสดงแต่มันน้อยและเบาบางเหลือเกินเมื่อเทียบกับที่วิวทำให้ผม อาจจะเพราะพีชยังเด็กจึงไม่รู้ว่าจะแสดงออกและยังคิดไม่ได้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไร ผมพยายามเรียนรู้และยอมรับในสิ่งที่พีชเป็น เธออาจจะยังเด็กมากไปที่จะรู้ว่าควรจะดูแลความสัมพันธ์ยังไง ดูแลความรู้สึกของคนที่คบหากันยังไง เธอจึงเหมือนจะยังไม่เคยเจอความสัมพันธ์ที่ดีและอาจจะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้คบหากับใครได้ไม่นาน แต่ด้วยเงื่อนไขชีวิตที่เรามี ทั้งผมและเธอ ผมคงจะไม่มีวันได้อยู่ในชีวิตเธอในวันที่เธอเติบโตและดูแลคนที่เธอรักเป็น
.
แม้ผมจะดีใจแค่ไหนก็ตามที่พีชบอกว่าเธอกลับมารักผมมากขึ้น มันมีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาในใจว่า จะดีเหรอ มันจะกลับไปเป็นอย่างไม่กี่วันก่อนอีกได้นะ น้องก็บอกอยู่แล้วว่าเค้ารักใครได้ไม่นาน แล้วผมต้องการอะไรจากความสัมพันธ์นี้จริงๆ กันแน่ ? เรื่องราวมันเลยมาไกลจนผมคิดว่าผมต้องทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง อย่างหนึ่งแน่ๆ คือความรู้สึกผมที่มันมาไกล ว่ามันเกินควบคุมมากไปรึเปล่า ผมเริ่มรู้สึกว่าผมควรจะไม่ปล่อยให้มันไปไกลกว่านี้
.
ผมทบทวนถึงความตั้งใจแรกของผม ว่าผมไปหาน้องเพื่ออะไร ผมต้องการอะไร คำตอบที่ยังคงชัดเจนมาตลอด คือเพื่อความสบายใจของน้อง และดูแลช่วยเหลือให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ให้น้องมีทางออกเวลาที่ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน ไม่ว่าน้องจะให้ผมเป็นอะไรก็ตาม ต่อเมื่อแน่ใจว่าผมหมดประโยชน์หรือเธอไม่ต้องการให้ผมอยู่ในชีวิตอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดและทึกทักเอาเองทั้งเพ
.
ผมดริปกาแฟต้านลมที่พัดไม่แรงจนเกินไปในยามบ่ายด้วยความรู้สึกที่เบาขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เราชัดเจนกับตัวเอง ผมทำกาแฟออกมาเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวเต้นท์ข้างๆ ที่มากันสี่คนพ่อแม่ลูกสองตอบแทนไมตรีที่เค้าหยิบยื่นให้คนแปลกหน้าอย่างผมยืมไฟแช็คและหม้อสำหรับต้มมาม่าที่ผมกับวิวลืมหยิบติดมาด้วย
.
ผมเซลฟี่ตัวเองตอนกำลังกางเต้นท์หลังชงกาแฟเสร็จส่งให้น้องพีช บางทีผมก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะอยากรับรู้ถึงกิจกรรมที่ผมกำลังทำอยู่มั้ยเมื่อมันคือกิจกรรมที่ผมทำอยู่กับผู้หญิงคนอื่น พีชแทบไม่เคยถามอะไรถึงเรื่องพวกนี้เลย ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่สนใจจะถาม หรือเธอเลี่ยงที่จะรับรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องรู้สึกไม่ดี เพราะตัวผมเองเวลารู้ว่าเธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่น มันมีความรู้สึกไม่ชอบอยู่ในนั้น แต่ผมเลือกยอมที่จะเผชิญกับความรู้สึกลบนี้ แลกกับการได้รับรู้ความเป็นไปของเธอ
.
เธอส่งข้อความกลับมาว่าอยู่กาญจนบุรี และส่งภาพตอนกำลังล่องเรือมาให้ผมดูจำนวนหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้กับตัวเองคือความ “นอย” ที่ได้รับรู้ว่าเธอไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นลดลงกว่าแต่ก่อน เรียกว่าแทบไม่เหลือเลยก็ว่าได้ ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะผมยอมรับได้มากขึ้น, เพราะผมชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น หรือเพราะผมรักเธอน้อยลงหลังผ่านความเจ็บปวด… ?
.
เรากางเต้นท์กันเสร็จก็เพิ่งจะบ่ายสาม แดดยังแรงและอากาศก็ยังอุ่น วิวจึงไปอาบน้ำก่อนที่อากาศจะเย็นลงจนเธอไม่อยากอาบน้ำแบบที่มักจะเป็นบ่อยๆ ผมจึงลองกดโทรศัพท์หาน้องพีชดูตอนอยู่คนเดียว
“ฮัลโหล” น้องรับสายผมได้ด้วยแฮะ
“รับสายได้ด้วยเหรอ”
“อยู่ที่น้ำตกค่ะ เค้าอยู่อีกที่” น้องพีชตอบ น้ำเสียงฟังดูรู้ได้เลย ว่าอีกที่คือไม่ได้ไกลกันมาก “คุยได้แปปเดียวนะคะ”
“เที่ยวสนุกมั้ย”
“สนุกดีค่ะ หนาว”
“เอาผ้าห่มที่พี่ให้มามั้ย” ผมถามถึงผ้าห่มเหลืองที่ให้น้องไว้เมื่อได้ยินเธอบอกว่าหนาว เพราะกำชับให้เธอพกเวลาไปไหนมาไหนด้วย
“ไม่ได้เอามา หนูไม่นึกว่ามันจะหนาว”
ผมยิ้มหัวเราะเบาๆ “เอาติดมาห่มบนรถก็ได้ ที่นั่นหนาวนะ” ผมบอก การไม่ตำหนิและไม่ถือโทษกันคือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอดชีวิตที่มีความสัมพันธ์มา ว่ามันไร้ค่าสิ้นดี ถ้าผมแสดงออกว่าผมไม่พอใจ ว่าผมเคยบอกให้พกทำไมไม่พก อุตส่าให้ไป บลาๆๆ มันเป็นการทำร้ายความรู้สึกกันโดยไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย แต่ผมเลือกที่จะยิ้มและทำให้มันเป็นเรื่องตลก เพราะความรู้สึกสบายใจของคนที่อยู่ในความสัมพันธ์สำคัญกว่า
“คืนนี้ค้างที่นั่นเหรอ” ผมถาม
“ค่ะ ค้างรีสอร์ท” พีชเล่า ความที่ผมรู้ว่าเธอปวดตัวและยังหาหมออยู่ เธอจะไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับตัวเธอ ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
“เค้าว่าหนูใหญ่เลย ที่หนูไปเที่ยวกับเพื่อน” พีชเริ่มเล่าระบาย
“หืม ?” ผมฟังแล้วคิดตาม ปะติดต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก
“เค้าบอกว่า มีแต่ผู้หญิงไม่ดีที่ไปเที่ยวแบบนั้น” น้ำเสียงพีชไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เค้าบอกว่า ต่อไปนี้ถ้าจะไปเที่ยวแบบนั้น ให้บอก เค้าจะพาไปเอง” ผู้ชายคนนี้ ท่าทางจะเป็นเอามาก เผด็จการขั้นสุดขนาดนี้ ไม่ให้เกียรติและไม่เคารพความต้องการกันเลย ผมไม่มีความคิดจะเติมเชื้อไฟความโกรธให้เธอด้วยการตำหนิผู้ชายคนนี้ไปด้วยกันกับเธอ และก็ไม่มีความคิดที่จะสอนอะไรเธอในสถานการณ์นี้ เพราะรู้ว่าตอนนี้สอนไปก็ไม่มีประโยชน์ในขณะที่เธอหงุดหงิด
.
คุยกันได้อีกไม่กี่คำ น้องพีชก็ต้องวางสาย คำสุดท้ายที่เธอพูดก่อนวางคือ “กลับมาละพาหนูไปกินสุกี้นะ”
อีกนิสัยหนึ่งที่น้องเป็น คือไม่สนใจโปรแกรมแชท นานๆอาจจะอ่านที แต่ไม่ตอบ ไม่ส่งข้อความถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น ไม่บอกคิดถึง ไม่คุยเล่น และ 90% ของข้อความที่ส่งไป จะไม่มีการตอบรับ นอกจากบังเอิญเธอเปิดโปรแกรมแชทขึ้นดูพอดี เธอบอกว่าไม่ชอบการแชทผ่านข้อความ เธอเคยมีปัญหาความสัมพันธ์มาตลอดเพราะคนที่คบหรือคุยด้วย ไม่พอใจที่เธอไม่ให้ความสนใจ และเพราะแบบนี้ เย็นวันนี้ไปจนอีกวันผมจะไม่ได้รับการติดต่อจากเธอแน่นอน คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เธอคบใครไม่ได้นาน
.
กิจกรรมหนึ่งสำหรับผม ที่ทำให้ผมสามารถอยู่กับตัวเองได้ 100% คือการถ่ายรูป เมื่อใดก็ตามที่ผมออกถ่าย landscape ใจผมจะเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงที่มีแค่ผม กล้องถ่ายรูป และภาพตรงหน้า ถ้าไม่เมื่อย เหนื่อย หรือหิว ผมสามารถอยู่ตรงนั้นได้ทั้งวันทั้งคืน มันได้กลายเป็นช่วงเวลาที่ผมได้เห็นลงไปถึงใจตัวเอง เวลาที่ใจมันนิ่งและตกตะกอน อะไรๆ จะแจ่มชัดว่าเราต้องการอะไรบ้าง รู้สึกอะไรบ้าง และอะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความปราถนาของเราที่แท้จริง
.
ข้าวเย็นเราเน้นอะไรที่ง่ายและสะดวก อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่ผักกับลูกชิ้นที่หาได้จากร้านสะดวกซื้อ พออากาศเริ่มเย็น วิวก็เข้าไปเอนหลังหลบหนาวในเต้นท์ นี่คือสไตล์การพักผ่อนที่เธอชอบ คือการได้เอนหลังเล่นมือถือบนที่นอนไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ไหน ตรงข้ามกับผม ผมเดินไปเปิดท้ายรถ หยิบกระเป๋ากล้องกับขาตั้งออกมา แล้วเดินหามุมตั้งกล้องถ่ายรูปดาวกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนไปเรื่อยๆ
.
สิ่งที่วนเข้าในความคิดระหว่างที่ผมถ่ายรูปอยู่ คือความคิดว่าพีชจะเป็นยังไง จะเครียดมั้ย อึดอัดคับข้องใจรึเปล่า น่าแปลกที่ในความรู้สึกผมกลับไม่มีความกระวนกระวาย ไม่ทุกข์ร้อน เพราะตระหนักดีว่า เราทำอะไรไม่ได้ ทุกข์ไปก็ทุกข์ฟรี ผมลองจินตนาการภาพน้องอยู่กับผู้ชายอีกคนเพื่อดูว่าเราจะรู้สึกยังไง…… ทำไมเราถึงไม่รู้สึกอะไรเลย ? เห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปในใจ คือความต้องการ “ครอบครอง” มันหายไป…… ทำไม ? เพราะเห็นแล้วว่าเราคาดหวังอะไรจากน้องไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่น้องบอกว่าคิดกับผมแค่พี่น้องรึเปล่า ?
.
แต่สิ่งนึงที่มันไม่ได้หายไป คือยังเป็นห่วงเหมือนเดิม จะดูแลถ้าทำได้ เท่าที่ทำได้ ถ้าน้องต้องการ
.
ผมโหลดภาพดาวจากกล้องมาใส่มือถือแล้วกดส่งให้น้องพีช
"เอาไว้เป็นภาพหน้าจอนะ พี่ถ่ายให้ เพราะพี่คิดถึงหนูตอนถ่าย"
Chapter 10 : ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Chapter 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
ผมนัดกับวิวว่าจะพาเธอมาสัมผัสธรรมชาติหลังเธอต้องนั่งหน้าคอมทำงานตลอดวันหยุด ผมขับรถพาเธอมายังอุทยานแห่งชาติบนเขาเพื่อกางเต้นท์ด้วยกัน วันนี้เป็นวันหยุดท้ายๆ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากันตั้งแต่วันพีคไปแล้ว คนจึงน้อยลงมาก เราชอบบรรยากาศการเที่ยวที่คนไม่เยอะจนเกินไปแบบนี้
.
“ตรงนี้ดีมั้ย” ผมชวนวิวมองออกไปนอกหน้าต่างยังลานกางเต้นท์ที่มีเต้นท์กางอยู่เพียง 4-5 หลัง ยังมีที่ว่างอีกเยอะ และจุดริมสุดที่เหมือนเป็นจุดที่ทัศนียภาพดีที่สุดจะยังว่างอยู่ ผมจอดรถและยกโต๊ะพับกับเก้าอี้ไปวางยังจุดที่เล็งไว้ แล้วทะยอยขนเต้นท์และอุปกรณ์ตามไป ผมขอให้วิวช่วยยกเซทกาแฟและชุดที่นอนตามมา ผมกางโต๊ะและติดเตาแก๊สปิคนิคต้มน้ำเพื่อชงกาแฟเป็นอย่างแรกก่อนจะเริ่มลงมือกางเต้นท์ และทำให้เพิ่งรู้ตัวว่าลืมถุงใส่สมอบกที่ท้ายรถอีกแล้ว
“เดี๋ยวเค้าไปเอาให้” วิวพูดขึ้น
“ขอบคุณนะ เดี๋ยวชงกาแฟให้” ผมตอบ
สโลแกนตลกๆ ประจำตัวผมที่ผมคิดเอง คือใครไม่มีบุญไม่ได้กินกาแฟฝีมือผม จริงๆ ผมไม่ได้มั่นใจในฝีมือหรือรสชาดกาแฟที่ผมชงสักเท่าไหร่หรอก แต่อย่างน้อยผมก็ชอบรสกาแฟที่ตัวเองชง และจริงจังกับมัน เมื่อไดก็ตามที่มีโอกาสชงกาแฟให้ใครก็ตาม ผมเต็มที่และพิถีพิถันเสมอและไม่หวงของ เวลาชงทานเองผมจะหยิบกาแฟเมล็ดจากแหล่งธรรมดาๆ ที่ราคาไม่แพง บางทีก็ซื้อมามั่วๆ เพราะเห็นว่าถูกแต่รสชาดใช้ได้ เมื่อไหร่ที่ชงให้คนอื่นทานผมจะหยิบ single origin ตัวพิเศษๆ เช่น Geisha Esmeralda หรือ Columbia Santander แล้วแต่ว่ามีตัวไหนในสต๊อก สำหรับผม ถ้าทำกินเองมันไม่ได้ต่างกัน ผมจึงมักเก็บของดีๆ หายากๆ ไว้ทำให้คนอื่น และวิวจะรู้สึกพิเศษเสมอเมื่อผมลงมือดริปกาแฟให้เธอ เพราะผมไม่ได้ทำบ่อยๆ
.
แม้จะรู้สึกผิด แต่สิ่งนี้คือความต่างของวิวกับพีช แม้ผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรเอาคนสองคนนี้มาเทียบกัน เพราะมันเทียบกันไม่ได้ แต่พีชไม่เคยแสดงออกหรือให้คุณค่ากับสิ่งที่ผมทำให้ หรืออาจจะแสดงแต่มันน้อยและเบาบางเหลือเกินเมื่อเทียบกับที่วิวทำให้ผม อาจจะเพราะพีชยังเด็กจึงไม่รู้ว่าจะแสดงออกและยังคิดไม่ได้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไร ผมพยายามเรียนรู้และยอมรับในสิ่งที่พีชเป็น เธออาจจะยังเด็กมากไปที่จะรู้ว่าควรจะดูแลความสัมพันธ์ยังไง ดูแลความรู้สึกของคนที่คบหากันยังไง เธอจึงเหมือนจะยังไม่เคยเจอความสัมพันธ์ที่ดีและอาจจะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้คบหากับใครได้ไม่นาน แต่ด้วยเงื่อนไขชีวิตที่เรามี ทั้งผมและเธอ ผมคงจะไม่มีวันได้อยู่ในชีวิตเธอในวันที่เธอเติบโตและดูแลคนที่เธอรักเป็น
.
แม้ผมจะดีใจแค่ไหนก็ตามที่พีชบอกว่าเธอกลับมารักผมมากขึ้น มันมีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาในใจว่า จะดีเหรอ มันจะกลับไปเป็นอย่างไม่กี่วันก่อนอีกได้นะ น้องก็บอกอยู่แล้วว่าเค้ารักใครได้ไม่นาน แล้วผมต้องการอะไรจากความสัมพันธ์นี้จริงๆ กันแน่ ? เรื่องราวมันเลยมาไกลจนผมคิดว่าผมต้องทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง อย่างหนึ่งแน่ๆ คือความรู้สึกผมที่มันมาไกล ว่ามันเกินควบคุมมากไปรึเปล่า ผมเริ่มรู้สึกว่าผมควรจะไม่ปล่อยให้มันไปไกลกว่านี้
.
ผมทบทวนถึงความตั้งใจแรกของผม ว่าผมไปหาน้องเพื่ออะไร ผมต้องการอะไร คำตอบที่ยังคงชัดเจนมาตลอด คือเพื่อความสบายใจของน้อง และดูแลช่วยเหลือให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ให้น้องมีทางออกเวลาที่ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน ไม่ว่าน้องจะให้ผมเป็นอะไรก็ตาม ต่อเมื่อแน่ใจว่าผมหมดประโยชน์หรือเธอไม่ต้องการให้ผมอยู่ในชีวิตอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดและทึกทักเอาเองทั้งเพ
.
ผมดริปกาแฟต้านลมที่พัดไม่แรงจนเกินไปในยามบ่ายด้วยความรู้สึกที่เบาขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เราชัดเจนกับตัวเอง ผมทำกาแฟออกมาเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวเต้นท์ข้างๆ ที่มากันสี่คนพ่อแม่ลูกสองตอบแทนไมตรีที่เค้าหยิบยื่นให้คนแปลกหน้าอย่างผมยืมไฟแช็คและหม้อสำหรับต้มมาม่าที่ผมกับวิวลืมหยิบติดมาด้วย
.
ผมเซลฟี่ตัวเองตอนกำลังกางเต้นท์หลังชงกาแฟเสร็จส่งให้น้องพีช บางทีผมก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะอยากรับรู้ถึงกิจกรรมที่ผมกำลังทำอยู่มั้ยเมื่อมันคือกิจกรรมที่ผมทำอยู่กับผู้หญิงคนอื่น พีชแทบไม่เคยถามอะไรถึงเรื่องพวกนี้เลย ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่สนใจจะถาม หรือเธอเลี่ยงที่จะรับรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องรู้สึกไม่ดี เพราะตัวผมเองเวลารู้ว่าเธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่น มันมีความรู้สึกไม่ชอบอยู่ในนั้น แต่ผมเลือกยอมที่จะเผชิญกับความรู้สึกลบนี้ แลกกับการได้รับรู้ความเป็นไปของเธอ
.
เธอส่งข้อความกลับมาว่าอยู่กาญจนบุรี และส่งภาพตอนกำลังล่องเรือมาให้ผมดูจำนวนหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้กับตัวเองคือความ “นอย” ที่ได้รับรู้ว่าเธอไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นลดลงกว่าแต่ก่อน เรียกว่าแทบไม่เหลือเลยก็ว่าได้ ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะผมยอมรับได้มากขึ้น, เพราะผมชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น หรือเพราะผมรักเธอน้อยลงหลังผ่านความเจ็บปวด… ?
.
เรากางเต้นท์กันเสร็จก็เพิ่งจะบ่ายสาม แดดยังแรงและอากาศก็ยังอุ่น วิวจึงไปอาบน้ำก่อนที่อากาศจะเย็นลงจนเธอไม่อยากอาบน้ำแบบที่มักจะเป็นบ่อยๆ ผมจึงลองกดโทรศัพท์หาน้องพีชดูตอนอยู่คนเดียว
“ฮัลโหล” น้องรับสายผมได้ด้วยแฮะ
“รับสายได้ด้วยเหรอ”
“อยู่ที่น้ำตกค่ะ เค้าอยู่อีกที่” น้องพีชตอบ น้ำเสียงฟังดูรู้ได้เลย ว่าอีกที่คือไม่ได้ไกลกันมาก “คุยได้แปปเดียวนะคะ”
“เที่ยวสนุกมั้ย”
“สนุกดีค่ะ หนาว”
“เอาผ้าห่มที่พี่ให้มามั้ย” ผมถามถึงผ้าห่มเหลืองที่ให้น้องไว้เมื่อได้ยินเธอบอกว่าหนาว เพราะกำชับให้เธอพกเวลาไปไหนมาไหนด้วย
“ไม่ได้เอามา หนูไม่นึกว่ามันจะหนาว”
ผมยิ้มหัวเราะเบาๆ “เอาติดมาห่มบนรถก็ได้ ที่นั่นหนาวนะ” ผมบอก การไม่ตำหนิและไม่ถือโทษกันคือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอดชีวิตที่มีความสัมพันธ์มา ว่ามันไร้ค่าสิ้นดี ถ้าผมแสดงออกว่าผมไม่พอใจ ว่าผมเคยบอกให้พกทำไมไม่พก อุตส่าให้ไป บลาๆๆ มันเป็นการทำร้ายความรู้สึกกันโดยไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย แต่ผมเลือกที่จะยิ้มและทำให้มันเป็นเรื่องตลก เพราะความรู้สึกสบายใจของคนที่อยู่ในความสัมพันธ์สำคัญกว่า
“คืนนี้ค้างที่นั่นเหรอ” ผมถาม
“ค่ะ ค้างรีสอร์ท” พีชเล่า ความที่ผมรู้ว่าเธอปวดตัวและยังหาหมออยู่ เธอจะไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับตัวเธอ ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
“เค้าว่าหนูใหญ่เลย ที่หนูไปเที่ยวกับเพื่อน” พีชเริ่มเล่าระบาย
“หืม ?” ผมฟังแล้วคิดตาม ปะติดต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก
“เค้าบอกว่า มีแต่ผู้หญิงไม่ดีที่ไปเที่ยวแบบนั้น” น้ำเสียงพีชไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เค้าบอกว่า ต่อไปนี้ถ้าจะไปเที่ยวแบบนั้น ให้บอก เค้าจะพาไปเอง” ผู้ชายคนนี้ ท่าทางจะเป็นเอามาก เผด็จการขั้นสุดขนาดนี้ ไม่ให้เกียรติและไม่เคารพความต้องการกันเลย ผมไม่มีความคิดจะเติมเชื้อไฟความโกรธให้เธอด้วยการตำหนิผู้ชายคนนี้ไปด้วยกันกับเธอ และก็ไม่มีความคิดที่จะสอนอะไรเธอในสถานการณ์นี้ เพราะรู้ว่าตอนนี้สอนไปก็ไม่มีประโยชน์ในขณะที่เธอหงุดหงิด
.
คุยกันได้อีกไม่กี่คำ น้องพีชก็ต้องวางสาย คำสุดท้ายที่เธอพูดก่อนวางคือ “กลับมาละพาหนูไปกินสุกี้นะ”
อีกนิสัยหนึ่งที่น้องเป็น คือไม่สนใจโปรแกรมแชท นานๆอาจจะอ่านที แต่ไม่ตอบ ไม่ส่งข้อความถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น ไม่บอกคิดถึง ไม่คุยเล่น และ 90% ของข้อความที่ส่งไป จะไม่มีการตอบรับ นอกจากบังเอิญเธอเปิดโปรแกรมแชทขึ้นดูพอดี เธอบอกว่าไม่ชอบการแชทผ่านข้อความ เธอเคยมีปัญหาความสัมพันธ์มาตลอดเพราะคนที่คบหรือคุยด้วย ไม่พอใจที่เธอไม่ให้ความสนใจ และเพราะแบบนี้ เย็นวันนี้ไปจนอีกวันผมจะไม่ได้รับการติดต่อจากเธอแน่นอน คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เธอคบใครไม่ได้นาน
.
กิจกรรมหนึ่งสำหรับผม ที่ทำให้ผมสามารถอยู่กับตัวเองได้ 100% คือการถ่ายรูป เมื่อใดก็ตามที่ผมออกถ่าย landscape ใจผมจะเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงที่มีแค่ผม กล้องถ่ายรูป และภาพตรงหน้า ถ้าไม่เมื่อย เหนื่อย หรือหิว ผมสามารถอยู่ตรงนั้นได้ทั้งวันทั้งคืน มันได้กลายเป็นช่วงเวลาที่ผมได้เห็นลงไปถึงใจตัวเอง เวลาที่ใจมันนิ่งและตกตะกอน อะไรๆ จะแจ่มชัดว่าเราต้องการอะไรบ้าง รู้สึกอะไรบ้าง และอะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความปราถนาของเราที่แท้จริง
.
ข้าวเย็นเราเน้นอะไรที่ง่ายและสะดวก อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่ผักกับลูกชิ้นที่หาได้จากร้านสะดวกซื้อ พออากาศเริ่มเย็น วิวก็เข้าไปเอนหลังหลบหนาวในเต้นท์ นี่คือสไตล์การพักผ่อนที่เธอชอบ คือการได้เอนหลังเล่นมือถือบนที่นอนไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ไหน ตรงข้ามกับผม ผมเดินไปเปิดท้ายรถ หยิบกระเป๋ากล้องกับขาตั้งออกมา แล้วเดินหามุมตั้งกล้องถ่ายรูปดาวกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนไปเรื่อยๆ
.
สิ่งที่วนเข้าในความคิดระหว่างที่ผมถ่ายรูปอยู่ คือความคิดว่าพีชจะเป็นยังไง จะเครียดมั้ย อึดอัดคับข้องใจรึเปล่า น่าแปลกที่ในความรู้สึกผมกลับไม่มีความกระวนกระวาย ไม่ทุกข์ร้อน เพราะตระหนักดีว่า เราทำอะไรไม่ได้ ทุกข์ไปก็ทุกข์ฟรี ผมลองจินตนาการภาพน้องอยู่กับผู้ชายอีกคนเพื่อดูว่าเราจะรู้สึกยังไง…… ทำไมเราถึงไม่รู้สึกอะไรเลย ? เห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปในใจ คือความต้องการ “ครอบครอง” มันหายไป…… ทำไม ? เพราะเห็นแล้วว่าเราคาดหวังอะไรจากน้องไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่น้องบอกว่าคิดกับผมแค่พี่น้องรึเปล่า ?
.
แต่สิ่งนึงที่มันไม่ได้หายไป คือยังเป็นห่วงเหมือนเดิม จะดูแลถ้าทำได้ เท่าที่ทำได้ ถ้าน้องต้องการ
.
ผมโหลดภาพดาวจากกล้องมาใส่มือถือแล้วกดส่งให้น้องพีช
"เอาไว้เป็นภาพหน้าจอนะ พี่ถ่ายให้ เพราะพี่คิดถึงหนูตอนถ่าย"