สาเหตุอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 40.6 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 23.31 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 14.29 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 87.01 นอกจากนี้ อุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากการดื่มแล้วขับและขับเร็ว ส่งผลกระทบและสร้างความสูญเสียอย่างมหาศาล เจ็บ ตายและพิการ ขาดรายได้ หยุดงาน
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงบนเส้นทางและช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เพราะอุบัติเหตุในประเทศไทยมีความรุนแรง โดยเฉพาะที่มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับรถ เพราะการดื่มส่งผลกระทบต่อความสามารถในการขับขี่ 1. มองไม่เห็นคนข้ามถนน แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการโฟกัสของดวงตา 2. สมองสั่งเบรกไม่ทัน แอลกอฮอล์ทำให้การส่งต่อข้อมูลจากสมองสู่อวัยวะส่วนอื่นช้าลง 3. ตัดสินใจผิดพลาด แอลกอฮอล์ส่งผลต่อความสามารถในการตัดสินใจเมื่อเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้า 4. ง่วงซึม หลับใน แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทเฉื่อยชา
เปิดโทษเมาแล้วขับ
เมาขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โทษจำคุก 1 - 5 ปีปรับ 20,000 - 100,000 บาท พักใช้ใบขับขี่ ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ เพิกถอนอาจมีโทษอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณี (ข้อมูลจาก : พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522)
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุก 2 - 6 ปีปรับ 40,000 - 120,000 บาทพักใช้ใบขับขี่ ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ เพิกถอนอาจมีโทษอื่นๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณี
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 3 - 10 ปี ปรับ 60,000 - 200,000 บาท เพิกถอนใบขับขี่อาจมีโทษอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณี (ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 )
และในปัจจุบันได้มีปรับปรุงกฎหมายจราจรฉบับใหม่ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ทำผิดครั้งแรก มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 ถึง 20,000 บาท หากทำผิดซ้ำข้อหา "เมาแล้วขับ" ภายใน 2 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000 ถึง100,000 บาท และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ ถูกพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ข้อมูลจาก:
https://www.thairath.co.th/news/local/2833202
เฝ้าระวัง 10 วันอันตราย พบ "ซิ่ง-ตัดหน้า-เมาขับ" ปัจจัยหลักการเกิดอุบัติเหตุ เดินทางช่วง ปีใหม่
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงบนเส้นทางและช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เพราะอุบัติเหตุในประเทศไทยมีความรุนแรง โดยเฉพาะที่มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับรถ เพราะการดื่มส่งผลกระทบต่อความสามารถในการขับขี่ 1. มองไม่เห็นคนข้ามถนน แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการโฟกัสของดวงตา 2. สมองสั่งเบรกไม่ทัน แอลกอฮอล์ทำให้การส่งต่อข้อมูลจากสมองสู่อวัยวะส่วนอื่นช้าลง 3. ตัดสินใจผิดพลาด แอลกอฮอล์ส่งผลต่อความสามารถในการตัดสินใจเมื่อเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้า 4. ง่วงซึม หลับใน แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทเฉื่อยชา
เปิดโทษเมาแล้วขับ
เมาขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โทษจำคุก 1 - 5 ปีปรับ 20,000 - 100,000 บาท พักใช้ใบขับขี่ ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ เพิกถอนอาจมีโทษอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณี (ข้อมูลจาก : พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522)
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุก 2 - 6 ปีปรับ 40,000 - 120,000 บาทพักใช้ใบขับขี่ ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ เพิกถอนอาจมีโทษอื่นๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณี
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 3 - 10 ปี ปรับ 60,000 - 200,000 บาท เพิกถอนใบขับขี่อาจมีโทษอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณี (ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 )
และในปัจจุบันได้มีปรับปรุงกฎหมายจราจรฉบับใหม่ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 เพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ทำผิดครั้งแรก มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 ถึง 20,000 บาท หากทำผิดซ้ำข้อหา "เมาแล้วขับ" ภายใน 2 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000 ถึง100,000 บาท และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ ถูกพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ข้อมูลจาก: https://www.thairath.co.th/news/local/2833202