คือก่อนหน้านี้2-3ปี เราเคยมีปัญหากับแม่และน้องสาวซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากความไม่เข้าใจกันบวกกับความไม่ยอมกัน แต่สุดท้ายทั้งแม่และน้องไม่ได้มีใครแคร์เราขนาดนั้นว่าทำอะไรไปแล้วเราจะรู้สึกยังไง จนตอนนั้นเรารู้สึกแย่กับชีวิตจนอยากจบชีวิตมากจริงๆ แต่ก็มีพ่อที่ทำให้เรารู้สึกอยากกลับมา เราก็ตั้งต้นใหม่ ใช้ชีวิตในแบบที่เราชอบ จนกลับมามีความสุขได้ถึงจะยังมีปมนี้ฝังลึกๆ ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมในช่วงนี้เอามากๆ(ด้วยความที่มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เลยอาจจะเครียด) คือการที่เราชวนทะเลาะกับแม่และน้องเพราะเหมือนในอดีตเราก็ถูกแม่ว่า ดุ โดยที่เรายังไม่ได้ทำอะไร
คือเราไม่อยากเอาอดีตที่ผ่านมามาทำให้เราเป็นคนแบบนี้แบบที่ตัวเองไม่ชอบอ่ะ เราไม่รู้เลยว่าจะกำจัดเอาปมความรู้สึกนี้ออกไปยังไง เพราะก็เคยคิดจะแก้ปัญหาผ่านการพูดคุยแล้วแต่กลายเป็นว่าสุดท้ายแม่ก็จำไม่ได้แล้วลืมว่าเราเคยตกลงอะไรกันไว้บ้าง จนเรารู้สึกว่าแม่ไม่ใส่ใจเราขนาดนั้น บวกกับน้องเราที่พอคุยๆกัน ทัศนคติก็สุดโต่งสะจนเรารับไม่ได้ ทั้งยังบอกว่าไม่ได้แคร์เรามากอีกต่างหาก เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันจะมีทางจบที่ดีไหมนะ
ตอนนี้ก็เลยวางแพลนจะไปเรียนต่อที่ที่ไกลแสนไกล คิดว่าถ้าถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วกลับมาอีกครั้งเราอาจจะได้กลับมาเข้าใจและคุยกันก็ได้ แต่อีกใจนึงก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ก็เลยอยากถามความเห็นทุกคนว่าการที่เราตัดสินใจจะเลิกแคร์ครอบครัวของเราแล้วโฟกัสที่เป้าหมายและความฝันแล้วค่อยแก้ปัญหาความสัมพันธ์ทีหลัง มันโอเครึเปล่า
มีปมในใจกับครอบครัว
คือเราไม่อยากเอาอดีตที่ผ่านมามาทำให้เราเป็นคนแบบนี้แบบที่ตัวเองไม่ชอบอ่ะ เราไม่รู้เลยว่าจะกำจัดเอาปมความรู้สึกนี้ออกไปยังไง เพราะก็เคยคิดจะแก้ปัญหาผ่านการพูดคุยแล้วแต่กลายเป็นว่าสุดท้ายแม่ก็จำไม่ได้แล้วลืมว่าเราเคยตกลงอะไรกันไว้บ้าง จนเรารู้สึกว่าแม่ไม่ใส่ใจเราขนาดนั้น บวกกับน้องเราที่พอคุยๆกัน ทัศนคติก็สุดโต่งสะจนเรารับไม่ได้ ทั้งยังบอกว่าไม่ได้แคร์เรามากอีกต่างหาก เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันจะมีทางจบที่ดีไหมนะ
ตอนนี้ก็เลยวางแพลนจะไปเรียนต่อที่ที่ไกลแสนไกล คิดว่าถ้าถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วกลับมาอีกครั้งเราอาจจะได้กลับมาเข้าใจและคุยกันก็ได้ แต่อีกใจนึงก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ก็เลยอยากถามความเห็นทุกคนว่าการที่เราตัดสินใจจะเลิกแคร์ครอบครัวของเราแล้วโฟกัสที่เป้าหมายและความฝันแล้วค่อยแก้ปัญหาความสัมพันธ์ทีหลัง มันโอเครึเปล่า