
เวลาเลือกซื้อไข่ หลายคนอาจจะโฟกัสไปที่ขนาดหรือราคาเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้ว "เปลือกไข่" ก็เป็นตัวช่วยสำคัญในการบอกคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ได้เช่นกัน!
เปลือกไข่ที่ดีควรมีลักษณะเรียบเนียน ไม่มีรอยแตก รอยบุบ หรือจุดด่างดำ เพราะเปลือกไข่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากภายนอก หากเปลือกไข่มีความผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าไข่ใบนั้นอาจไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค
วันนี้เราจะมาแชร์วิธีง่าย ๆ ในการสังเกตเปลือกไข่ พร้อมกับ 4 ลักษณะต้องระวัง ถ้าเจอแบบนี้แนะนำให้ทิ้งทันที เพื่อสุขภาพที่ดีและความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวครับ 😊
ไข่เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและพบได้ในมื้ออาหารประจำวัน แต่หากไม่ตรวจสอบให้ดี ไข่อาจกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ไข่ที่วางจำหน่ายสามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 3-5 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม หากเปลือกไข่มี 4 ลักษณะต่อไปนี้ ควรทิ้งทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเชื้อโรคและอาหารเป็นพิษ
1. เปลือกไข่แตก
ภาพจาก : https://www.sanook.com/news/9742786
ไข่ที่มีเปลือกแตกจะทำให้เชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อซัลโมเนลล่า เข้าสู่ภายในได้ง่าย เชื้อโรคนี้อาจทำให้เกิดการอักเสบในกระเพาะและลำไส้ พร้อมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย และไข้ สำหรับผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือโรคตับแข็ง การติดเชื้ออาจรุนแรงขึ้นและอาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดและการเสียชีวิตได้
ดร.หยาน จงไห่ ผู้อำนวยการศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลอนุสรณ์หลินโข่ว ชางกุง ในไต้หวัน เตือนว่าไม่ควรกินไข่ที่มีเปลือกแตก แม้ว่ารอยแตกจะเล็กมาก เพราะความเสี่ยงจากอาหารไม่ปลอดภัยสูงมาก
2. เปลือกไข่ที่มีเชื้อรา
ดร.หยาน กล่าวว่า หากพบว่าเปลือกไข่มีเชื้อรา ควรทิ้งทันที เชื้อราบนเปลือกไข่หมายความว่าเชื้อโรคได้เข้าสู่ภายในแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร หลายคนมักเข้าใจผิดว่าแค่ล้างเชื้อราก็สามารถกินได้ แต่ความจริงคือเชื้อโรคได้ซึมเข้าไปในไข่แล้ว และไม่สามารถกำจัดออกได้โดยการล้าง โดยเฉพาะไข่ที่มีเชื้อรามักจะติดเชื้อซัลโมเนลล่า ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องเสีย ไข้ คลื่นไส้ และปวดท้องรุนแรง
3. เปลือกไข่มีสีผิดปกติหรือมีจุดดำ
ภาพจาก : https://www.youtube.com/watch?v=iLDpCyLb0js
เปลือกไข่ปกติจะมีสีขาวหรือสีน้ำตาลเรียบเนียน หากพบว่าเปลือกไข่มีสีด่างหรือมีจุดดำหรือเขียว มันอาจเป็นสัญญาณว่าไข่ติดเชื้อหรือเริ่มเสื่อมสภาพ จุดเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อเชื้อราขยายตัวหรือเมื่อไข่ถูกทำลายในระหว่างการเก็บรักษา หากรับประทานเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือแม้แต่พิษอาหารรุนแรง ดร.หยานแนะนำให้ทิ้งไข่ที่มีลักษณะเหล่านี้ทันที เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากอาหารเป็นพิษ
4. เปลือกไข่ติดสารแปลกปลอมหรือมีความเหนียวผิดปกติ
หากพบว่าเปลือกไข่ติดสารแปลกปลอมเหนียวหรือมีความชื้นผิดปกติเมื่อสัมผัส อาจเป็นสัญญาณว่าไข่ติดเชื้อหรือเสียหาย สารเหนียวที่พบบนเปลือกไข่มักเกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสร้างชั้นบางๆ ขึ้น หากชั้นนี้มีสีเขียวหรือมีกลิ่นเหม็น แสดงว่าไข่เสียหายรุนแรง ดร.หยานเตือนว่าไม่ควรพยายามล้างไข่เพื่อใช้ เพราะเชื้อแบคทีเรียได้ซึมเข้าไปในไข่แล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง
----------------------------------------------------------
🙏ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :
https://www.sanook.com/news/9742786/?tbref=hp ภาพที่ 1,2 จาก :
https://www.sanook.com ภาพที่ 3 จาก :
https://www.istockphoto.com/th, ภาพที่ 4 จาก :
https://www.youtube.com/watch?v=iLDpCyLb0js
หมอเตือน! เปลือกไข่แบบนี้ควรทิ้งทันที ห้ามกินเด็ดขาด เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตคุณ!
เวลาเลือกซื้อไข่ หลายคนอาจจะโฟกัสไปที่ขนาดหรือราคาเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้ว "เปลือกไข่" ก็เป็นตัวช่วยสำคัญในการบอกคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ได้เช่นกัน!
เปลือกไข่ที่ดีควรมีลักษณะเรียบเนียน ไม่มีรอยแตก รอยบุบ หรือจุดด่างดำ เพราะเปลือกไข่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากภายนอก หากเปลือกไข่มีความผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าไข่ใบนั้นอาจไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค
วันนี้เราจะมาแชร์วิธีง่าย ๆ ในการสังเกตเปลือกไข่ พร้อมกับ 4 ลักษณะต้องระวัง ถ้าเจอแบบนี้แนะนำให้ทิ้งทันที เพื่อสุขภาพที่ดีและความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวครับ 😊
ไข่เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและพบได้ในมื้ออาหารประจำวัน แต่หากไม่ตรวจสอบให้ดี ไข่อาจกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ไข่ที่วางจำหน่ายสามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 3-5 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม หากเปลือกไข่มี 4 ลักษณะต่อไปนี้ ควรทิ้งทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเชื้อโรคและอาหารเป็นพิษ
1. เปลือกไข่แตก
ภาพจาก : https://www.sanook.com/news/9742786
ไข่ที่มีเปลือกแตกจะทำให้เชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อซัลโมเนลล่า เข้าสู่ภายในได้ง่าย เชื้อโรคนี้อาจทำให้เกิดการอักเสบในกระเพาะและลำไส้ พร้อมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย และไข้ สำหรับผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือโรคตับแข็ง การติดเชื้ออาจรุนแรงขึ้นและอาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดและการเสียชีวิตได้
ดร.หยาน จงไห่ ผู้อำนวยการศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลอนุสรณ์หลินโข่ว ชางกุง ในไต้หวัน เตือนว่าไม่ควรกินไข่ที่มีเปลือกแตก แม้ว่ารอยแตกจะเล็กมาก เพราะความเสี่ยงจากอาหารไม่ปลอดภัยสูงมาก
2. เปลือกไข่ที่มีเชื้อรา
3. เปลือกไข่มีสีผิดปกติหรือมีจุดดำ
ภาพจาก : https://www.youtube.com/watch?v=iLDpCyLb0js
เปลือกไข่ปกติจะมีสีขาวหรือสีน้ำตาลเรียบเนียน หากพบว่าเปลือกไข่มีสีด่างหรือมีจุดดำหรือเขียว มันอาจเป็นสัญญาณว่าไข่ติดเชื้อหรือเริ่มเสื่อมสภาพ จุดเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อเชื้อราขยายตัวหรือเมื่อไข่ถูกทำลายในระหว่างการเก็บรักษา หากรับประทานเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือแม้แต่พิษอาหารรุนแรง ดร.หยานแนะนำให้ทิ้งไข่ที่มีลักษณะเหล่านี้ทันที เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากอาหารเป็นพิษ
4. เปลือกไข่ติดสารแปลกปลอมหรือมีความเหนียวผิดปกติ
หากพบว่าเปลือกไข่ติดสารแปลกปลอมเหนียวหรือมีความชื้นผิดปกติเมื่อสัมผัส อาจเป็นสัญญาณว่าไข่ติดเชื้อหรือเสียหาย สารเหนียวที่พบบนเปลือกไข่มักเกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสร้างชั้นบางๆ ขึ้น หากชั้นนี้มีสีเขียวหรือมีกลิ่นเหม็น แสดงว่าไข่เสียหายรุนแรง ดร.หยานเตือนว่าไม่ควรพยายามล้างไข่เพื่อใช้ เพราะเชื้อแบคทีเรียได้ซึมเข้าไปในไข่แล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง