เรื่องราวอาจจะยาวสักหน่อยนะคะ แต่รายละเอียดเยอะมากๆในการเข้ารพ.แต่ละครั้งค่ะ
- คุณแม่ของแฟนมีอาการปวดหลังมา 4-5 เดือนแต่ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาที่คลีนิคใกล้บ้าน โดยหมอก็จ่ายแต่ยาแก้ปวด ช่วงกลางเดือนธันวาคมอาการปวดไม่ได้ทุเลาลงเลยคุณแม่จึงขอร้องให้คุณหมอส่งตัวไปรักษาที่รพ. และได้ทำนัดใบส่งตัววันที่ 13 มกราคม 68 ค่ะ
-คุณแม่มีอาการปวดหลังมากจนนอนไม่ได้ ถ่ายไม่ออก มาโดยตลอดจนถึงวันที่ 7 มกรา 68 ปวดไม่ไหวไปหาหมอที่คลีนิคแต่ที่คลีนิคไม่มียาแก้ปวดฉีดให้ส่งตัวต่อไปรพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิแต่พอไปถึงรพ.กลับแจ้งว่าไม่มีคุณหมอฉีดยาให้แล้ว ให้กลับบ้านไปและกลับมาใหม่ในพรุ่งนี้สามารถใช้ใบส่งตัวมายื่นได้เลย
-ระหว่างนั้นทางพี่สาวแฟนได้แนะนำให้คุณแม่ไปฉีดสเตียรอยด์ที่คลีนิคแห่งหนึ่งซึ่งดังมากเรื่องการปวดข้อ แต่คุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้ก็ได้หาหมอแล้ว ทางพี่สาวแฟนจึงได้ทำนัดให้วันที่ 10 มกราคม เผื่ออาการของคุณแม่ไม่ดีขึ้นหลังจากที่ไปหาหมอในวันพรุ่งนี้
- วันที่ 8 มกราคม เราเดินทางไป รพ.นั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าใบส่งตัวนั้นใช้ไม่ได้เพราะเป็นของเมื่อวานถ้าจะหาหมอวันนี้ต้องจ่ายเงินเอง เราจึงตกลงเพราะคุณแม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่พอขึ้นไปถึงแผนกกระดูก พยาบาลที่เคาท์เตอร์แจ้งว่าวันนี้หมอสันหลังไม่เข้าถ้าจะหาหมอสันหลังต้องมาตามในใบนัดคุณแม่วันที่ 13 เราแจ้งว่าคุณแม่ปวดหลังไม่ไหวจริงๆ พยาบาลจึงบอกให้เราลงไปหาหมออายุรกรรแทนให้เขาฉีดยาแก้ปวดให้ ซึ่งตอนนั้นในใจเราร้อนรนมากๆเพราะคุณแม่ปวดไม่ไหว เราเลยตั้งสติโทรหารพ.ทุกรพ.ที่ใกล้ๆเพื่อที่จะได้พาคุณแม่ไปหาหมอกระดูกโดยตรง จนแฟนเราสามารถหาได้หมอที่รพ.ใกล้เคียง ในช่วงเย็นคุณแม่ได้เอ็กซเรย์ดูกสันหลังแต่ตอนนั้นคุณแม่นอนราบไม่ได้เลยค่ะ ต้องยืนเอกซเรย์แบบที่เราเอกซเรย์ปอดกันค่ะ จากผลตรวจพบว่าสันหลังเสื่อมและกระดูกพรุนมากๆค่ะ ซึ่งหมอแจ้งว่าไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดแต่ต้องกายภาพบำบัดบวกกับทานวิตามินเสริมเพื่อไม่ให้กระดูกแย่ไปมากกว่านี้ ทางเราจึงบอกคุณหมอว่าคุณแม่มีนัดตามสิทธิ์ในวันที่ 13 มกราคา คุณหมอได้จ่ายยาแก้ปวดและฉีดยาแก้ปวดและนัดครั้งต่อไป และเราได้สอบถามคุณหมอถ้าจะไปคลีนิคที่พี่สาวแฟนนัดให้วันที่ 10 เพื่อแก้ปวดให้คุณแม่ระหว่างนี้สามารถทำได้ไหมเพราะคุณแม่มีอาการปวดมาก ทางคุณหมอแจ้งว่าทำไม่ได้นะครับคนไข้ปวดที่หลังการที่ฉีดสเตียรอยเข้าเส้นช่วยได้ไม่นานก็จะปวดอีกครับถ้าอยากจะให้หายปวดต้องฉีดเข้าที่สันหลังตรงข้อที่เป็นปัญหาซึ่งการที่จะทำแบบนั้นได้ต้อง MRI ดูว่าจะฉีดเข้าข้อไหนได้ครับ ซึ่งเย็นวันนั้นคุณแม่จึงให้พี่สาวแฟนยกเลิกนัดหมอที่คลีนิคไปค่ะ
-คุณแม่เริ่มมีอาการปวดหลังมากจนแทบจะทำทุกอย่างลำบากไปหมดได้นอนเฉยๆอยู่บนห้องจนถึงวันที่ 12 มกรา ปวดจนไม่ไหวและตอนนั้นจึงได้โทรตามพี่สาวแฟนมาพาไปหาหมอที่ รพ.เอกชนชื่อดังแถวรามคำแหง คุณหมอขอเอ็กซเรย์เพื่อตรวจสอบดูอาการเบื้องต้นก่อนที่จะการฉีดยาแก้ปวดให้ ครั้งนี้อาจจะเพราะเป็นรพ.เอกชนมีผู้ช่วยหลายคนคุณแม่จึงสามารถนอนเอ็กซเรย์ได้ค่ะ
-ผลการตรวจ 12 มกราคม คุณหมอแจ้งว่าสันหลังคุณแม่เสื่อมมากพรุนมากๆเหมือนกับคุณหมอท่านแรกที่ได้พบ แต่ได้ตรวจพบคล้ายกับเป็นอาการติดเชื้อที่กระดูกส่วนบนเพราะจากผลกระดูกส่วนนั้นมองไม่เห็นค่ะ หมอแจ้งว่าเป็น 3 อย่าง 1.ติดเชื้อ(คุณหมอเน้นหนักไปทางนี้มากที่สุด) 2.ก้อนเนื้อปกติ 3.ก้อนเนื้อร้าย หมอจะขอ MRI เพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เราจึงได้แจ้งคุณหมอว่าจะขอไปหาตามสิทธิในวันพรุ่งนี้ และเราเลยขอจึงขอผลวินิจฉัยกับผลเอ็กซเรย์กับทางรพ.เพื่อนำไปหาหมอในวันพรุ่งนี้ค่ะ
-วันที่ 13 มกรา คุณแม่ได้พบหมอที่รพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิ คุณหมอแจ้งเหมือนกันค่ะแต่เห็นต่างตรงกระดูกที่มองไม่เห็นว่ากระดูกไม่ได้ติดเชื้อแต่มันแค่บางมากจนมองไม่เห็นคุณหมอได้ส่งคุณแม่ตรวจทุกอย่าง และจากการที่เรายกมือไว้ขอร้องทุกๆแผนกที่คุณหมอส่งตรวจเลยได้คิวที่ไวที่สุดมากๆมาค่ะ คือ MRI วันที่ 13 กุมภา แล้วหลังจากนั้นก็ได้ฉีดยาแก้ปวดและจ่ายยาตามนัดหมอค่ะ
-วันที่ 15 มกราคม คุณแม่ปวดหลังจนตัวสั่นตัวเกร็งไปหมดเลยไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย ขยับไม่ได้เลย แฟนเราเลยโทรหาพี่สาวเพื่อที่จะพาคุณแม่ไป MRI ที่รพ.เอกชนที่เคยพาคุณแม่ไป เนื่องจากเราได้มีการโทรประสานหารพ.รัฐเกือบทุกที่แต่ปรากฎว่าไม่มีที่ไหนที่จะสามารถให้คิว MRI กับคุณแม่ได้ก่อนวันที่ 13 กุมภาเลยค่ะ เราได้มีการคาดคะเนค่าใช้จ่ายกันว่าประมาณ 30,000 บาท รวม MRI ฉีดสี ค่าหมออ่าน ค่ารถพยาบาล ค่าฉีดยาแก้ปวด ทางพี่สาวจึงตกลงและรีบให้แฟนเราเรียกรถพยาบาลมารับคุณแม่ไป พอถึงรพ.คุณแม่ปวดมากจนถึงขั้นไข้ขึ้น คุณหมอจึงแจ้งว่าต้องให้คุณแม่แอดมิด เราจึงได้สอบถามคุณหมอว่าถ้าจะไม่นอนแล้วให้คุณหมอทำการ MRI เพื่อฉีดสเตียรอยแก้ปวดแบบนั้นให้คุณแม่แทนได้ไหมเพราะเราเคยสอบถามจากอีกที่รพ.ว่าทำได้แต่ทำ MRI ก่อน แต่ทางคุณหมอบอกว่าการฉีดสเตียรอยด์แก้ปวดนั้น รู้ไหมว่าการที่คุณหมอสงสัยว่าคุณแม่ติดเชื้อและถ้าติดเชื้อจริง การไปฉีดสเตียรอยจะทำให้เชื้อลุกลามและคุณแม่อาจจะเสียชีวิตได้หมอไม่แนะนำเลยครับ ที่หมอต้องการที่ให้คุณแม่แอดมินในคืนนี้เพื่อที่จะได้ใกล้มือหมอเพราะถ้าทำเรื่องส่งตัวไปวันนี้ไม่ทันแล้วเวลาทำการของรพ.ตามสิทธิ์แล้ว อีกทั้งถ้าไม่มีผลการวินิจฉัยสุดท้ายทางรพ.ปลายทางก็ได้แค่ฉีดยาแก้ปวดและให้คุณแม่กลับบ้านเหมือนทุกครั้งที่เคยพบเจอมา เราเลยแจ้งว่าถ้าจะให้คุณแม่นอนที่นี่ 1 คืนและรอฟังผล MRI พรุ่งนี้ และจะขอให้ทางคุณหมอประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์เพื่อรับคุณแม่แอดมิดต่อแบบนั้นได้ไหม คุณหมอแจ้งว่าได้เพราะจะมีการอ่านผลจาก MRI ผลอาการป่วยจะแสดงชัดเจนมากขึ้น หมอจะสามารถเขียนผลการวินิฉัยเบื้องต้นเพื่อประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์ได้ เราจึงตกลงเพราะได้คุยกับทางรพ.แจ้งว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 บาท แต่ยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพราะถึงจะเกินแต่น่าจะพอไหวเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ย้ายคุณแม่ไปรักษาตามสิทธิ์ เราคิดว่าทางนี้น่าจะดีที่สุดกับคุณแม่เพราะไม่ว่าจะไปห่ที่รพ.ไหน ก็แจ้งว่ายังไงจะต้องขอ MRI เพื่อจะได้ผลการวินิจฉัยที่แม่นยำขึ้น ในวันนั้นคุณแม่จึงได้แอดมิดที่รพ. มีอาการปวดทั้งคืนจนคุณหมอต้องยาแก้ปวดที่ค่อนข้างรุนแรงมากให้กับคุณแม่ค่ะ
- วันที่ 16 ผล MRI แสดงชัดเจนว่ามีการติดเชื้อที่กระดูกสันหลังตรงที่ส่วนคุณหมอเคยแจ้งไว้อยู่จริงๆ คุณหมอได้ประสานส่งตัวไปยังรพ.ตามสิทธิ์ให้แล้วอยู่ระหว่างการทำเรื่องส่งต่ออยู่ ส่วนติดเชื้ออะไรนั้นไม่ทราบเพราะจะต้องตัดชิ้นเนื้อไปเพาะดูเชื้อซึ่งได้มีคุณหมอทางด้านติดเชื้อมาแจ้งการวินิจฉัยเบื้องต้นและสงสัยว่าเป็นวัณโรคกระดูก คุณหมอติดเชื้อสอบถามถึงมีใครใกล้ชิดที่เคยเป็นวัณโรคปอดไหม ซึ่งพี่ชายของแฟนนั้นเคยเป็นวัณโรคปอดระยะแพร่เชื้อแต่เป็นมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งหมอติดเชื้อบอกว่าเป็นได้ว่าคุณแม่อาจจะไปรับเชื้อมาและเชื้อนั้นเป็นวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย พอร่างกายตรงไหนอ่อนแอเชื้อตัวนี้ก็จะไปเกาะและทำลายส่วนนั้น อันนี้คือผลวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนจะทำการส่งตัวไปรพ.ตามสิทธิ์
- จากการประสานงานของทางรพ.คุณแม่ได้เตียงที่รพ.ตามสิทธิเพราะคนไข้ติดเชื้อไม่สามารถให้ออกจากรพ.ได้ และทางรพ.ตามสิทธิ์รับตัวไว้ ต้องขอบคุณการประสานงานของรพ.เอกชนแถวรามคำแหงแห่งนั้นมากๆค่ะ
- และจนถึงวันนี้ 24 มกรา รพ.ตามสิทธิ์ของคุณแม่ก็ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยค่ะว่าคุณแม่เป็นอะไร คุณแม่มีอาการปวดหนักมากขึ้นเรื่อยๆจนทางคุณหมอได้ประสานแพทย์เฉพาะทางเพื่อระงับความเจ็บปวดมาให้อาการถึงได้ทุเลาลง มีช่วง 18 มีการเก็บเลือด เก็บเสมหะไปเพาะเชื้อผลก็ยังไม่ออก หมอต้องรอผลเพาะเชื้อที่หลังอย่างเดียวเลยค่ะ และมีการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมวันที่ 21 มกราคม ต้องรอผลอีก 5-7 วันค่ะ สอบถามคุณหมอที่ดูแล โรคที่เป็นไปได้คือ 1.ติดเชื้อ 2.วัณโรคกระดูก 3.มะเร็งขั้นลุกลาม ซึ่งหนักไปทางข้อที่ 1 กับ 3 จึงต้อง CTScan วันที่ 26 เพื่อจะดูช่องท้องทั้งหมดว่าพบมะเร็งไหม เพราะถ้าเป็นมะเร็งจริงโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ที่หลังนั้นจะเป็นขั้นลุกลามมาจากมะเร็งส่วนอื่นค่ะ
- ใครพอจะมีความรู้เรื่องโรคแบบนี้ไหม ตอนนี้เราร้อนใจเรื่องอาการป่วยของคุณแม่มากๆค่ะ
- สุดท้ายนี้เราขอฝากเรื่องนี้เตือนใจกับทุกๆคนค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่มีอาการปวดหลังรีบพาท่านไปหาหมอก่อนที่จะอาการแย่ลงและทรุดลงไวมากเหมือนคุณแม่ของแฟนเราค่ะ ขอบคุณทุกๆคนมากที่เข้ามาอ่านค่ะ
แม่สามีเราป่วยเป็นโรคอะไรจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดเลยใครพอจะมีความรู้บ้างคะ และเราอยากจะระบายความอัดอั้นด้วยค่ะ
- คุณแม่ของแฟนมีอาการปวดหลังมา 4-5 เดือนแต่ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาที่คลีนิคใกล้บ้าน โดยหมอก็จ่ายแต่ยาแก้ปวด ช่วงกลางเดือนธันวาคมอาการปวดไม่ได้ทุเลาลงเลยคุณแม่จึงขอร้องให้คุณหมอส่งตัวไปรักษาที่รพ. และได้ทำนัดใบส่งตัววันที่ 13 มกราคม 68 ค่ะ
-คุณแม่มีอาการปวดหลังมากจนนอนไม่ได้ ถ่ายไม่ออก มาโดยตลอดจนถึงวันที่ 7 มกรา 68 ปวดไม่ไหวไปหาหมอที่คลีนิคแต่ที่คลีนิคไม่มียาแก้ปวดฉีดให้ส่งตัวต่อไปรพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิแต่พอไปถึงรพ.กลับแจ้งว่าไม่มีคุณหมอฉีดยาให้แล้ว ให้กลับบ้านไปและกลับมาใหม่ในพรุ่งนี้สามารถใช้ใบส่งตัวมายื่นได้เลย
-ระหว่างนั้นทางพี่สาวแฟนได้แนะนำให้คุณแม่ไปฉีดสเตียรอยด์ที่คลีนิคแห่งหนึ่งซึ่งดังมากเรื่องการปวดข้อ แต่คุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้ก็ได้หาหมอแล้ว ทางพี่สาวแฟนจึงได้ทำนัดให้วันที่ 10 มกราคม เผื่ออาการของคุณแม่ไม่ดีขึ้นหลังจากที่ไปหาหมอในวันพรุ่งนี้
- วันที่ 8 มกราคม เราเดินทางไป รพ.นั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าใบส่งตัวนั้นใช้ไม่ได้เพราะเป็นของเมื่อวานถ้าจะหาหมอวันนี้ต้องจ่ายเงินเอง เราจึงตกลงเพราะคุณแม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่พอขึ้นไปถึงแผนกกระดูก พยาบาลที่เคาท์เตอร์แจ้งว่าวันนี้หมอสันหลังไม่เข้าถ้าจะหาหมอสันหลังต้องมาตามในใบนัดคุณแม่วันที่ 13 เราแจ้งว่าคุณแม่ปวดหลังไม่ไหวจริงๆ พยาบาลจึงบอกให้เราลงไปหาหมออายุรกรรแทนให้เขาฉีดยาแก้ปวดให้ ซึ่งตอนนั้นในใจเราร้อนรนมากๆเพราะคุณแม่ปวดไม่ไหว เราเลยตั้งสติโทรหารพ.ทุกรพ.ที่ใกล้ๆเพื่อที่จะได้พาคุณแม่ไปหาหมอกระดูกโดยตรง จนแฟนเราสามารถหาได้หมอที่รพ.ใกล้เคียง ในช่วงเย็นคุณแม่ได้เอ็กซเรย์ดูกสันหลังแต่ตอนนั้นคุณแม่นอนราบไม่ได้เลยค่ะ ต้องยืนเอกซเรย์แบบที่เราเอกซเรย์ปอดกันค่ะ จากผลตรวจพบว่าสันหลังเสื่อมและกระดูกพรุนมากๆค่ะ ซึ่งหมอแจ้งว่าไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดแต่ต้องกายภาพบำบัดบวกกับทานวิตามินเสริมเพื่อไม่ให้กระดูกแย่ไปมากกว่านี้ ทางเราจึงบอกคุณหมอว่าคุณแม่มีนัดตามสิทธิ์ในวันที่ 13 มกราคา คุณหมอได้จ่ายยาแก้ปวดและฉีดยาแก้ปวดและนัดครั้งต่อไป และเราได้สอบถามคุณหมอถ้าจะไปคลีนิคที่พี่สาวแฟนนัดให้วันที่ 10 เพื่อแก้ปวดให้คุณแม่ระหว่างนี้สามารถทำได้ไหมเพราะคุณแม่มีอาการปวดมาก ทางคุณหมอแจ้งว่าทำไม่ได้นะครับคนไข้ปวดที่หลังการที่ฉีดสเตียรอยเข้าเส้นช่วยได้ไม่นานก็จะปวดอีกครับถ้าอยากจะให้หายปวดต้องฉีดเข้าที่สันหลังตรงข้อที่เป็นปัญหาซึ่งการที่จะทำแบบนั้นได้ต้อง MRI ดูว่าจะฉีดเข้าข้อไหนได้ครับ ซึ่งเย็นวันนั้นคุณแม่จึงให้พี่สาวแฟนยกเลิกนัดหมอที่คลีนิคไปค่ะ
-คุณแม่เริ่มมีอาการปวดหลังมากจนแทบจะทำทุกอย่างลำบากไปหมดได้นอนเฉยๆอยู่บนห้องจนถึงวันที่ 12 มกรา ปวดจนไม่ไหวและตอนนั้นจึงได้โทรตามพี่สาวแฟนมาพาไปหาหมอที่ รพ.เอกชนชื่อดังแถวรามคำแหง คุณหมอขอเอ็กซเรย์เพื่อตรวจสอบดูอาการเบื้องต้นก่อนที่จะการฉีดยาแก้ปวดให้ ครั้งนี้อาจจะเพราะเป็นรพ.เอกชนมีผู้ช่วยหลายคนคุณแม่จึงสามารถนอนเอ็กซเรย์ได้ค่ะ
-ผลการตรวจ 12 มกราคม คุณหมอแจ้งว่าสันหลังคุณแม่เสื่อมมากพรุนมากๆเหมือนกับคุณหมอท่านแรกที่ได้พบ แต่ได้ตรวจพบคล้ายกับเป็นอาการติดเชื้อที่กระดูกส่วนบนเพราะจากผลกระดูกส่วนนั้นมองไม่เห็นค่ะ หมอแจ้งว่าเป็น 3 อย่าง 1.ติดเชื้อ(คุณหมอเน้นหนักไปทางนี้มากที่สุด) 2.ก้อนเนื้อปกติ 3.ก้อนเนื้อร้าย หมอจะขอ MRI เพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เราจึงได้แจ้งคุณหมอว่าจะขอไปหาตามสิทธิในวันพรุ่งนี้ และเราเลยขอจึงขอผลวินิจฉัยกับผลเอ็กซเรย์กับทางรพ.เพื่อนำไปหาหมอในวันพรุ่งนี้ค่ะ
-วันที่ 13 มกรา คุณแม่ได้พบหมอที่รพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิ คุณหมอแจ้งเหมือนกันค่ะแต่เห็นต่างตรงกระดูกที่มองไม่เห็นว่ากระดูกไม่ได้ติดเชื้อแต่มันแค่บางมากจนมองไม่เห็นคุณหมอได้ส่งคุณแม่ตรวจทุกอย่าง และจากการที่เรายกมือไว้ขอร้องทุกๆแผนกที่คุณหมอส่งตรวจเลยได้คิวที่ไวที่สุดมากๆมาค่ะ คือ MRI วันที่ 13 กุมภา แล้วหลังจากนั้นก็ได้ฉีดยาแก้ปวดและจ่ายยาตามนัดหมอค่ะ
-วันที่ 15 มกราคม คุณแม่ปวดหลังจนตัวสั่นตัวเกร็งไปหมดเลยไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย ขยับไม่ได้เลย แฟนเราเลยโทรหาพี่สาวเพื่อที่จะพาคุณแม่ไป MRI ที่รพ.เอกชนที่เคยพาคุณแม่ไป เนื่องจากเราได้มีการโทรประสานหารพ.รัฐเกือบทุกที่แต่ปรากฎว่าไม่มีที่ไหนที่จะสามารถให้คิว MRI กับคุณแม่ได้ก่อนวันที่ 13 กุมภาเลยค่ะ เราได้มีการคาดคะเนค่าใช้จ่ายกันว่าประมาณ 30,000 บาท รวม MRI ฉีดสี ค่าหมออ่าน ค่ารถพยาบาล ค่าฉีดยาแก้ปวด ทางพี่สาวจึงตกลงและรีบให้แฟนเราเรียกรถพยาบาลมารับคุณแม่ไป พอถึงรพ.คุณแม่ปวดมากจนถึงขั้นไข้ขึ้น คุณหมอจึงแจ้งว่าต้องให้คุณแม่แอดมิด เราจึงได้สอบถามคุณหมอว่าถ้าจะไม่นอนแล้วให้คุณหมอทำการ MRI เพื่อฉีดสเตียรอยแก้ปวดแบบนั้นให้คุณแม่แทนได้ไหมเพราะเราเคยสอบถามจากอีกที่รพ.ว่าทำได้แต่ทำ MRI ก่อน แต่ทางคุณหมอบอกว่าการฉีดสเตียรอยด์แก้ปวดนั้น รู้ไหมว่าการที่คุณหมอสงสัยว่าคุณแม่ติดเชื้อและถ้าติดเชื้อจริง การไปฉีดสเตียรอยจะทำให้เชื้อลุกลามและคุณแม่อาจจะเสียชีวิตได้หมอไม่แนะนำเลยครับ ที่หมอต้องการที่ให้คุณแม่แอดมินในคืนนี้เพื่อที่จะได้ใกล้มือหมอเพราะถ้าทำเรื่องส่งตัวไปวันนี้ไม่ทันแล้วเวลาทำการของรพ.ตามสิทธิ์แล้ว อีกทั้งถ้าไม่มีผลการวินิจฉัยสุดท้ายทางรพ.ปลายทางก็ได้แค่ฉีดยาแก้ปวดและให้คุณแม่กลับบ้านเหมือนทุกครั้งที่เคยพบเจอมา เราเลยแจ้งว่าถ้าจะให้คุณแม่นอนที่นี่ 1 คืนและรอฟังผล MRI พรุ่งนี้ และจะขอให้ทางคุณหมอประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์เพื่อรับคุณแม่แอดมิดต่อแบบนั้นได้ไหม คุณหมอแจ้งว่าได้เพราะจะมีการอ่านผลจาก MRI ผลอาการป่วยจะแสดงชัดเจนมากขึ้น หมอจะสามารถเขียนผลการวินิฉัยเบื้องต้นเพื่อประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์ได้ เราจึงตกลงเพราะได้คุยกับทางรพ.แจ้งว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 บาท แต่ยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพราะถึงจะเกินแต่น่าจะพอไหวเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ย้ายคุณแม่ไปรักษาตามสิทธิ์ เราคิดว่าทางนี้น่าจะดีที่สุดกับคุณแม่เพราะไม่ว่าจะไปห่ที่รพ.ไหน ก็แจ้งว่ายังไงจะต้องขอ MRI เพื่อจะได้ผลการวินิจฉัยที่แม่นยำขึ้น ในวันนั้นคุณแม่จึงได้แอดมิดที่รพ. มีอาการปวดทั้งคืนจนคุณหมอต้องยาแก้ปวดที่ค่อนข้างรุนแรงมากให้กับคุณแม่ค่ะ
- วันที่ 16 ผล MRI แสดงชัดเจนว่ามีการติดเชื้อที่กระดูกสันหลังตรงที่ส่วนคุณหมอเคยแจ้งไว้อยู่จริงๆ คุณหมอได้ประสานส่งตัวไปยังรพ.ตามสิทธิ์ให้แล้วอยู่ระหว่างการทำเรื่องส่งต่ออยู่ ส่วนติดเชื้ออะไรนั้นไม่ทราบเพราะจะต้องตัดชิ้นเนื้อไปเพาะดูเชื้อซึ่งได้มีคุณหมอทางด้านติดเชื้อมาแจ้งการวินิจฉัยเบื้องต้นและสงสัยว่าเป็นวัณโรคกระดูก คุณหมอติดเชื้อสอบถามถึงมีใครใกล้ชิดที่เคยเป็นวัณโรคปอดไหม ซึ่งพี่ชายของแฟนนั้นเคยเป็นวัณโรคปอดระยะแพร่เชื้อแต่เป็นมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งหมอติดเชื้อบอกว่าเป็นได้ว่าคุณแม่อาจจะไปรับเชื้อมาและเชื้อนั้นเป็นวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย พอร่างกายตรงไหนอ่อนแอเชื้อตัวนี้ก็จะไปเกาะและทำลายส่วนนั้น อันนี้คือผลวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนจะทำการส่งตัวไปรพ.ตามสิทธิ์
- จากการประสานงานของทางรพ.คุณแม่ได้เตียงที่รพ.ตามสิทธิเพราะคนไข้ติดเชื้อไม่สามารถให้ออกจากรพ.ได้ และทางรพ.ตามสิทธิ์รับตัวไว้ ต้องขอบคุณการประสานงานของรพ.เอกชนแถวรามคำแหงแห่งนั้นมากๆค่ะ
- และจนถึงวันนี้ 24 มกรา รพ.ตามสิทธิ์ของคุณแม่ก็ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยค่ะว่าคุณแม่เป็นอะไร คุณแม่มีอาการปวดหนักมากขึ้นเรื่อยๆจนทางคุณหมอได้ประสานแพทย์เฉพาะทางเพื่อระงับความเจ็บปวดมาให้อาการถึงได้ทุเลาลง มีช่วง 18 มีการเก็บเลือด เก็บเสมหะไปเพาะเชื้อผลก็ยังไม่ออก หมอต้องรอผลเพาะเชื้อที่หลังอย่างเดียวเลยค่ะ และมีการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมวันที่ 21 มกราคม ต้องรอผลอีก 5-7 วันค่ะ สอบถามคุณหมอที่ดูแล โรคที่เป็นไปได้คือ 1.ติดเชื้อ 2.วัณโรคกระดูก 3.มะเร็งขั้นลุกลาม ซึ่งหนักไปทางข้อที่ 1 กับ 3 จึงต้อง CTScan วันที่ 26 เพื่อจะดูช่องท้องทั้งหมดว่าพบมะเร็งไหม เพราะถ้าเป็นมะเร็งจริงโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ที่หลังนั้นจะเป็นขั้นลุกลามมาจากมะเร็งส่วนอื่นค่ะ
- ใครพอจะมีความรู้เรื่องโรคแบบนี้ไหม ตอนนี้เราร้อนใจเรื่องอาการป่วยของคุณแม่มากๆค่ะ
- สุดท้ายนี้เราขอฝากเรื่องนี้เตือนใจกับทุกๆคนค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่มีอาการปวดหลังรีบพาท่านไปหาหมอก่อนที่จะอาการแย่ลงและทรุดลงไวมากเหมือนคุณแม่ของแฟนเราค่ะ ขอบคุณทุกๆคนมากที่เข้ามาอ่านค่ะ