เรื่องสั้น วันวาน กับ มุมมองของวันนี้

กระทู้สนทนา
วันก่อนเจอเพื่อนสมัยมัธยมคนนึง แล้วก็คุยกัน ว่ายังเจอเพื่อนคนไหนบ้าง ก็ทำให้อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาครับ

ในสมัยมัธยม การเลื่อนชั้นพ้นวัยประถม ถือว่า ท้าทายมากๆ เพราะ  7 ปี เรียนที่เดียว อนุบาล ยัน ประถม 6 รู้จักครูทุกท่าน เจอรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนเก่าๆ มา 7 ปี นับเป็นเวลา นานมาก หากปัจจุบัน จะหาคนทำงานที่เดียว 7 ปี ไม่ได้หาง่ายๆ เหมือนกัน ยกเว้น ข้าราชการ คงจะอยู่กันจนเกษียณ เยอะหน่อย 

แต่เอกชน ทำกันไม่ทนก็เยอะ

การขึ้น มัธยม 1 เพื่อนใหม่ มาจากสารพัดทีศทาง และ สอบเข้า โรงเรียนมัธยม รัฐบาลได้ด้วยไม่ต้องใช้ เส้นหมี่ เส้นใหญ่ หรือ อะไรเลย ก็ถือว่า โอเค สำหรับเด็กสมัยก่อน ที่ เรียนบ้าง เล่นบ้าง แต่มันก็ไม่ยากจนแค่ระดับประถม จะผ่านมาได้ อ้อ มีเรื่องจรีงเหมือนในหนังแฟนฉันคือ ผมเรียน ป 3 เพื่อน ผมเรียน ป 4  จน ผมขึ้น ป 4 เพื่อนผมก็อยู่ ป 4 และ เมื่อผมขึ้น ป 5 เพื่อนผมคนนั้น ก็อยู่ ป 4 จนผมขึ้น ป 6 เพื่อนผมคนนั้น จึงขึ้น ป 5 ไปเข่าค่ายลูกเสือด้วยกัน 

ตอนดูหนังแฟนฉัน ผมนึกในใจ หนังเรื่องนี้ จะมีอะไรเหมือนชีวีตผมมากไปไหม ทั้งตึกราบ้านช่อง ผมก็อยู่แบบนั้น แถมชื่อตัวละคร ดันมีเหมือน ผมด้วยนะ คนนึง แต่ไม่บอกว่าใคร ก็จบไปได้ ประถม โรงเรียนรัฐบาลสมัยก่อน 

มาถึงมัธยม ทุกอย่างใหม่หมด สีกางเกง ตัวอักษรย่อ พร้อมหมายเลขประจำตัวนักเรียน 5 หลัก ท่ามกลางวัดที่ค่อนข้างดัง โรงเรียนแห่งนี้ บรรยากาศดีมากๆเลย แถมเป็น โรงเรียนชายล้น อ้าว เฮ้ย ลืมดู ผมมาสมัคร โรงเรียนที่ไม่มีเด็ก ผญ เลย อ่ะ จ๊าก โถ ... แต่ไม่เป็นไรชายล้วน ก็มันส์เหมือนกัน อย่างน้อย ก็ ไม่มีคำว่า รังแก ผญ ละนะ 

ใน โรงเรียนชายล้วนในวัดดังของโรงเรียน รัฐบาล แน่นอน ครูฝ่ายปกครอง ต้องสุดพอควร โดยเฉพาะพวกรุ่นพี่ ม ปลาย ซึ่งเราไม่เคยไปกล้าแหยม แค่ พวกเรา ม 1 กระหยองกระแหยง จนถึง ม 3 รุ่นพี่ไม่เคยแตะ เลย มีแต่กัดกันเองบ้าง ตามประสาเด็ก ผช วัย 14 -15 ปากแตก ตาปูด กลับบ้าน พ่อแม่ไม่เคยมาเคลียร์เลย เพราะเด็กจบกันเองได้ ไม่มีอะไรยืดเยื้อ แบบ ล้างแค้น ก็ มันต่อยกันเองนี่

วันเวลาผ่านไป ม 1 2 3 แต่ละปีต้องเลือกเรียน ว่าจะต่อทางไหน อังกฤษ ศีลป์ หรือ ครึ่งๆ มีหมดสมัยนั้นนะ ไม่ต้องมองหา ครูแนะแนว มีคนเดียว นักเรียนหลายร้อย ไม่ค่อยหวังอะไรจากครูแนะแนว เราก็เลือกกันเอง 

เรื่องนักเรียน เพื่อนฝูง ไม่ทะเลาะกันเลย คงยาก มันไม่มากก็น้อยต้องมีครับ แต่อย่างที่บอก ก็ไม่ต่างกับประถม มันก็มีมาตั้งแต่ประถมแล้ว ดังนั้น ม ต้น ดีกว่า ประถม แต่ไม่มากนัก ในแง่ ยังมีปัญหากระทบกระทั่ง แบบ ม้วนเดียวจบ ต่อยกันพอเจ็บตัวพอใจ แล้วแยกย้าย แถมมารู้ทีหลังว่า อ้าว บ้านอยู่ใกล้กันอีกไอ้บรูซ เวยน์ นี่ เป็นแบทแมน ก็ไม่บอก ....

มุมมองของเด็กตอนนั้น ง่าย ตื้นๆ อะไรก็ไม่ได้กลั่นกรอง ประสบการณ์เหรอ ไม่มีหรอก หลังจากดู ไอ้มดแดง ก็มาต่อ มนุษย์ไฟฟ้า จะให้ฉลาดขนาดไหน แต่เรื่องคบเพื่อน อันนี้ การมีน้ำใจ จากคนหลากหลายวงกว้างกว่าประถม มันดีกว่านะ

แต่มี สถานการณ์นึง ในวันที่มีเรียน พละ นักเรียนคนนึง ได้ข่าวว่า ป่วย แต่ครูพละ ไม่ทราบว่าป่วยแค่ไหน ก็ให้ลงเรียนพละ แล้ว รุ่นน้องคนนั้น มาเสียชีวีต ลงในเวลานั้นเลย ครูกลายเป็น จำเลยหมายเลข 1 ในวันนั้น ขณะท่ี่พวกผม เลื่อนชั้นมา ม 3 แล้ว ทั้งโรงเรียน เสียงคุยกันของ นร ชาย ด่าครูกันส่วนใหญ่ กับ พวกไม่พูด ไม่กล้า และ วันนึง ครูท่านนั้น ต้องไปยืน หน้าแถวก่อนเคารพธงชาต กล่าวคำไว้อาลัย ให้น้องคนนั้น ด้วยตัวครูเอง 

อย่างแรกเลย ตอนนั้น เราเสียใจ ไม่เคยมีใครตายเลย มีน้องคนนี้คนแรก แต่เราก็ไม่รู้ว่า เหตุการณ์เป็ฯไง แต่เสียงตำหนีครู ก็ยังมีตอนที่ยืนไว้อาลัย ส่วน ผมก็จำไม่ได้มาก จำได้คือ เราก็ยืนนี่งกันไม่ได้พูดอะไร 

เรื่องวันนั้น กับ มุมมองในเวลาต่อมา เมื่อผมทำงานแล้ว หลายปีเราจึงเข้าใจครู ว่า 
1  ครูเขาไม่อยากให้เกีดเรื่องนั้นหรอก หากแลกได้ ครูคง แลกด้วยหลายๆอย่าง ไม่ให้มันเกีดเรื่องแบบนั้น
2 ครู โชคร้าย น้องก็โชคร้าย แต่ พวกที่ด่าเขา ไม่ได้รู้เหวอะไรเลย ด่าอย่างเดียว  วันนั้น คนป่วย ครูไม่ใช่หมอ นักเรียน ก็มีหลากหลาย ใครจะไปคาดฝันว่า ลงเล่นพละ แล้วตาย ?  ไม่มีหรอก 
3 วันที่ครูไปยืนพูดหน้าเสาธงน่ะ ครูไม่ได้ร้องไห้เลย แต่ผมว่า ครูผู้ชายท่านนั้น ในใจคงย่ำแย่มากๆ ก้มหน้าแต่ต้องไปต่อ ซึ่งผมไม่รู้นะว่า คดี มันจบยังไง

รู้แต่ว่า ตอนเด็กน่ะ เราไม่เข้าใจครูหรอก แต่โตมาแล้ว เราถึงเข้าใจ หลายๆอย่าง ในชีวีต หนัง ลาบูม ที่ว่าดังๆ วัยรุ่นไปดู ผมตอบได้เต็มปากเลย ดูไม่รู้เรื่อง ไปดู นางเอกน่ารัก กับ เพลงเพราะ หนังไม่เห็นสนุกเลย พอโตมา ดูถึงรู้ว่า อ้าว นี่มันหนังครอบครีวนี่หว่า 

แล้ว ลาบูมก็ไม่ใช่ชือคนนะ เป็นการจัดปาร์ตี้ค้างคืนบ้านเพื่อน อันนี้ ฝรั่งเศส เพื่อนร่วมงานบอกเลย ว่า ไม่เหมือน sleepoever ที่แค่ไหนนอนเล่นไม่ปาร์ตี้ เออ เรียกว่า กว่าจะรู้อะไรหลายๆอย่างนะ มันต้องโตหน่อย ถึงจะเข้าใจ ถึงจะรู้ว่า น่าสนใจ ในประเด็นไหน

ตอนเด็กนี่ ง่ายๆ ตรงมาตรงไป แต่ก็ คนยุคนั้น เด็กด้วยกันก็ หลอกกันเล่นบ่อย จน ไม่ได้ซื่อบื้อเชื่อเพื่อนไปหมด มันก็ดีไปอย่างที่ มันเป็นยุคที่ จะเล่นกัน มันก็มีแต่ คำพูด กับ อุปกรณ์ ไม่ได้มี เน็ต มาทำให้รู้สึกเหมือน เป็นตัวน่าชื่อถือ แล้วก็เชื่อไปเลย เวลาใครบอกอะไร เพราะสมัยก่อน ก็ไว้ใจกันไม่ได้ ไม่งั้น โดน อำเละ

ไม่รู้ตอนนี้ครูท่านนั้น อยู่ไหนละ เรื่องนานมาก แต่ผมเข้าใจครูมากขึ้นเยอะ เอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น เพราะว่า ชีวีตผู้ใหญ่ มันยากเย็นเหลือเกีน สำหรับบางคน ที่ไม่ได้รายได้ดี มีงานสวยๆทำ ขณะที่ คนบางคนก็ สบายไปละ ไปสวรรค์บ้าง ร่ำรวยบ้าง ใหญ่โตบ้าง ในรุ่นเดียวกัน มีหมดทุกแบบ สบายไปคนละแบบ 

ก็เป็นอีกกระทู้นึงที่ ไม่มีอะไรเลย 

ขอบคุณครับ 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เพื่อนบางคนก็ นึกถึงเสมอนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่