ต่อจาก หนังสือ คู่มือปฎิบัติวัดท่าซุง เล่ม 1 อานาปานุสสติกรรมฐาน ตอนที่ 13.1 https://pantip.com/topic/43147525
อานาปานุสสติกรรมฐาน ตอนที่ 13.2

นั่นเพราะผมบ้า ตอนนั้นบ้าอย่างมาก พวกคุณที่ว่าบ้าน่ะไม่ทันผมหรอก ไม่ใช่จะเอาแก่มาอวด ผมรู้พวกคุณนี่น่ะ บ้าๆ บอๆ บ้ารัก บ้าโลภ บ้าโกรธ บ้าหลง บ้าไม่ทันผมหรอก ไอ้ผมนี่มันบ้ารัก รักนี่บ้ามาก แต่โลภไม่ค่อยบ้าแฮะ เพราะชอบแจกเพื่อน ขโมยปลาหมึกแจกเพื่อนมาตั้งแต่เด็กๆ มีอะไรกินนิดกินหน่อย กินคนเดียวไม่ได้ จนกระทั่งญาติผู้ใหญ่บางคนท่านตำหนิว่า “ไอ้นี่แหละกินคนเดียวไม่ได้ ต้องเผื่อหมาอยู่เรื่อย” แต่คุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ดุ บอกช่างมัน สิทธิ์ของมันมีเท่านั้น มันจะไปแบ่งกับใครก็ช่าง ของกินมีท่านแบ่งเป็นส่วน เอาขนมเอาไปคนละถ้วย ถ้วยเท่ากันหมด เล็กโตกินเท่ากัน คำว่าเท่ากันนี่หมายความว่าต้องพออิ่ม แต่ว่าส่วนใหญ่ท่านจะทำให้เกินไว้เสมอ ผมมีผมก็ไปแจกเพื่อนในสิทธิในส่วนที่เป็นของผม ญาติผู้ใหญ่บางคนท่านว่าเอา ท่านว่าไอ้นี่ละกินต้องเผื่อชาวบ้าน ตัวเองก็ไม่ทันจะอิ่ม คุณแม่ท่านบอก ช่างมันๆ ของของมัน มีสิทธิเท่านั้นมันมาเอาอีกไม่ได้ จะแบ่งกับใครก็ช่าง มันจะไม่กินเลย ให้เพื่อนกินทั้งหมดก็ช่าง
นี่ว่าเรื่องความโลภนี่ ผมมีความบ้าน้อยไปนิดหนึ่ง เรื่องความรักนี่บ้ามาก มาถึงด้านความโกรธ บ้าพอกับความรัก นี่ผมเกาะมันไว้นะ บ้าพอๆ กับความรัก ผมบ้าจริงๆ ความโกรธน่ะผมบ้าเต็มขั้นเลยคุณ ถ้าใครทำให้ผมโกรธโดยไร้เหตุไร้ผลโดยผมไม่มีความผิด ผมจะต้องหาทางตอบสนองให้ได้ ที่เรียกกันว่าพยาบาท ถ้าทำไม่ได้ผมจะยอมตายเสียดีกว่า นี่ความโกรธผมเต็มขั้นเลยคุณ เต็มจริงๆ ผมว่าไอ้บ้าตัวนี้พวกคุณมันบ้าน้อยกว่าผมนา ผมยิงคนกลางคืนไม่ได้ผมต้องยิงกลางวัน ยิงลับหลังไม่ได้ผมต้องยิงต่อหน้า ยิงนอกบ้านไม่ได้ผมต้องขึ้นไปยิงบนบ้าน นี่คุณอย่ามาเลวตามผมนะ นี่ผมเอาเลวอวดคุณ ว่าผมน่ะมันบ้ามาพอ
แล้วก็ไอ้บ้าโมหะ ความหลงนั้นไม่ต้องพูดละ ถ้ามันรักได้มันโกรธได้ มันก็มีโมหะ มันก็หลง นี่บ้า ถ้าใครว่าผมบ้า ผมรับ ผมเจ้าชู้มาพอ เจ้าชู้จนเบื่อ เวลานี้นึกถึงภาพนั้นขึ้นมาเมื่อไหร่มันอยากจะอาเจียน เห็นคนแต่งตัวสวยๆ ผิดปกตินี่ใจสะอึกมาทันที มันชักจะติดคอ มันจะอาเจียน เพราะอะไร เพราะว่าร่างกายของคนทุกคนที่เรานึกว่ามันดี พุทโธ่เอ๊ย...สกปรกบอกไม่ถูกเลยคุณ เหม็นหึ่งเหม็นหั่ง อื้อฮือ...ไม่ได้ความ ไอ้เวลาตอนใหม่ๆ พูดกับแก แกก็พูดอ่อนหวาน นานๆ เข้าเจอะคำสำรากเข้าให้แล้ว ผมเปิด ผมต้องการของดี นี่มันไม่ดีผมก็เปิดน่ะซิ
ไอ้ที่ไปทำร้ายคนนั่น เพราะเขาโกงผมก่อน ผมไม่กินเหล้าเมายา ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเบียร์ อะไรผมก็ไม่กิน คุณแม่ให้ภาวนาว่า พุทโธ เป็นปกติผมก็ทำ ถึงวันพระท่านรักษาศีลอุโบสถ ผมก็รักษา แต่ทว่าอย่าโกงผมก่อนนะ ผมไม่โกงใคร แต่ใครอย่าโกงผมก่อน ถ้าโกงแล้วในตอนก่อน ผมจะนิ่งเฉยทำเหมือนกลัวเขา แต่ถ้าถึงที่สุดเมื่อไร คนนั้นต้องจมดินเมื่อนั้น นี่ผมบ้าเต็มที่นะ ความบ้าตอนนี้บ้าไปบ้ามา มันบ้าเต็มภาคภูมิ
ในที่สุดมาบวชแล้ว เจอะหลวงพ่อปานสอน ก็เลยบ้าใหม่ ทีนี้มาบ้าละความรัก บ้าละความโลภ บ้าละความโกรธ บ้าละความหลง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้มันก็ละยังไม่หมด แหม...มันละกันมาหลายสิบปี ละสี่สิบปีกว่า นี่มันยังไม่หมดเลยคุณ มันจะหมดได้ยังไงในเมื่อขันธ์ 5 ยังมีอยู่ โอ้โห...ละยังไงล่ะคุณ เห็นมั้ยล่ะวัดวาอาราม ไม่กี่ปีล่อเสียเลื่อมหรูหราไปหมด พอตั้งกองทุนเข้าหน่อย จะแจกของเป็นสาธารณประโยชน์ โอ้โฮ...เอาเครื่องมือเครื่องใช้เต็มวัดเต็มวา อย่างนี้เขาเรียกว่าบ้าหรือดี นี่มันจะหมดได้ยังไง ในเมื่อมันยังมีขันธ์ 5 ถ้าขันธ์ 5 หมดเมื่อไหร่ ผมก็อาจจะหมดก็ได้ ไม่หมดก็ได้ ตายแล้วผมอยากไปนรกผมก็ไปนรก อยากไปสวรรค์ผมก็ไปสวรรค์ อยากไปพรหมผมก็ไปพรหม ผมอยากไปนิพพานผมก็ไปนิพพาน สุดแล้วแต่มันอยากตอนนั้น มันอยากไปทางไหนก็ไปทางนั้น วันนี้เลยไม่ต้องรู้เรื่องกัน
นี้มาถึงเรื่อง
ตัดความโกรธ อันนี้โกรธนี่ โกรธเราก็ทรงพรหมวิหาร 4 ที่ผมพูดมานี่ พูดให้เข้าใจว่าอารมณ์ใจของคนมันบ้ามาแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มาพูดถึงตัดความโกรธ มันง่ายๆ นิดเดียวล่ะคุณ ถือคาถาไว้ตัวซิ “ช่างมัน...ช่างมัน...ช่างมัน” มันด่าก็ช่างมัน มันว่าก็ช่างมัน มันชมก็ช่างมัน มันสรรเสริญก็ช่างมัน เขาเอาอะไรมาให้ก็ช่าง เขาไม่เอาอะไรมาให้ก็ช่าง ไอ้คำว่าช่างในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าอกตัญญู คือว่าถือว่าเขาให้ก็ดี ไม่ให้ก็ดี หมดเรื่อง ไม่ใช่โกรธ ที่บอกว่าช่างมันน่ะ ดันไปโกรธเขา ไม่ถูก
เป็นอันว่าอันดับแรก เราก็ทรงพรหมวิหาร 4 ลืมตาขึ้นมากว่าจะหลับ จิตคิดไว้เสมอว่า เราจะเป็นมิตรที่ดีสำหรับคนทั้งโลก เห็นไหม ไม่คิดเป็นศัตรูของใครทั้งหมด เห็นหน้าใครก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาแยกเขี้ยวเข้าใส่เราก็นึกว่าเราไม่ใช่หมาไม่มีเขี้ยว ช่าง เห็นหน้าคนก็ยกมือไหว้ รักหมด แต่ไม่รักด้วยกิเลสนะ รักด้วยความปรานี
ข้อที่ 2
กรุณา สงสาร คิดว่า เออ...เราเกิดมาในโลก อย่าทำตนให้เป็นคนรกโลกไร้ประโยขน์เลย เกิดมาแล้วก็ทำความดีมันเสียบ้าง นั่นก็คือหาทางเกื้อกูลแก่บุคคลที่ควรจะให้ ให้ดูคนหน่อยนะ พระพุทธเจ้าท่านว่ายังงั้น อันดับแรกสำหรับคนชั้นต่ำ ใจยังต่ำที่เป็นปุถุชน เลือกเฉพาะคนที่ควรให้ ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทรงให้ดะ ท่านเลือกคนให้ ท่านคิดว่า สิ่งที่ท่านให้ เขารับไปแล้วจะมีประโยชน์ไหม ถ้ามีประโยชน์กับเขาท่านให้ ถ้าให้แล้วไม่มีประโยชน์ ไม่ควรให้
อย่างหนังสือผม คือหนังสือหลวงพ่อปาน หรือของที่ผมแจกก็เหมือนกัน ของแจกไปเป็นวัตถุเสียเยอะ เอาไปวางทิ้งกัน เราทำเกือบตาย หนังสือของหลวงพ่อปานผมเคยแจกคนใกล้วัด 200 เล่มเศษ ผมจำได้ แจกฟรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เป็นต้นมา หรือ 16 จำไม่ได้นะ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2521 ผมเคยไปถาม บางคนบอกยังไม่ได้อ่านเลย บางคนบอกอ่านไปสองสามหน้าไม่มีเวลาอ่าน เห็นไหม ว่าไอ้คนที่ไม่ควรจะให้น่ะ ถ้าขืนให้ไปแล้ว สภาพมันเป็นอย่างนี้ เราต้องลงทุนลงแรง ต้องใช้ปัญญา ต้องใช้เงินใช้ทอง กว่าของมันจะเกิดขึ้นมาได้ ถ้าให้ไปแล้วเขากลับไปทิ้งให้มันไร้ประโยชน์ หนังสือเล่มนี้ครั้งหนึ่งขึ้นราคาถึง 100 บาท เมื่อเวลาที่ขาดไม่มีจำหน่าย ในที่สุดก็ต้องรีบทำขึ้น มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ผมลืมชื่อเสียแล้ว แต่จดหมายเพราะๆ แกจดหมายมาบอกว่าต้องรีบพิมพ์ไม่งั้นจะแย่ เวลานี้เขาขึ้นราคาเล่มละ 100 บาทแล้ว เราขาย 20-30 บาท เจ๊กมานั่งด่าว่า 50 บาทก็ไม่แพง ทำไมถึงขายถูก เขาหาว่าตัดราคาเขา เราก็บอกว่าเราต้องการแต่ทุนเท่านั้น ให้มันหมุนเวียนได้ ไม่ต้องการไปสร้างตึก
อันนี้ต่อไปเรามีความสงสารเกื้อกูล นี่เราคิดหรือเปล่าว่าไอ้การสงสารทำยังไง เราเป็นคนไม่รกโลก อะไรที่เราจะช่วยเขาได้ เราคิดไว้ พอลืมตาขึ้นมาก็ยันหลับ คิดไว้เลยว่าอะไรที่ช่วยได้ เราจะช่วยทุกอย่าง ถ้าไม่เกินวิสัยของเรา อย่าให้อารมณ์ความรักกับควาามสงสารมันขาดจากจิต
แล้วก็ มุทิตา จิตอ่อนโยน มองความดีของคนอื่น อย่ามองความชั่ว แต่ตัวเองมองความชั่วของตัว คนอื่นน่ะมองความดี ว่าคนนี้เขาดียังไงเขาจึงมีความสุข คนนี้เขาทำยังไงจึงร่ำรวย คนนี้เขาทำยังไงจึงเป็นที่รักของคนทั้งหลาย คนนี้เขาทำยังไงร่างกายจึงไม่มีโรค อะไรก็ตามเห็นเขาดีตรงไหนตามดีด้วย ยินดีกับความดี ทำตามไปเลย ตั้งอกตั้งใจทำความดีตามเขา แต่เขาโกงรวย อย่าไปโกงตามเขานะ นั่นมันชั่ว
ทีนี้อารมณ์ความวางเฉย เฉยยอมรับนับถือกฎของธรรมดา ตามที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น อุเบกขาน่ะ วางเฉย เอ้า...ใครเขาอยากจะด่าก็เฉย เขาจะชมก็เฉย ยิ้มๆ ด่าก็ยิ้ม ชมก็ยิ้ม ยิ้มเป็นเครื่องปลอบใจ แก่ก็ยิ้ม ป่วยก็ยิ้ม ของรักของชอบใจพลัดไปก็ยิ้ม ความตายจะมาถึงก็ยิ้ม ยิ้มเพราะอะไร เพราะว่าเรามีอุเบกขา วางเฉย รู้อยู่ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น
รวมความว่า เราจะตัดความโกรธก็ต้องอาศัยพรหมวิหาร 4 ประการ ถ้าอารมณ์พรหมวิหาร 4 ประการ มันประจำอยู่ในใจเป็นปกติ แล้วความโกรธมันจะโผล่มาตรงไหนล่ะ มันจะยื่นหน้าเข้ามาในช่องไหน แล้วคิดไปด้วยว่าโกรธก็ตาย ไม่โกรธก็ตาย เราตายอย่างคนไม่โกรธดีกว่า ใจเรามีความสุข ถ้าเราไปตายอย่างคนที่มีความโกรธ เราก็พังน่ะสิ พังเพราะอะไร เพราะไอ้ความโกรธมันเป็นของไม่ดี ถ้าเราโกรธขึ้นมามันก็ไม่ดี เพราะโกรธไม่ดีนี่ เราเป็นคนก็เป็นคนไม่ดี ถ้าเราจะตายเป็นผีก็กลายเป็นผีไม่ดี เราไม่เอา เป็นคนดีตามคติของพระพุทธเจ้าดีกว่า แต่จงอย่าเป็นคนดีตามคติของคนเลว ท่านทั้งหลายทรงอารมณ์ใจไว้ได้อย่างนี้เป็นปกติ ชื่อว่ามีฌานในพรหมวิหาร 4 แต่ก็ต้องมีพื้นฐานอานาปานุสสติเป็นพื้นไว้
อย่าปล่อยใจให้มันลอย เห็นใจมันเฟื่องก็จับอานาปานุสสติกับพุทธานุสสติควบคุมใจ วิธีการระงับความโกรธเท่านี้ล่ะคุณ พอ เหลือแหล่ ทำได้น่ะ เหลือ เหลือกินเหลือใช้
เอาละท่านทั้งหลาย มองดูเวลาที่จะแนะนำท่านก็หมดเสียแล้วนี่ ต่อแต่นี้ไปขอทุกท่านตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าเวลานั้นท่านจะเห็นสมควรว่าเลิก
สวัสดี
ลิงค์ทั้งหมด https://pantip.com/profile/8483559#topics
หนังสือ คู่มือปฎิบัติวัดท่าซุง เล่ม 1 อานาปานุสสติกรรมฐาน ตอนที่ 13.2
อานาปานุสสติกรรมฐาน ตอนที่ 13.2
นั่นเพราะผมบ้า ตอนนั้นบ้าอย่างมาก พวกคุณที่ว่าบ้าน่ะไม่ทันผมหรอก ไม่ใช่จะเอาแก่มาอวด ผมรู้พวกคุณนี่น่ะ บ้าๆ บอๆ บ้ารัก บ้าโลภ บ้าโกรธ บ้าหลง บ้าไม่ทันผมหรอก ไอ้ผมนี่มันบ้ารัก รักนี่บ้ามาก แต่โลภไม่ค่อยบ้าแฮะ เพราะชอบแจกเพื่อน ขโมยปลาหมึกแจกเพื่อนมาตั้งแต่เด็กๆ มีอะไรกินนิดกินหน่อย กินคนเดียวไม่ได้ จนกระทั่งญาติผู้ใหญ่บางคนท่านตำหนิว่า “ไอ้นี่แหละกินคนเดียวไม่ได้ ต้องเผื่อหมาอยู่เรื่อย” แต่คุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ดุ บอกช่างมัน สิทธิ์ของมันมีเท่านั้น มันจะไปแบ่งกับใครก็ช่าง ของกินมีท่านแบ่งเป็นส่วน เอาขนมเอาไปคนละถ้วย ถ้วยเท่ากันหมด เล็กโตกินเท่ากัน คำว่าเท่ากันนี่หมายความว่าต้องพออิ่ม แต่ว่าส่วนใหญ่ท่านจะทำให้เกินไว้เสมอ ผมมีผมก็ไปแจกเพื่อนในสิทธิในส่วนที่เป็นของผม ญาติผู้ใหญ่บางคนท่านว่าเอา ท่านว่าไอ้นี่ละกินต้องเผื่อชาวบ้าน ตัวเองก็ไม่ทันจะอิ่ม คุณแม่ท่านบอก ช่างมันๆ ของของมัน มีสิทธิเท่านั้นมันมาเอาอีกไม่ได้ จะแบ่งกับใครก็ช่าง มันจะไม่กินเลย ให้เพื่อนกินทั้งหมดก็ช่าง
นี่ว่าเรื่องความโลภนี่ ผมมีความบ้าน้อยไปนิดหนึ่ง เรื่องความรักนี่บ้ามาก มาถึงด้านความโกรธ บ้าพอกับความรัก นี่ผมเกาะมันไว้นะ บ้าพอๆ กับความรัก ผมบ้าจริงๆ ความโกรธน่ะผมบ้าเต็มขั้นเลยคุณ ถ้าใครทำให้ผมโกรธโดยไร้เหตุไร้ผลโดยผมไม่มีความผิด ผมจะต้องหาทางตอบสนองให้ได้ ที่เรียกกันว่าพยาบาท ถ้าทำไม่ได้ผมจะยอมตายเสียดีกว่า นี่ความโกรธผมเต็มขั้นเลยคุณ เต็มจริงๆ ผมว่าไอ้บ้าตัวนี้พวกคุณมันบ้าน้อยกว่าผมนา ผมยิงคนกลางคืนไม่ได้ผมต้องยิงกลางวัน ยิงลับหลังไม่ได้ผมต้องยิงต่อหน้า ยิงนอกบ้านไม่ได้ผมต้องขึ้นไปยิงบนบ้าน นี่คุณอย่ามาเลวตามผมนะ นี่ผมเอาเลวอวดคุณ ว่าผมน่ะมันบ้ามาพอ
แล้วก็ไอ้บ้าโมหะ ความหลงนั้นไม่ต้องพูดละ ถ้ามันรักได้มันโกรธได้ มันก็มีโมหะ มันก็หลง นี่บ้า ถ้าใครว่าผมบ้า ผมรับ ผมเจ้าชู้มาพอ เจ้าชู้จนเบื่อ เวลานี้นึกถึงภาพนั้นขึ้นมาเมื่อไหร่มันอยากจะอาเจียน เห็นคนแต่งตัวสวยๆ ผิดปกตินี่ใจสะอึกมาทันที มันชักจะติดคอ มันจะอาเจียน เพราะอะไร เพราะว่าร่างกายของคนทุกคนที่เรานึกว่ามันดี พุทโธ่เอ๊ย...สกปรกบอกไม่ถูกเลยคุณ เหม็นหึ่งเหม็นหั่ง อื้อฮือ...ไม่ได้ความ ไอ้เวลาตอนใหม่ๆ พูดกับแก แกก็พูดอ่อนหวาน นานๆ เข้าเจอะคำสำรากเข้าให้แล้ว ผมเปิด ผมต้องการของดี นี่มันไม่ดีผมก็เปิดน่ะซิ
ไอ้ที่ไปทำร้ายคนนั่น เพราะเขาโกงผมก่อน ผมไม่กินเหล้าเมายา ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเบียร์ อะไรผมก็ไม่กิน คุณแม่ให้ภาวนาว่า พุทโธ เป็นปกติผมก็ทำ ถึงวันพระท่านรักษาศีลอุโบสถ ผมก็รักษา แต่ทว่าอย่าโกงผมก่อนนะ ผมไม่โกงใคร แต่ใครอย่าโกงผมก่อน ถ้าโกงแล้วในตอนก่อน ผมจะนิ่งเฉยทำเหมือนกลัวเขา แต่ถ้าถึงที่สุดเมื่อไร คนนั้นต้องจมดินเมื่อนั้น นี่ผมบ้าเต็มที่นะ ความบ้าตอนนี้บ้าไปบ้ามา มันบ้าเต็มภาคภูมิ
ในที่สุดมาบวชแล้ว เจอะหลวงพ่อปานสอน ก็เลยบ้าใหม่ ทีนี้มาบ้าละความรัก บ้าละความโลภ บ้าละความโกรธ บ้าละความหลง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้มันก็ละยังไม่หมด แหม...มันละกันมาหลายสิบปี ละสี่สิบปีกว่า นี่มันยังไม่หมดเลยคุณ มันจะหมดได้ยังไงในเมื่อขันธ์ 5 ยังมีอยู่ โอ้โห...ละยังไงล่ะคุณ เห็นมั้ยล่ะวัดวาอาราม ไม่กี่ปีล่อเสียเลื่อมหรูหราไปหมด พอตั้งกองทุนเข้าหน่อย จะแจกของเป็นสาธารณประโยชน์ โอ้โฮ...เอาเครื่องมือเครื่องใช้เต็มวัดเต็มวา อย่างนี้เขาเรียกว่าบ้าหรือดี นี่มันจะหมดได้ยังไง ในเมื่อมันยังมีขันธ์ 5 ถ้าขันธ์ 5 หมดเมื่อไหร่ ผมก็อาจจะหมดก็ได้ ไม่หมดก็ได้ ตายแล้วผมอยากไปนรกผมก็ไปนรก อยากไปสวรรค์ผมก็ไปสวรรค์ อยากไปพรหมผมก็ไปพรหม ผมอยากไปนิพพานผมก็ไปนิพพาน สุดแล้วแต่มันอยากตอนนั้น มันอยากไปทางไหนก็ไปทางนั้น วันนี้เลยไม่ต้องรู้เรื่องกัน
นี้มาถึงเรื่อง ตัดความโกรธ อันนี้โกรธนี่ โกรธเราก็ทรงพรหมวิหาร 4 ที่ผมพูดมานี่ พูดให้เข้าใจว่าอารมณ์ใจของคนมันบ้ามาแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มาพูดถึงตัดความโกรธ มันง่ายๆ นิดเดียวล่ะคุณ ถือคาถาไว้ตัวซิ “ช่างมัน...ช่างมัน...ช่างมัน” มันด่าก็ช่างมัน มันว่าก็ช่างมัน มันชมก็ช่างมัน มันสรรเสริญก็ช่างมัน เขาเอาอะไรมาให้ก็ช่าง เขาไม่เอาอะไรมาให้ก็ช่าง ไอ้คำว่าช่างในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าอกตัญญู คือว่าถือว่าเขาให้ก็ดี ไม่ให้ก็ดี หมดเรื่อง ไม่ใช่โกรธ ที่บอกว่าช่างมันน่ะ ดันไปโกรธเขา ไม่ถูก
เป็นอันว่าอันดับแรก เราก็ทรงพรหมวิหาร 4 ลืมตาขึ้นมากว่าจะหลับ จิตคิดไว้เสมอว่า เราจะเป็นมิตรที่ดีสำหรับคนทั้งโลก เห็นไหม ไม่คิดเป็นศัตรูของใครทั้งหมด เห็นหน้าใครก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาแยกเขี้ยวเข้าใส่เราก็นึกว่าเราไม่ใช่หมาไม่มีเขี้ยว ช่าง เห็นหน้าคนก็ยกมือไหว้ รักหมด แต่ไม่รักด้วยกิเลสนะ รักด้วยความปรานี
ข้อที่ 2 กรุณา สงสาร คิดว่า เออ...เราเกิดมาในโลก อย่าทำตนให้เป็นคนรกโลกไร้ประโยขน์เลย เกิดมาแล้วก็ทำความดีมันเสียบ้าง นั่นก็คือหาทางเกื้อกูลแก่บุคคลที่ควรจะให้ ให้ดูคนหน่อยนะ พระพุทธเจ้าท่านว่ายังงั้น อันดับแรกสำหรับคนชั้นต่ำ ใจยังต่ำที่เป็นปุถุชน เลือกเฉพาะคนที่ควรให้ ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทรงให้ดะ ท่านเลือกคนให้ ท่านคิดว่า สิ่งที่ท่านให้ เขารับไปแล้วจะมีประโยชน์ไหม ถ้ามีประโยชน์กับเขาท่านให้ ถ้าให้แล้วไม่มีประโยชน์ ไม่ควรให้
อย่างหนังสือผม คือหนังสือหลวงพ่อปาน หรือของที่ผมแจกก็เหมือนกัน ของแจกไปเป็นวัตถุเสียเยอะ เอาไปวางทิ้งกัน เราทำเกือบตาย หนังสือของหลวงพ่อปานผมเคยแจกคนใกล้วัด 200 เล่มเศษ ผมจำได้ แจกฟรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เป็นต้นมา หรือ 16 จำไม่ได้นะ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2521 ผมเคยไปถาม บางคนบอกยังไม่ได้อ่านเลย บางคนบอกอ่านไปสองสามหน้าไม่มีเวลาอ่าน เห็นไหม ว่าไอ้คนที่ไม่ควรจะให้น่ะ ถ้าขืนให้ไปแล้ว สภาพมันเป็นอย่างนี้ เราต้องลงทุนลงแรง ต้องใช้ปัญญา ต้องใช้เงินใช้ทอง กว่าของมันจะเกิดขึ้นมาได้ ถ้าให้ไปแล้วเขากลับไปทิ้งให้มันไร้ประโยชน์ หนังสือเล่มนี้ครั้งหนึ่งขึ้นราคาถึง 100 บาท เมื่อเวลาที่ขาดไม่มีจำหน่าย ในที่สุดก็ต้องรีบทำขึ้น มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ผมลืมชื่อเสียแล้ว แต่จดหมายเพราะๆ แกจดหมายมาบอกว่าต้องรีบพิมพ์ไม่งั้นจะแย่ เวลานี้เขาขึ้นราคาเล่มละ 100 บาทแล้ว เราขาย 20-30 บาท เจ๊กมานั่งด่าว่า 50 บาทก็ไม่แพง ทำไมถึงขายถูก เขาหาว่าตัดราคาเขา เราก็บอกว่าเราต้องการแต่ทุนเท่านั้น ให้มันหมุนเวียนได้ ไม่ต้องการไปสร้างตึก
อันนี้ต่อไปเรามีความสงสารเกื้อกูล นี่เราคิดหรือเปล่าว่าไอ้การสงสารทำยังไง เราเป็นคนไม่รกโลก อะไรที่เราจะช่วยเขาได้ เราคิดไว้ พอลืมตาขึ้นมาก็ยันหลับ คิดไว้เลยว่าอะไรที่ช่วยได้ เราจะช่วยทุกอย่าง ถ้าไม่เกินวิสัยของเรา อย่าให้อารมณ์ความรักกับควาามสงสารมันขาดจากจิต
แล้วก็ มุทิตา จิตอ่อนโยน มองความดีของคนอื่น อย่ามองความชั่ว แต่ตัวเองมองความชั่วของตัว คนอื่นน่ะมองความดี ว่าคนนี้เขาดียังไงเขาจึงมีความสุข คนนี้เขาทำยังไงจึงร่ำรวย คนนี้เขาทำยังไงจึงเป็นที่รักของคนทั้งหลาย คนนี้เขาทำยังไงร่างกายจึงไม่มีโรค อะไรก็ตามเห็นเขาดีตรงไหนตามดีด้วย ยินดีกับความดี ทำตามไปเลย ตั้งอกตั้งใจทำความดีตามเขา แต่เขาโกงรวย อย่าไปโกงตามเขานะ นั่นมันชั่ว
ทีนี้อารมณ์ความวางเฉย เฉยยอมรับนับถือกฎของธรรมดา ตามที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น อุเบกขาน่ะ วางเฉย เอ้า...ใครเขาอยากจะด่าก็เฉย เขาจะชมก็เฉย ยิ้มๆ ด่าก็ยิ้ม ชมก็ยิ้ม ยิ้มเป็นเครื่องปลอบใจ แก่ก็ยิ้ม ป่วยก็ยิ้ม ของรักของชอบใจพลัดไปก็ยิ้ม ความตายจะมาถึงก็ยิ้ม ยิ้มเพราะอะไร เพราะว่าเรามีอุเบกขา วางเฉย รู้อยู่ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น
รวมความว่า เราจะตัดความโกรธก็ต้องอาศัยพรหมวิหาร 4 ประการ ถ้าอารมณ์พรหมวิหาร 4 ประการ มันประจำอยู่ในใจเป็นปกติ แล้วความโกรธมันจะโผล่มาตรงไหนล่ะ มันจะยื่นหน้าเข้ามาในช่องไหน แล้วคิดไปด้วยว่าโกรธก็ตาย ไม่โกรธก็ตาย เราตายอย่างคนไม่โกรธดีกว่า ใจเรามีความสุข ถ้าเราไปตายอย่างคนที่มีความโกรธ เราก็พังน่ะสิ พังเพราะอะไร เพราะไอ้ความโกรธมันเป็นของไม่ดี ถ้าเราโกรธขึ้นมามันก็ไม่ดี เพราะโกรธไม่ดีนี่ เราเป็นคนก็เป็นคนไม่ดี ถ้าเราจะตายเป็นผีก็กลายเป็นผีไม่ดี เราไม่เอา เป็นคนดีตามคติของพระพุทธเจ้าดีกว่า แต่จงอย่าเป็นคนดีตามคติของคนเลว ท่านทั้งหลายทรงอารมณ์ใจไว้ได้อย่างนี้เป็นปกติ ชื่อว่ามีฌานในพรหมวิหาร 4 แต่ก็ต้องมีพื้นฐานอานาปานุสสติเป็นพื้นไว้ อย่าปล่อยใจให้มันลอย เห็นใจมันเฟื่องก็จับอานาปานุสสติกับพุทธานุสสติควบคุมใจ วิธีการระงับความโกรธเท่านี้ล่ะคุณ พอ เหลือแหล่ ทำได้น่ะ เหลือ เหลือกินเหลือใช้
เอาละท่านทั้งหลาย มองดูเวลาที่จะแนะนำท่านก็หมดเสียแล้วนี่ ต่อแต่นี้ไปขอทุกท่านตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าเวลานั้นท่านจะเห็นสมควรว่าเลิก สวัสดี
ลิงค์ทั้งหมด https://pantip.com/profile/8483559#topics