พลาดไปแล้ว ทำยังไง: ซื้อที่เพื่อทำเกษตร แต่พลาด ลืมคิดเรื่องสำคัญ

ย้อนกลับไปประมาณปี 2015 แฟนเราเริ่มชวนเราหาซื้อที่ดินซักแปลง เผื่อว่าจะเอาไว้ปลูกผักไว้ใช้สำหรับทำไส้อั่ว โจทย์ข้อที่หนึ่งในการหาที่ดินของเราคือ ต้องไม่ไกลจากบ้าน เพราะจะได้ขับรถไปดูได้ทุกอาทิตย์ และถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 หรือ ปี 54 ที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคกลาง ทำให้โจทย์ข้อที่สองก็คือ ต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยถูกน้ำท่วม
พื้นที่ที่เราเลือก ตรงทั้ง 2 โจทย์ ก็เลยเป็นสาเหตุให้เราซื้อที่ตรงนี้ ประกอบกับพื้นที่รอบๆ เป็นชุมชน มีวัด มีโรงเรียน ทำให้เราคิดว่าเราเลือกพื้นที่ถูกต้องแล้ว แต่ใครจะไปคิดละว่าพอเริ่มศึกษาเรื่องการทำเกษตรจริงๆ เรากลับลืมโจทย์ข้อที่ 3 ที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ “น้ำ” ถึงแม้เราจะขุดบ่อเก็บน้ำไว้ก็จริง แต่พื้นที่ 8 ไร่จะเอาน้ำในบ่อไปใช้ยังไงละ

ได้ที่ดินมาปลายปี 2015  รูปข้างล่างนี้คือ ปลายปี 2019 ที่เรายังสะอาดโล่ง ไม่เป็นป่ารกเลยค่ะ ทิ้งไว้ตั้ง 4 ปีแหนะ
โจทย์ข้อที่ 4 ที่ต่อเนื่องมาจากข้อ 3 คือ ความแห้งแล้ง ตอนแรกก็ดีใจว่าที่ตรงนี้น้ำไม่ท่วม แต่ทว่าที่แปลงนี้ฝนแทบไม่เคยตกเลย เราเคยนั่งนับวันที่ฝนตก บางปีไม่ถึง 20 วันด้วยซ้ำ แถมปริมาณน้ำฝนก็ไม่กี่ มม เท่านั้นเอง   ช่วงปีแรกๆ เครียดเรื่องฝนมาก ดูเรดาห์ฝนตลอด ภาวนาให้ฝนตกกับเค้าบ้าง

ที่เราเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวประมาณ 200 เมตร แต่ด้วยความที่ไม่มีต้นไม้เลยซักต้น ทำให้เราสามารถนั่งเล่นหน้าบ้าน แล้วมองไปจนเห็นต้นยูคาที่อยู่ตรงถนนผั่งตรงข้ามได้เลย  ถ้ามองจากมุมสูง ส่วนที่เห็นเขียวๆ นั่นก็ไม่ใช่ต้นไม้ของเรา
ปี 2019 เราเริ่มต้นปลูกต้นไม้ริมรั้ว 9 ต้น ที่ซื้อมาจากงานดอนเจดีย์ ใช้เครื่องตั้งเวลารดน้ำง่ายๆ ต่อเข้ากับน้ำปะปาที่สวน ช่วงแรกๆ ก็ดีอยู่ กลับไปแต่ละเดือนต้นไม้ก็เขียวสวยดี แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนต้นไม้บางต้นเกือบไม่รอดเสียแล้ว เพราะเครื่องตั้งเวลารดน้ำเราถ่านหมด
ทำให้เราตระหนัก และ เข้าใจได้ว่านอกจากดินที่ดีแล้ว น้ำ คือสิ่งสำคัญที่สุดที่พืชต้องการ แต่การรดน้ำต้นไม้พื้นที่ 8 ไร่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราเลย ยิ่งถ้าจ้างคน คิดว่าคงจะหมดเงินไปไม่ใช่น้อย ทางออกของเราสองคนคือ ทำระบบน้ำเอง
แฟนเราเริ่มต้นจากการไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ เรื่องน้ำ และ ไฟฟ้า เพื่อมาวางระบบน้ำที่สวน ทำให้ 3 ปีแรกเราแทบไม่ได้ปลูกต้นไม้เลย ด้วยความโชคดีของเรา เจ้าของที่ดินเก่า ทิ้งต้นแจง 4 ต้น และ บ่อสูบน้ำใต้ดินไว้ให้ เราเลือกที่จะใช้น้ำใต้ดินมารดน้ำต้นไม้ แทนที่จะใช้น้ำจากบ่อที่เราขุด
เริ่มจากการขยายห้องสูบน้ำ เพื่อเก็บแทงค์น้ำ 3000 ลิตร จำนวน 5 แทงค์ ไว้ใช้สำหรับรดน้ำในสวน สั่งซื้อตัวควบคุมระบบน้ำ 16 โซน ที่คิดว่าน่าจะเพียงพอกับการรดน้ำในสวนพื้นที่ 8 ไร่ เคยได้ยินคำว่าสมาร์ทฟาร์มอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ศึกษาจริงจัง เพราะแฟนเราอยากออกแบบระบบเอง โดยที่ไม่ยึดติดรูปแบบสำเร็จรูป แต่ใช้การลองผิดลองถูกกันเอง
ปลายปี 2019 เราก็สามารถทำระบบจ่ายน้ำ 16 โซนสำเร็จ แล้วค่อยๆทยอยต่อน้ำ เดินท่อ ปลูกต้นไม้ไปทีละโซน ทำให้เราเริ่มปลูกต้นไม้จริงจังตั้งแต่
ปี  2020 – 2022 และมีโซนปลูกต้นไม้ตามนี้
1.       โซนไม้ประดับรอบๆบ้านต้นแจง
2.       โซนแปลงผักหน้าห้องน้ำ
3.       โซนมะพร้าว และ ซุ้มไม้เลื้อย
4.       โซนกล้วย
5.       โซนต้นไม้ใหญ่ (หนูกัดท่อ ทำให้ต้นไม้เกือบ 60 ต้นไม่รอด) เพราะที่นี่แล้งจริงๆ
6.       โซนมะม่วง และ ฝรั่ง ปัจจุบัน จ่ายน้ำ 120 หลุม แต่ด้วยเพราะดินไม่ดี ทำให้ต้นไม้บางส่วนไม่ยอมโต
7.       โซนต้นสัก 100 ต้น
ช่วงโควิด ปลายปี 2020 เราสองคนกลับไทยไม่ได้อยู่ 7 เดือน แต่ยังโชคดีที่เราวางระบบน้ำไว้แล้ว ทำให้ต้นไม้ที่เราลงไว้บางส่วนโต และให้ดอกให้ผลมาบ้าง ประมาณ 60 ต้น คือ กล้วย มะม่วง และ ฝรั่ง  ส่วนไม้ยืนต้น ที่เหลือมากกว่า 60 ต้น เช่นลองกอง มังคุด อะโวคาโด้ เค้าทนแดดที่นี่ไม่ไหว ใบไหม้ยืนต้นตายไปหลายสิบต้น เปลี่ยนลงใหม่อยู่หลายรอบ แต่ก็ตายเหมือนเดิม บางส่วน 3 ปีแล้วก็ยังไม่ยอมโต เพราะเราปลูกในดินเหนียว ดินถม
ภาพด้านล่างนี้ เราขุดหลุม เดินน้ำ เตรียมปลูกต้นไม้ ช่วงโควิดแรกๆ ต้นปี 2020 (เราติดอยู่สวน 4 เดือน)  156 หลุม 
สะเดา 4 ต้นริมบ่อน้ำ นกช่วยปลูกให้เรา แถมสะเดารอบๆ ขอบที่ดินก็เหมือนกัน  ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องดูแลแต่โตขึ้นทุกวัน
นี่คือต้นชงโค ต้นไม้รุ่นแรกที่เราปลูกริมรั้ว 
ภาพนี้คือมุมเดิม ตอนที่ยังไม่เปลี่ยนโรงรถเป็นครัว ตอนที่ยังไม่มีบ้านดำ และ ห้องน้ำนอกบ้าน
เสาไฟฟ้าต้นเดิม เพิ่มเติมคือรั้ว และ ชงโค  จำได้ว่ารั้วไม้ไผ่นี่เราอยากได้มาก  ทำเองเลยค่ะ ตั้งแต่เช้า
ภายในระยะเวลาเกือบ 5 ปี ที่เราใช้ระบบน้ำ ก็มีปัญหาอยู่บ้าง แต่เรามองว่ามันคุ้มค่ากว่าที่ต้องจ้างคนมารดน้ำต้นไม้ หรือ แม้แต่จะเอาตัวเองไปเดินลากสายยางรดน้ำต้นไม้ก็คงไม่ไหว
ปี 2022 เราอยากทำห้องเอาไว้นอน ก็เลยพักเรื่องปลูกต้นไม้ไปก่อน แล้วหันกลับมาทำบ้านดำ ทำนา จนปี 2024  
ตอนนี้ทั้งบ้าน ห้องน้ำ ห้องครัว และ ข้าว ของเราสำเร็จแล้ว ปี 2025 เราสองคนมีแผนที่จะกลับไปลุยงานสวน ทำปุ๋ย ระบบน้ำ และ เริ่มกลับมาปลูกต้นไม้กันต่อ เพราะยังเหลืออีก 2 โซนใหญ่ๆที่เราตั้งใจจะทำ กับไม้ยืนต้นที่ตายไปอีกกว่า 60 ต้น ที่ต้องหาต้นใหม่มาลงแทน

ถึงแม้ว่าฝนจะไม่ตก น้ำชลประทานจะไม่มี พื้นที่จะแล้งจัด แต่เราก็สบายใจได้แล้วว่าต้นไม้ที่เราปลูกจะมีน้ำให้พอยืนต้นต่อไปได้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่