ท้าวความค่ะ แม่ของเราเสียชีวิตแต่เด็ก ทำให้เราโตมาโดยมีพ่อเลี้ยงดูคนเดียว เราจึงยอมรับว่าเราเป็นเด็กติดพ่อ เพราะรู้สึกว่าเรามีแค่เขาคนเดียว และเขาก็ดูแลเรามาคนเดียวมาอย่างดี และอดทน
จนวันนึงช่วงที่เราอยู่ป.3 พ่อก็ตัดสินใจมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิตค่ะ แรกๆเขาก็ดีนะคะ แต่หลังๆเราก็มีเรื่องกระทบกระทั้งกันบ้าง พอหนูกับเขายิ่งไม่ได้มีความผูกผันกันทางสายเลือด มันก็เลยทำให้ต่างฝ่ายต่างเหมือนไม่ให้อภัยกันค่ะ เพราะไม่ใช่แม่หรือลูกตัวเองแท้ๆ ก็เข้าใจได้ค่ะว่าจะมอบความรักความเอ็นดูให้กันหละงจากที่เคยทะเลาะกันครั้งนึงแล้วคงยาก หลังจากนั้นเราก็เริ่มใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กมาด้วยการดูแลตัวเองประหนึ่งว่าไม่มีแม่ค่ะ ไม่มีคนทำอาหารให้ ไม่มีคนซักผ้ารีดผ้าให้ ไม่มีคนมาคอยดูว่าห้องหับสะอาดมั้ย ทุกอย่างที่เป็นเรื่องงานบ้านงานเรือนเราต้องทำเองตั้งแต่เด็ก อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจเราค่ะว่าเขาไม่เคยดูแลเราให้สมกับการเข้ามาเป็นแม่ใหม่ของเราเลย [แต่พอเราโตขึ้นเราก็คิดนะคะ ว่าเราไม่ควรคาดหวังให้เขามาทำอะไรให้ เพราะเขาไม่ใช่คนใช้ แต่ใจลึกๆเราก็ชอบคิดค่ะ ว่าถ้าเป็นแม่เราจริงๆ แม่เราคงจะทำให้ เหมือนกับที่แม่ของเพื่อนๆคนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ทำ]
อีกเรื่องก็คือว่าหลังจากที่เขาเข้ามา เข้าก็เริ่มขีดเส้นกันเรากับพ่อให้มีระยะห่างกันขึ้นเรื่อยๆค่ะ เช่น
1. เราไม่สามารถเข้าไปหาพ่อที่ห้องนอนได้อีกแล้ว ตั้งแต่เขาเข้ามาเขาจะล็อคห้องไว้ตลอด เวลาจะไปหาต้องเคาะประตูแล้วเขาจะแง้มประตูมาถามเราค่ะว่ามีธุระอะไร
2.น้ำดื่มกินในบ้าน เขาให้เรากับพ่อแยกกันกินค่ะ โดยที่พ่อกับเขาจะกินน้ำร่วมกันได้ แต่เราห้ามกินน้ำของเขา เราต้องกรอกเราดื่มกินแยกเองค่ะ
3.เขาไม่กินข้าวเย็น แล้วก็ชอบตีแบดหลังเลิกงานทำให้กลับบ้านดึกบ่อยๆส่วนวันศุก เสาร์ อาทิต ก็จะไปนอนกันที่บ้านแม่เลี้ยงเพราะแม่เลี้ยงอยากกลับบ้านเขาค่ะ ใน 7วันต่อสัปดาห์เราเห็นหน้าพ่อ คุยกับพ่อนับครั้งได้ บางวันไม่เจอหน้ากันเลยก็มีบ่อยๆค่ะ
4.เมื่อก่อนเราจะได้ดูหนังกับพ่อบ่อยๆค่ะ แต่แม่เลี้ยงเอาเสื้อผ้ามาวางกองตรงห้องนั่งเล่นจนเต็ม ทำให้หลังจากนั้น พ่อเราก็ดูหนังด้วยกันกับเขากันแค่สองคนที่ห้องนอนเขาค่ะ (ซึ่งเราห้ามเข้า)
5.เวลาเราขอเงินพ่อซื้อของ เขาเคยพูดว่าทำไมเราไม่ใช้เงินเก็บตัวเองค่ะ
มีอีกหลายเรื่องยิบย่อยมากค่ะ ที่ยิ่งนานวันเข้า มันยิ่งทำให้เรารู้สึกเกลียดและหมั่นไส้แม่เลี้ยงอย่างไม่ลดละ และคิดว่าเราไม่น่าคิดไปเองคนเดียว เพราะพี่ชายเราก็เกลียดแม่เลี้ยงเอามากๆเหมือนกัน ยิ่งพ่อที่ไม่เคยว่าอะไรเขา เห็นดีเห็นงามไปกับเขาทุกอย่างก็ยิ่งทำให้เราสองคนพี่น้องสนิทกับพ่อน้อยลงเรื่อยๆค่ะ
*เสริมค่ะ* ปกติบ้านเราชอบเที่ยวต่างประเทศกันค่ะ แต่ช่วงที่เราเรียนมหาลัยอยู่ เขา2 คนก็ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันแทบทุกเดือนโดยที่ตั้งใจปิดบังเรากับพี่เอาไว้ เราคิดนะคะว่า เขาคงรู้ตัวว่าการทำแบบนี้จะทำให้ลูกน้อยใจ แต่สุดท้ายก็ทำอยู่ดีค่ะ มันยิ่งทำให้เรารู้สึกเกลียดแม่เลี้ยงที่สุดท้ายแล้วเขาเข้ามาแย่งความรักจากพ่อเราไปทั้งหมดแล้วจริงๆ ดูได้จากการที่ถ้ามีแค่เรากับพี่ พ่อเราก็จะไม่ไป แต่ถ้ามีแค่แม่เลี้ยง แต่ไม่มีลูกๆ เขาก็แฮปปี้ที่จะไปด้วยกันแค่2คนค่ะ อีกอย่างตั้งแต่ที่เรามีเงิน พ่อก็ไม่ออกค่าใช้จ่ายอะไรให้เราอีกเลย ทั้งๆที่เรายังไม่ได้มีงานทำ แต่เราต้องอยู่บ้านหาซื้อข้าวกินเองทุกวัน ออกเงินค่าใช้จ่ายซื้อของเข้าบ้านมาเอง ในขณะที่พ่อออกเงินซื้อข้าวให้แม่เลี้ยงกินทุกวัน ตอนไปเที่ยวพ่อก็จ่ายให้แม่เลี้ยงค่ะ แต่ให้เราจ่ายเอง
จนตอนนี้เราอายุ 22 พึ่งเรียนจบ ยังไม่มีงานประจำแต่หาเงินมาได้ก้อนใหญ่มาก ตอนที่เรามีเงินครั้งแรกเรารู้สึกอยากซื้อนู้นนี้ให้พ่อเราเยอะแยะเลยค่ะ แต่พอมีแว่บนึงที่ความคิดว่าผุดขึ้นมาว่า ถ้าเราซื้อให้พ่อ พ่อก็คงเอาไปแบ่งให้แม่เลี้ยง เราก็กลายเป็นว่าไม่อยากให้อะไรพ่อเราเลยค่ะมันทำให้เรารู้สึกแย่มาก
ทุกวันนี้เราเครียดลงกระเพราะทุกวันเพราะทนอยู่กับการถูกลืม ถูกด้อยค่าไม่ไหว แต่ละวันต้องหงุดหงิดแม่เลี้ยงที่เราอาจจะอคติเขาไปเอง เก็บมาคิดมากเองรึเปล่าก็ไม่รู้ สุดท้ายพี่เราก็เลยบอกว่าให้เราออกไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง แต่ใจเราที่เป็นคนรักพ่อติดพ่อมากก็ไม่อยากทิ้งเขาไปเพราะผู้หญิงแค่คนเดียวแบบนี้เลยค่ะ
มีบ่อยครั้งค่ะที่เราไม่พอใจแม่เลี้ยงแล้วเราบอกพ่อเรา แต่กลับกลายเป็นว่าเรากับพ่อทะเลาะกันเอง เพราะเหมือนเราไปติพ่อที่พ่อไม่ตักเตือนเขา ไม่ใส่ใจสนใจใยดีเรา พักหลังๆมานี้เราร้องไห้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ พอคิดน้อยใจก็จะน้ำตาซึม มีหลายครั้งที่รู้สึกตัวเองโดดเดี่ยวเหลือเกิน หลายครั้งที่คิดว่าถึงเราตายจากไปเขาก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก ได้แต่บอกตัวเองทุกวันค่ะว่าอย่าคาดหวังอะไรจากเขาอีก ให้รีบหางานทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านแล้วมองว่าตัวเองโตพอที่จะไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่แล้ว มันอาจจะทำให้การที่เขาไม่มาสนใจใยดีรู้สึกซอฟลงบ้าง เพราะเราโตแล้วค่ะ
ถ้ามีใครอ่านจนจบถึงตรงนี้ ทุกคนคิดเห็นว่าเราควรทำยังไงดีคะ
เรื่องนี้ใครคือคนที่ผิดกันแน่ใครคือคนที่ต้องแก้ไขถึงจะดีที่สุด 1. เรา ที่อาจจะคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป ติดพ่อเกินไป หวังแต่ให้เขาสนใจแต่เรา
2.แม่เลี้ยง ที่ไม่เคยดูแลเอาใจใส่เราจริงๆเหมือนลูก สร้างความแตกหักแบ่งแยกพ่อกับลูก
หรือ3. พ่อ ที่ไม่เคยสังเกตเห็นรอยร้าวเล็กๆในบ้าน คล้อยตามแม่เลี้ยงทุกอย่าง ทำตัวเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ไม่ชอบแม่เลี้ยง แต่ก็ยังรักพ่ออยู่
จนวันนึงช่วงที่เราอยู่ป.3 พ่อก็ตัดสินใจมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิตค่ะ แรกๆเขาก็ดีนะคะ แต่หลังๆเราก็มีเรื่องกระทบกระทั้งกันบ้าง พอหนูกับเขายิ่งไม่ได้มีความผูกผันกันทางสายเลือด มันก็เลยทำให้ต่างฝ่ายต่างเหมือนไม่ให้อภัยกันค่ะ เพราะไม่ใช่แม่หรือลูกตัวเองแท้ๆ ก็เข้าใจได้ค่ะว่าจะมอบความรักความเอ็นดูให้กันหละงจากที่เคยทะเลาะกันครั้งนึงแล้วคงยาก หลังจากนั้นเราก็เริ่มใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กมาด้วยการดูแลตัวเองประหนึ่งว่าไม่มีแม่ค่ะ ไม่มีคนทำอาหารให้ ไม่มีคนซักผ้ารีดผ้าให้ ไม่มีคนมาคอยดูว่าห้องหับสะอาดมั้ย ทุกอย่างที่เป็นเรื่องงานบ้านงานเรือนเราต้องทำเองตั้งแต่เด็ก อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจเราค่ะว่าเขาไม่เคยดูแลเราให้สมกับการเข้ามาเป็นแม่ใหม่ของเราเลย [แต่พอเราโตขึ้นเราก็คิดนะคะ ว่าเราไม่ควรคาดหวังให้เขามาทำอะไรให้ เพราะเขาไม่ใช่คนใช้ แต่ใจลึกๆเราก็ชอบคิดค่ะ ว่าถ้าเป็นแม่เราจริงๆ แม่เราคงจะทำให้ เหมือนกับที่แม่ของเพื่อนๆคนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ทำ]
อีกเรื่องก็คือว่าหลังจากที่เขาเข้ามา เข้าก็เริ่มขีดเส้นกันเรากับพ่อให้มีระยะห่างกันขึ้นเรื่อยๆค่ะ เช่น
1. เราไม่สามารถเข้าไปหาพ่อที่ห้องนอนได้อีกแล้ว ตั้งแต่เขาเข้ามาเขาจะล็อคห้องไว้ตลอด เวลาจะไปหาต้องเคาะประตูแล้วเขาจะแง้มประตูมาถามเราค่ะว่ามีธุระอะไร
2.น้ำดื่มกินในบ้าน เขาให้เรากับพ่อแยกกันกินค่ะ โดยที่พ่อกับเขาจะกินน้ำร่วมกันได้ แต่เราห้ามกินน้ำของเขา เราต้องกรอกเราดื่มกินแยกเองค่ะ
3.เขาไม่กินข้าวเย็น แล้วก็ชอบตีแบดหลังเลิกงานทำให้กลับบ้านดึกบ่อยๆส่วนวันศุก เสาร์ อาทิต ก็จะไปนอนกันที่บ้านแม่เลี้ยงเพราะแม่เลี้ยงอยากกลับบ้านเขาค่ะ ใน 7วันต่อสัปดาห์เราเห็นหน้าพ่อ คุยกับพ่อนับครั้งได้ บางวันไม่เจอหน้ากันเลยก็มีบ่อยๆค่ะ
4.เมื่อก่อนเราจะได้ดูหนังกับพ่อบ่อยๆค่ะ แต่แม่เลี้ยงเอาเสื้อผ้ามาวางกองตรงห้องนั่งเล่นจนเต็ม ทำให้หลังจากนั้น พ่อเราก็ดูหนังด้วยกันกับเขากันแค่สองคนที่ห้องนอนเขาค่ะ (ซึ่งเราห้ามเข้า)
5.เวลาเราขอเงินพ่อซื้อของ เขาเคยพูดว่าทำไมเราไม่ใช้เงินเก็บตัวเองค่ะ
มีอีกหลายเรื่องยิบย่อยมากค่ะ ที่ยิ่งนานวันเข้า มันยิ่งทำให้เรารู้สึกเกลียดและหมั่นไส้แม่เลี้ยงอย่างไม่ลดละ และคิดว่าเราไม่น่าคิดไปเองคนเดียว เพราะพี่ชายเราก็เกลียดแม่เลี้ยงเอามากๆเหมือนกัน ยิ่งพ่อที่ไม่เคยว่าอะไรเขา เห็นดีเห็นงามไปกับเขาทุกอย่างก็ยิ่งทำให้เราสองคนพี่น้องสนิทกับพ่อน้อยลงเรื่อยๆค่ะ
*เสริมค่ะ* ปกติบ้านเราชอบเที่ยวต่างประเทศกันค่ะ แต่ช่วงที่เราเรียนมหาลัยอยู่ เขา2 คนก็ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันแทบทุกเดือนโดยที่ตั้งใจปิดบังเรากับพี่เอาไว้ เราคิดนะคะว่า เขาคงรู้ตัวว่าการทำแบบนี้จะทำให้ลูกน้อยใจ แต่สุดท้ายก็ทำอยู่ดีค่ะ มันยิ่งทำให้เรารู้สึกเกลียดแม่เลี้ยงที่สุดท้ายแล้วเขาเข้ามาแย่งความรักจากพ่อเราไปทั้งหมดแล้วจริงๆ ดูได้จากการที่ถ้ามีแค่เรากับพี่ พ่อเราก็จะไม่ไป แต่ถ้ามีแค่แม่เลี้ยง แต่ไม่มีลูกๆ เขาก็แฮปปี้ที่จะไปด้วยกันแค่2คนค่ะ อีกอย่างตั้งแต่ที่เรามีเงิน พ่อก็ไม่ออกค่าใช้จ่ายอะไรให้เราอีกเลย ทั้งๆที่เรายังไม่ได้มีงานทำ แต่เราต้องอยู่บ้านหาซื้อข้าวกินเองทุกวัน ออกเงินค่าใช้จ่ายซื้อของเข้าบ้านมาเอง ในขณะที่พ่อออกเงินซื้อข้าวให้แม่เลี้ยงกินทุกวัน ตอนไปเที่ยวพ่อก็จ่ายให้แม่เลี้ยงค่ะ แต่ให้เราจ่ายเอง
จนตอนนี้เราอายุ 22 พึ่งเรียนจบ ยังไม่มีงานประจำแต่หาเงินมาได้ก้อนใหญ่มาก ตอนที่เรามีเงินครั้งแรกเรารู้สึกอยากซื้อนู้นนี้ให้พ่อเราเยอะแยะเลยค่ะ แต่พอมีแว่บนึงที่ความคิดว่าผุดขึ้นมาว่า ถ้าเราซื้อให้พ่อ พ่อก็คงเอาไปแบ่งให้แม่เลี้ยง เราก็กลายเป็นว่าไม่อยากให้อะไรพ่อเราเลยค่ะมันทำให้เรารู้สึกแย่มาก
ทุกวันนี้เราเครียดลงกระเพราะทุกวันเพราะทนอยู่กับการถูกลืม ถูกด้อยค่าไม่ไหว แต่ละวันต้องหงุดหงิดแม่เลี้ยงที่เราอาจจะอคติเขาไปเอง เก็บมาคิดมากเองรึเปล่าก็ไม่รู้ สุดท้ายพี่เราก็เลยบอกว่าให้เราออกไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง แต่ใจเราที่เป็นคนรักพ่อติดพ่อมากก็ไม่อยากทิ้งเขาไปเพราะผู้หญิงแค่คนเดียวแบบนี้เลยค่ะ
มีบ่อยครั้งค่ะที่เราไม่พอใจแม่เลี้ยงแล้วเราบอกพ่อเรา แต่กลับกลายเป็นว่าเรากับพ่อทะเลาะกันเอง เพราะเหมือนเราไปติพ่อที่พ่อไม่ตักเตือนเขา ไม่ใส่ใจสนใจใยดีเรา พักหลังๆมานี้เราร้องไห้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ พอคิดน้อยใจก็จะน้ำตาซึม มีหลายครั้งที่รู้สึกตัวเองโดดเดี่ยวเหลือเกิน หลายครั้งที่คิดว่าถึงเราตายจากไปเขาก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก ได้แต่บอกตัวเองทุกวันค่ะว่าอย่าคาดหวังอะไรจากเขาอีก ให้รีบหางานทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านแล้วมองว่าตัวเองโตพอที่จะไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่แล้ว มันอาจจะทำให้การที่เขาไม่มาสนใจใยดีรู้สึกซอฟลงบ้าง เพราะเราโตแล้วค่ะ
ถ้ามีใครอ่านจนจบถึงตรงนี้ ทุกคนคิดเห็นว่าเราควรทำยังไงดีคะ
เรื่องนี้ใครคือคนที่ผิดกันแน่ใครคือคนที่ต้องแก้ไขถึงจะดีที่สุด 1. เรา ที่อาจจะคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป ติดพ่อเกินไป หวังแต่ให้เขาสนใจแต่เรา
2.แม่เลี้ยง ที่ไม่เคยดูแลเอาใจใส่เราจริงๆเหมือนลูก สร้างความแตกหักแบ่งแยกพ่อกับลูก
หรือ3. พ่อ ที่ไม่เคยสังเกตเห็นรอยร้าวเล็กๆในบ้าน คล้อยตามแม่เลี้ยงทุกอย่าง ทำตัวเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม