แบบนี้มันดีที่สุดสำหรับเด็กคนหนึ่งแล้วใช่ไหม

น้องชายลูกพี่ลูกน้องของผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน ปรากฎว่าผญ.ท้อง แต่...น้องชายไม่ยอมรับเพราะด้วยความที่ไม่มั่นใจในตัวผญ.ว่ามีอะไรกับตนแค่คคนเดียวไหมเพราะใครๆในหมู่บ้านก็ครหาว่าผญ.คนนี้คบผช.ทีละหลายๆคนและทางครอบครัวของผญ.ก็ไม่อยากที่จะยอมรับในตัวน้องชายของผม เพราะน้องมีประวัติไม่ดีเพราะไปยุ่งเกี่ยวกับเภสัช แม่น้องผช.ก็ไม่ชอบผญ.ด้วยเลยพาลไม่ชอบด.ที่จะเกิดมา เวลาผ่านมาเด็กเกิดออกมาทางคครอบคครัวของผญ.เลี้ยงเอง แม่ของน้องผช.ทำงานเป็นไปรษณีย์เวลาขับรถไปส่งของผ่านหน้าบ้านผญ.ญาติๆที่เลี้ยงด.อยู่ก็จะแซว+แซะว่าเอ้าๆโบกมือให้ย่าหน่อยๆ เวลาล่วงเลยจนเกือบจะ2ปี น้องชายอยู่กินกับผญ.คนนั้นและช่วยกันเลี้ยงด.และให้ด.เรียกตัวเองว่าป๊า ญาติๆคนอื่นๆของผช.บอกให้น้องช.เอาด.ไปตรวจDNAให้เรียบร้อยจะได้รักได้เลี้ยงด.อย่างสนิทใจ สัปดาห์ที่แล้วไปบ้านน้องผช.มา แม่น้องผช.บอกให้น้องไปเอาด.มาเล่นด้วย แล้วก็ซื้อขนมกับของเล่นมาเตรียมไว้รอ ด. แม่น้องผช.ดูมีความสุขขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เอาแต่คอยกีดกันความรักของน้องผช.+ผญ.(เอาจริงๆตอนแรกๆน้องผช.ก็บอกจะเลิกๆแต่ก็ยังคคอยแวะเวียนไปอยู่กินกับผญ.ตอนกลับบ้านเลยถามด้วยความสงสัยกับแม่ตัวเองว่า น้องผช.ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าด.คือลูกของตัวเอง แม่เราบอกก็น่าจะยอมรับแหละถ้าเราดูจากพฤติกรรมที่ทั้งอุ้มทั้งหอมทั้งเรียกแทนตัวเองว่าป๊า มันคงจะไม่ได้สลักสำคัญอะไรแล้วกับคำถามที่ยังคงค้างคาในใจว่าใช่ลูกกู100%มั้ยว่ะมีใคครมาช่วยต่อแขน,ต่อขารึป่าวว่ะ  ในวันที่ด.คนนี้โตขึ้นมาจะมีความรู้สึกคลางแคลงใจในตัวพ่อที่แท้จริง/พ่อที่เลี้ยงมาตั้งแต่ จ
ำความได้ ด.คงจะไม่รู้สึกอะไรแบบนี้หรอกมั้งขอแค่มีความรู้สึกอบอุ่นที่น้องผช.และผญ.เลี้ยงดูตัวเองและรู้สึกเป็นครอบครัวที่อบอุ่น คำว่าพ่อแท้ๆหรือผลตรวจDNAที่แท้จริงคงจะไม่จำเป็นหรอก ผมคิดถูกไหมครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่