สวัสดีครับมาแชร์ประสบการณ์รักษากลิ่นปากทั้งหมดที่เคยทำมา คิดว่าแทบจะครบทุกอย่างแล้วที่เคยลองทำ
ขอเรียงตามที่เคยทำมาก่อนหลังเลยนะครับ
1. เคยไปตรวจเช็คกลิ่นปาก ที่ BDMS รพ.กรุงเทพ ค่าใช้จ่ายหมื่นต้นๆ รวมยาสีฟันของรพ. (จ่ายเอง) ผลการตรวจกลิ่นไม่ขึ้น หรือ ขึ้นไม่เยอะ แต่คุณหมอบอกว่าน่าจะเกิดจากนิ่วทอนซิล ซึ่งมันก็มีจริงๆ จะไม่ใช่การรักษากลิ่นปากในครั้งที่ไปเลยนะครับ ออกแนวไปหาสาเหตุของกลิ่นมากกว่า
2. หมอที่ รพ.กรุงเทพ เลยแนะนำให้ไป รพ พญาไท3 คุณหมอสรัญชัย แผนกหูคอจมูก เพื่อเลเซอร์ออก ค่าใช้จ่ายหมดไปประมาณ 1แสนบาท นอน รพ 1 คืน จ่ายเองไม่มีประกัน (แต่ปัจจุบันยังมีก้อนนิ่วออกมาอยู่ ยังต้องไปเลเซอร์แก้ไขเพิ่มเติมที่คลินิคคุณหมอสรัญชัย ผมแนะนำนะครับไม่ต้องเลเซอร์ ตัดทอนซิลออกแบบหมดเลยจะมั่นใจกว่าว่านิ่วจะไม่กลับมาแน่ๆ)
3. รู้สึกเหมือนยังมีกลิ่น เลยดูจากสาเหตุว่าเกิดจากอะไรบ้าง จึงไปหาหมอที่ รพ เอกชน เพื่อตรวจโรคทางเดินอาหาร พบเชื้อ H.pylolie และเคยฟังหมอท่านหนึ่งพูดว่ากลิ่นปากอาจเกิดจากกระเปาะในหลอดอาหารได้ คุณหมอจึงให้ส่องกล้องดูหลอดอาหารและทางเดินอาหารไม่พบกระเปราะหรือความผิดปกติอะไร (ค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาท) จึงให้กินยาฆ่าเชื้อ H. และปรับระบบขับถ่ายให้ยาระบายมากิน และให้กินโยเกิร์ต ผลไม้ทุกวัน เปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันเดนทิสเต้ หลังจบคลอสการกินยาฆ่าเชื้อ พบว่า ความรู้สึกลมหายใจเหม็นจากภายในดีขึ้น เพราะปกติจะได้กลิ่นลมหายใจตัวเอง
4. หลังจากนั้น มาเจอกระทู้ในพันทิปเรื่องให้เอาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ผสมกับน้ำเท่าตัวบ้วนปาก ตัวนี้ทำให้รู้สึกกลิ่นหมดไปจริง แต่ปากอาจเสียสมดุลได้
5. สิ่งที่เคยลอง 1) กลั้วน้ำมันมะพร้าว 2) อมน้ำเกลือ คิดว่าการทำแบบนี้นานๆ ครั้งได้ เป็นการปรับสมดุลช่องปาก แต่กลิ่นไม่หายขาด
6. ส่วนการไปคลินิกกลิ่นปาก ที่ BDMS มันจะไม่ใช้การรักษาในครั้งนั้น แต่จะเป็นการแนะนำจากคุณหมอ ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง ไม่ต้องไปก็ได้ครับ ลองวิธีที่ผมแนะนำมาก่อน
ขอเรียงลำดับให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ ถ้ากลิ่นปากมาจากช่องปาก ให้ทำตามข้อ 1 และ 2 คือ
1. ถ้ามีนิ่วทอนซิล ค่อยตัดทิ้งเพราะทำให้เกิดกลิ่นปาก
2. ลองใจดีกับช่องปาก ไม่ใช้อะไรที่รุนแรงเกินไป ให้ช่องปากเสียสมดุล ตอนนี้ที่ผมใช้อยู่ และคิดว่ามันได้ผล คือ การแปรงลิ้น/การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก popolis เพื่อกำจัดโปรตีนในปาก สาเหตุหลักของกลิ่นปาก การใช้ไหมขัดฟัน การกินโบรไพโอติกสำหรับช่องปาก ดื่มน้ำเยอะๆ ใช้ยาสีฟัน dentiste สังเกตได้เลยว่าถ้าลิ้นเราไม่ขาว ไม่เป็นฝ่า กลิ่นปากจะน้อยลงมาก (รูปภาพของที่ใช้จะแปะไว้ให้นะครับ)
3. แต่ถ้าคิดว่ากลิ่นปากมาจากภายใน ลมหายใจมีกลิ่นเลย แนะนำให้ไปหาหมอทางเดินอาหาร เพื่อตรวจหาเชื้อ H. มีงานวิจัยต่างประเทศมารองรับแล้วครับ ว่าเชื้อนี้ทำให่เกิดกลิ่นปากได้จริงๆ ไปลองหาอ่านกันได้ ส่วนผม มีปัญหาตรงทุกข้อที่กล่าวมาเลยครับ ทั้งมีนิ่วทอนซิล มีเชื้อ H. ในกระเพาะอาหาร และยังลิ้นเป็นฝ้าอีก
แต่ตอนนี้หายแล้วครับ ไม่ได้กลิ่นปากหรือกลิ่นลมหายใจเหม็นตัวเอง แต่จะมีกลิ่นปากบ้าง ตอนปากแห้งหรือหลังกินข้าว ก็แปรงฟัน บ้วนปาก (น้ำยาบ้วนปากที่ขจีดคราบโปรตีนได้) ขัดฟันไป แล้วดีขึ้นครับ
ลองทำตามขั้นตอนนี้นะครับ เอาไปปรับใช้กับปัญหาของตัวเอง ขอให้ทุกคนหายไวๆ ครับ


แชร์วิธีรักษากลิ่นปาก ทุกวิธีที่เคยทำมา
ขอเรียงตามที่เคยทำมาก่อนหลังเลยนะครับ
1. เคยไปตรวจเช็คกลิ่นปาก ที่ BDMS รพ.กรุงเทพ ค่าใช้จ่ายหมื่นต้นๆ รวมยาสีฟันของรพ. (จ่ายเอง) ผลการตรวจกลิ่นไม่ขึ้น หรือ ขึ้นไม่เยอะ แต่คุณหมอบอกว่าน่าจะเกิดจากนิ่วทอนซิล ซึ่งมันก็มีจริงๆ จะไม่ใช่การรักษากลิ่นปากในครั้งที่ไปเลยนะครับ ออกแนวไปหาสาเหตุของกลิ่นมากกว่า
2. หมอที่ รพ.กรุงเทพ เลยแนะนำให้ไป รพ พญาไท3 คุณหมอสรัญชัย แผนกหูคอจมูก เพื่อเลเซอร์ออก ค่าใช้จ่ายหมดไปประมาณ 1แสนบาท นอน รพ 1 คืน จ่ายเองไม่มีประกัน (แต่ปัจจุบันยังมีก้อนนิ่วออกมาอยู่ ยังต้องไปเลเซอร์แก้ไขเพิ่มเติมที่คลินิคคุณหมอสรัญชัย ผมแนะนำนะครับไม่ต้องเลเซอร์ ตัดทอนซิลออกแบบหมดเลยจะมั่นใจกว่าว่านิ่วจะไม่กลับมาแน่ๆ)
3. รู้สึกเหมือนยังมีกลิ่น เลยดูจากสาเหตุว่าเกิดจากอะไรบ้าง จึงไปหาหมอที่ รพ เอกชน เพื่อตรวจโรคทางเดินอาหาร พบเชื้อ H.pylolie และเคยฟังหมอท่านหนึ่งพูดว่ากลิ่นปากอาจเกิดจากกระเปาะในหลอดอาหารได้ คุณหมอจึงให้ส่องกล้องดูหลอดอาหารและทางเดินอาหารไม่พบกระเปราะหรือความผิดปกติอะไร (ค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาท) จึงให้กินยาฆ่าเชื้อ H. และปรับระบบขับถ่ายให้ยาระบายมากิน และให้กินโยเกิร์ต ผลไม้ทุกวัน เปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันเดนทิสเต้ หลังจบคลอสการกินยาฆ่าเชื้อ พบว่า ความรู้สึกลมหายใจเหม็นจากภายในดีขึ้น เพราะปกติจะได้กลิ่นลมหายใจตัวเอง
4. หลังจากนั้น มาเจอกระทู้ในพันทิปเรื่องให้เอาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ผสมกับน้ำเท่าตัวบ้วนปาก ตัวนี้ทำให้รู้สึกกลิ่นหมดไปจริง แต่ปากอาจเสียสมดุลได้
5. สิ่งที่เคยลอง 1) กลั้วน้ำมันมะพร้าว 2) อมน้ำเกลือ คิดว่าการทำแบบนี้นานๆ ครั้งได้ เป็นการปรับสมดุลช่องปาก แต่กลิ่นไม่หายขาด
6. ส่วนการไปคลินิกกลิ่นปาก ที่ BDMS มันจะไม่ใช้การรักษาในครั้งนั้น แต่จะเป็นการแนะนำจากคุณหมอ ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง ไม่ต้องไปก็ได้ครับ ลองวิธีที่ผมแนะนำมาก่อน
ขอเรียงลำดับให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ ถ้ากลิ่นปากมาจากช่องปาก ให้ทำตามข้อ 1 และ 2 คือ
1. ถ้ามีนิ่วทอนซิล ค่อยตัดทิ้งเพราะทำให้เกิดกลิ่นปาก
2. ลองใจดีกับช่องปาก ไม่ใช้อะไรที่รุนแรงเกินไป ให้ช่องปากเสียสมดุล ตอนนี้ที่ผมใช้อยู่ และคิดว่ามันได้ผล คือ การแปรงลิ้น/การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก popolis เพื่อกำจัดโปรตีนในปาก สาเหตุหลักของกลิ่นปาก การใช้ไหมขัดฟัน การกินโบรไพโอติกสำหรับช่องปาก ดื่มน้ำเยอะๆ ใช้ยาสีฟัน dentiste สังเกตได้เลยว่าถ้าลิ้นเราไม่ขาว ไม่เป็นฝ่า กลิ่นปากจะน้อยลงมาก (รูปภาพของที่ใช้จะแปะไว้ให้นะครับ)
3. แต่ถ้าคิดว่ากลิ่นปากมาจากภายใน ลมหายใจมีกลิ่นเลย แนะนำให้ไปหาหมอทางเดินอาหาร เพื่อตรวจหาเชื้อ H. มีงานวิจัยต่างประเทศมารองรับแล้วครับ ว่าเชื้อนี้ทำให่เกิดกลิ่นปากได้จริงๆ ไปลองหาอ่านกันได้ ส่วนผม มีปัญหาตรงทุกข้อที่กล่าวมาเลยครับ ทั้งมีนิ่วทอนซิล มีเชื้อ H. ในกระเพาะอาหาร และยังลิ้นเป็นฝ้าอีก
แต่ตอนนี้หายแล้วครับ ไม่ได้กลิ่นปากหรือกลิ่นลมหายใจเหม็นตัวเอง แต่จะมีกลิ่นปากบ้าง ตอนปากแห้งหรือหลังกินข้าว ก็แปรงฟัน บ้วนปาก (น้ำยาบ้วนปากที่ขจีดคราบโปรตีนได้) ขัดฟันไป แล้วดีขึ้นครับ
ลองทำตามขั้นตอนนี้นะครับ เอาไปปรับใช้กับปัญหาของตัวเอง ขอให้ทุกคนหายไวๆ ครับ