เปิดบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ “เป็นต่อ - ภูมิ - ฮันกยอล - เส้าจื่อเหิง - ซุนอิ๋งฮ่าว - หลิวกวนโย่ว”


เปิดบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ
 “เป็นต่อ - ภูมิ - ฮันกยอล - เส้าจื่อเหิง - ซุนอิ๋งฮ่าว - หลิวกวนโย่ว”
6 เด็กฝึกรายการวาไรตี้กระแสแรงข้ามเอเชีย “Starlight Boys” ที่แรก!

ร้อนแรง ฮอตปรอทแตกอย่างต่อเนื่องกับรายการวาไรตี้กระแส “Starlight Boys” รายการที่ได้รวบรวมเด็กฝึกผู้มีความฝันการเป็นบอยแบนด์จากทั่วทุกมุมโลก ผ่านการเจียระไนโดยเหล่า Guiders คุณภาพของวงการ นำทัพด้วย แดซอง (Daesung), อีซึงกิ (Lee Seung-gi), ชเวยองจุน (Choi Young-joon), ฮันเฮ (Hanhae), ควอน อึนบี (Kwon EunBi), ฮุย (Hui), เอริค (Eric) และ ยุน (Yoon) พร้อมด้วย อีซองคยอง (Lee Sung Kyoung) พิธีกรประจำรายการ ที่ได้ตอนนี้รายการกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ กับบททดสอบสุดท้าทายกับการแสดงศักยภาพที่แท้จริงของเหล่าเด็กฝึก วันนี้ iQIYI (อ้ายฉีอี้) ขอพาทุกคนมาเปิดบทสัมภาษณ์ของ 6 เด็กฝึก ได้แก่ เป็นต่อ จีรภัทร (Pentor), ภูมิ ชวัลวัฒน์ (Phoom), ฮันกยอล (Han Gyul), เส้าจื่อเหิง (Shao Zi Heng), ซุนอิ๋งฮ่าว (Sun Ying Hao) และหลิวกวนโย่ว (Liu Guan You) ผ่านบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่แรก
 
⭐ แนะนำตัว พร้อมบรรยายความเป็นตัวเองในหนึ่งประโยค

เป็นต่อ : สวัสดีครับทุกคน ผม เป็นต่อ จีรภัทร ครับ ผมให้ตัวเองเป็นพาวเวอร์แบงค์พลังบวกครับ ถึงแม้อาจจะมีช่วงเวลาที่ต้องชาร์จแบตให้ตัวเองบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังสามารถส่งพลังให้คนอื่น ๆ ต่อไปได้ในยามที่มีคนต้องการครับ

ภูมิ : สวัสดีครับ ผม ภูมิ ชวัลวัฒน์ ครับ ผมนิยามว่าตัวเองเป็น นักผจญภัยที่ไม่มีแผนที่ครับ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองคือคนที่ชอบท้าทาย ชอบเดินทางตามหาตัวตน ต่อให้อุปสรรคยากแค่ไหน ผมก็จะต้องอดทน และทำมันให้สำเร็จจนได้ทุกครั้ง และผมชอบที่ระหว่างทาง มักจะมีอุปสรรค นั่นแหละครับ คือสิ่งที่เติบโต และทำให้ผมพบเจอกับขุมสมบัติที่ผมต้องการครับ

ฮันกยอล : สวัสดีครับ ผมคือน้องหมาตัวใหญ่ของทุกคน ฮันกยอล ครับ 

เส้าจื่อเหิง : สวัสดีครับทุกคน ผม เส้าจื่อเหิง ครับ หวังว่าแฟน ๆ จะเห็นผมในสไตล์ที่แตกต่างครับ

ซุนอิ๋งฮ่าว : สวัสดีครับ ผมชื่อ ซุนอิ๋งฮ่าวครับ ผมอยากที่จะส่งต่อพลังที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ผมเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดครับ 

หลิวกวนโย่ว : สวัสดีครับทุกคน ผม หลิวกวนโย่ว ครับ ผมเป็นคนที่มุ่งมั่นต่อความฝันและอาชีพของตัวเอง และเป็นคนที่ตั้งใจทำอะไรให้ดีที่สุด และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคครับ
 
- เป็นต่อ -

⭐ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนอยากเข้าแข่งขันในรายการ Starlight Boys

เป็นต่อ : ผมอยากทำตามความฝันในการแข่งขันรายการเซอร์ไวเวอร์ระดับ Global อีกครั้ง ครั้งหนึ่งผมเคยจะได้เข้าร่วมแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ สิ่งนี้มันยังติดค้างอยู่ในใจตลอด เมื่อมีโอกาส ผมเลยรีบคว้าไว้ และพยายามให้เต็มที่ที่สุดครับ

ภูมิ : ความฝันการเป็นศิลปินครับ ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลง และชอบด้านนี้อยู่แล้วแล้ว แต่ไม่เคยคิดที่จะลงมือทำ แต่เมื่อวันที่ผมได้ลองก้าวกำแพงนั้น ผมตกหลุมรักขึ้นมาเลยครับ ตกหลุมรักในการเต้น การร้องเพลง การเพอร์ฟอร์มบนเวที ต่อให้มันจะดีหรือไม่ดี ผมก็จะทำมันต่อไป ผมเคยเป็นตัวแทนเด็กไทยในรายการเซอร์ไวเวอร์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนเวลาผ่านไปรายการ Starlight Boys ก็เกิดขึ้นครับ เมื่อมีโอกาสเข้ามา คำตอบง่ายมาก ๆ เลยครับ มีคำว่า ไป กับ ไม่ไป สำหรับผมไม่มีคำว่าไม่ครับ

ฮันกยอล : ผมอยากลองท้าทายเป็นครั้งสุดท้ายครับ

เส้าจื่อเหิง :  ผมอยากให้ทุกคนรู้จักผมผ่านรายการนี้มากขึ้นครับ ให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วผมเป็นอย่างไร แสดงให้ทุกคนเห็นในสิ่งที่ผมรัก และหวังว่าทุกคนจะได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของผมครับ

ซุนอิ๋งฮ่าว : อยากให้ทุกคนได้เห็นและรู้จักผม ผมอยากให้ผมประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงที่มากขึ้น เพื่อแฟน ๆ ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ผมมาโดยตลอด หวังว่าแฟน ๆ จะมั่นใจและภูมิใจในตัวผมมากขึ้น ดังนั้นผมจึงมารายการนี้ครับ

หลิวกวนโย่ว : เพราะว่าความฝันและเวที ที่ไหนมีเวที ผมก็จะอยู่ตรงนั้นครับ  
 
- เส้าจื่อเหิง -

⭐ ระยะเวลาตั้งแต่วันแรกในรายการจนถึงวันนี้ รู้สึกอย่างไร และคิดว่าตัวเองพัฒนา แตกต่างจากเดิมอย่างไรบ้าง

เป็นต่อ : ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่จนถึงวันนี้ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาไม่กี่เดือน แต่ผมได้เติบโตขึ้นยี่สิบปีในเวลาเพียงสี่เดือนครับ ไม่เพียงแต่เรื่องทักษะการแสดง การร้อง และการเต้น แต่ยังรวมถึงทักษะการสื่อสาร การเข้าสังคม การปรับตัว การทำงานเราได้มองเห็นโลกที่กว้างขึ้น รู้จักคนหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ที่สำคัญเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยครับ

ภูมิ : ตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมรายการนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนจริง ๆ ครับ นับตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ร่วมสี่เดือน ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเหมือนเป็นบททดสอบตัวเอง จิตใจ ความอดทน ความขยัน และความเชื่อมั่นในตัวเอง รายการนี้สอนผมให้รู้ว่า ความพยายามไม่เคยทรยศใคร

ฮันกยอล : ตอนแรกผมรู้สึกสงสัยว่าผมควรมาอยู่ที่นี่เพื่อทำแบบนี้จริงๆ เหรอ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองมาก ๆ ที่ได้เข้าร่วมรายการนี้ครับ

เส้าจื่อเหิง : ผมมีความมั่นใจที่มากขึ้น และเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับความทะเยอทะยานของตัวเอง ผมคิดว่าคนที่มีความทะเยอทะยาน เมื่อคุณเจออุปสรรคระหว่างทาง คุณจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ถ้าคุณกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน ผมหวังว่าในอนาคตผมจะก้าวไปให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความทะเยอทะยานที่มีครับ

ซุนอิ๋งฮ่าว : ก่อนอื่นคือเรื่องภาษาครับ เนื่องจากมีเด็กฝึกจากหลากหลายประเทศ และผมเป็นคนที่ชอบพูดคุยกับทุกคน ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษาครับ อย่างที่สองคือการแสดงบนเวที ส่วนด้านการร้องเพลงผมว่าผมพัฒนาไปทีละขั้น รู้สึกว่าการมาที่นี่ผมได้รับประสบการณ์ที่ดีเยอะมาก ๆ ครับ

หลิวกวนโย่ว : ผมคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด เรียนรู้และยอมรับตัวเอง ไม่กลัวต่อผลลัพธ์ใด ๆ ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง หวังว่าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมครับ
 
- ซุนอิ๋งฮ่าว -

⭐ สำหรับเด็กฝึกต่างชาติ คุ้นชินหรือปรับตัวได้ไหม เพราะด้วยหลายสิ่งที่แตกต่างกัน รวมถึงการใช้ภาษา มีเรื่องกำแพงทางด้านภาษามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

เป็นต่อ : ในช่วงแรก ๆ มีหลายอย่างที่ต้องปรับตัวครับ ทั้งภาษา อาหารการกิน วิถีชีวิต วิธีการสื่อสาร วิธีการทำงาน แต่บรรยากาศการเรียนรู้ที่นี่ รวมถึงเพื่อน ๆ และทีมเบื้องหลังทุกคนดีกับพวกเรามาก ทำให้การปรับตัวไม่ยากอย่างที่คิด ในส่วนของภาษาเป็นความท้าทายที่ถือว่าใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือพยายามสื่อสารอย่างง่าย กระชับ และชัดเจนที่สุดครับ

ภูมิ : มีหลายอย่างที่ต้องปรับตัวครับ ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ระบบการทำงาน และที่สำคัญกว่าคือด้านภาษาครับ นอกจากซ้อมเต้นแล้ว ต้องซ้อมพูดด้วยครับ

ฮันกยอล : ในช่วงตอนแรกผมรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยท่ามกลางคนเยอะ ๆ  แต่ตอนนี้รู้สึกทุกคนเป็นครอบครัว และผมก็รู้สึกสนุกมาก ๆ ครับ

เส้าจื่อเหิง : การที่อยู่ร่วมกับเด็กฝึกหลากหลายประเทศ บางครั้งจะพบเจอเรื่องความท้าทายด้านภาษาครับ ซึ่งตอนที่ได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ ทำให้ผมได้เรียนรู้และเข้าใจทางด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะตอนที่ไปประเทศไทยกับเพื่อน ๆ ได้เรียนรู้ภาษาไทยหลากหลายคำ รู้สึกดีใจมาก ๆ ครับ

ซุนอิ๋งฮ่าว : ผมคิดว่าเรื่องภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกคนมีแพชชั่นเดียวกันในการแสดงบนเวที ในทางกลับกันผมรู้สึกว่าอุปสรรคทางภาษาบางครั้งทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น อาจไม่รู้สึกว่าภาษาคือความท้าทาย แต่มันคือหนทางหนึ่ง ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นครับ

หลิวกวนโย่ว : ตอนเด็ก ๆ ผมได้มาฝึกฝนที่ประเทศเกาหลี และสามารถสื่อสารภาษาเกาหลีได้ ผมมักจะทำหน้าที่เป็นนักแปลของรายการ ซึ่งถือเป็นเกียรติที่ผมได้มีโอากสช่วยเหลือเพื่อน ๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่