สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในไทย แทบทุกโรง สามารถใช้ liquified natural gas (LNG) หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว ที่มีองค์ประกอบหลักคือ methane (มีเธน) ได้เกือบหมดทุกโรง ประกอบกับว่าเรามีโรงไฟฟ้าสำรองหลากหลายประเภท เอาแค่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติก็มีโรงสำรองเยอะเกินพอที่หลายโรง ทั้งปีแทบจะไม่ได้เดินอยู่แล้วด้วยครับ
1. ดังนั้น คำถามแรกที่ว่า ถ้าไม่มีก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา ไฟจะดับมั้ย ก็ต้องตอบว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเราสามารถจัดหา LNG จากต่างประเทศ ขนมาทางเรือได้ และสามารถเดินโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติโรงอื่น ทดแทนได้
2. เรื่องราคา ก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาประมาณไหลวันละประมาณ 600 ล้าน ลบ.ฟ.ต่อวัน แปลงเป็นค่าการไหลของพลังงานประมาณ 500,000 ล้าน Btu ต่อวัน หรือ เทียบเท่า 182,500,000 ล้าน Btu ต่อปี ด้วยราคาประมาณ 8 USD ต่อล้าน Btu
หากต้องนำเข้า LNG ทดแทน ซึ่งถ้านำเข้าแบบหุนหันพลันแล่น ก็คงต้องนำเข้าจากตลาดจร ซึ่งน่าจะมีราคาผันผวน แต่คงประมาณ 15 USD ต่อล้าน Btu ทั้งปี เท่ากับว่าทั้งปีแล้ว การผลิตไฟฟ้าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 43,000 ล้านบาท ที่ อัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อ USD
การใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของไทย ทั้งปีประมาณ 180,000 ล้านหน่วย นั่นก็หมายความว่า หากก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาหาย แล้วเราต้องนำเข้า LNG เพื่อมาผลิตไฟฟ้าชดเชย จะส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 0.25 บาทต่อหน่วย หรือ 25 สตางค์ต่อหน่วยครับ
3. เรื่องการดึงดูดบริษัท IT นั้น ประเด็นหลักผมเข้าใจว่าเขา Serious เรื่อง Carbon Credit มากกว่า เพราะ กลุ่มบริษัทพวกนี้น่าจะโดน Carbon Tax จากประเทศยุโรปที่พวกนี้ให้บริการมากกว่า ดังนั้น กลุ่มบริษัท IT ที่กรณีว่ามีข่าวจะมาตั้ง Server สำหรับ Data Centre น่าจะสนใจเรื่องการซื้อไฟฟ้าตรงจากโครงการ Renewable Energy แบบ 100% (RE100) มากกว่าที่จะมาซื้อไฟฟ้าผ่าน Grid ที่มาแบบ Generation Mix
เรื่องถัดมาที่น่าจะมองก็ Stability ของ Grid แล้วก็ต้นทุน กรณีขอไฟฟ้าเป็น Firm Backup ไว้กรณี RE100 เดินไม่ได้มากกว่าครับ
1. ดังนั้น คำถามแรกที่ว่า ถ้าไม่มีก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา ไฟจะดับมั้ย ก็ต้องตอบว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเราสามารถจัดหา LNG จากต่างประเทศ ขนมาทางเรือได้ และสามารถเดินโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติโรงอื่น ทดแทนได้
2. เรื่องราคา ก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาประมาณไหลวันละประมาณ 600 ล้าน ลบ.ฟ.ต่อวัน แปลงเป็นค่าการไหลของพลังงานประมาณ 500,000 ล้าน Btu ต่อวัน หรือ เทียบเท่า 182,500,000 ล้าน Btu ต่อปี ด้วยราคาประมาณ 8 USD ต่อล้าน Btu
หากต้องนำเข้า LNG ทดแทน ซึ่งถ้านำเข้าแบบหุนหันพลันแล่น ก็คงต้องนำเข้าจากตลาดจร ซึ่งน่าจะมีราคาผันผวน แต่คงประมาณ 15 USD ต่อล้าน Btu ทั้งปี เท่ากับว่าทั้งปีแล้ว การผลิตไฟฟ้าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 43,000 ล้านบาท ที่ อัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อ USD
การใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของไทย ทั้งปีประมาณ 180,000 ล้านหน่วย นั่นก็หมายความว่า หากก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาหาย แล้วเราต้องนำเข้า LNG เพื่อมาผลิตไฟฟ้าชดเชย จะส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 0.25 บาทต่อหน่วย หรือ 25 สตางค์ต่อหน่วยครับ
3. เรื่องการดึงดูดบริษัท IT นั้น ประเด็นหลักผมเข้าใจว่าเขา Serious เรื่อง Carbon Credit มากกว่า เพราะ กลุ่มบริษัทพวกนี้น่าจะโดน Carbon Tax จากประเทศยุโรปที่พวกนี้ให้บริการมากกว่า ดังนั้น กลุ่มบริษัท IT ที่กรณีว่ามีข่าวจะมาตั้ง Server สำหรับ Data Centre น่าจะสนใจเรื่องการซื้อไฟฟ้าตรงจากโครงการ Renewable Energy แบบ 100% (RE100) มากกว่าที่จะมาซื้อไฟฟ้าผ่าน Grid ที่มาแบบ Generation Mix
เรื่องถัดมาที่น่าจะมองก็ Stability ของ Grid แล้วก็ต้นทุน กรณีขอไฟฟ้าเป็น Firm Backup ไว้กรณี RE100 เดินไม่ได้มากกว่าครับ
สมาชิกหมายเลข 7486473 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5587259 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 867473 ถูกใจ, แห้วตลอด ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2511269 ถูกใจ, เป็ดจิ๋ว ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2937286 ถูกใจ, omenza ถูกใจ, มารหุ้นแสวงพ่าย ถูกใจ, totoonline ถูกใจรวมถึงอีก 11 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ถ้าไม่มีก๊าซธรรมชาติจากพม่า ไทยเราจะมีไฟฟ้าพอใช้ในประเทศไหมคะ และค่าไฟจะแพงขึ้นอีกประมาณหน่วยละกี่บาทคะ (พ.ศ. 2568)
เหมือนว่าการจ่ายไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ของบ้านเรา จะดึงดูดบริษัท IT มาลงทุนในบ้านเราน่ะค่ะ
ถ้าจำไม่ผิด จะมี Google, TikTok แล้วตามด้วยที่มีข่าวว่ากำลังจะมา คือ Alibaba, Microsoft