รู้ไหมค่ะว่าคนเรามีนาฬิกาชีววิตกันด้วย
วันนี้เราจึงมาชวนเพื่อนมาเรียนรู้กันตาม คัมภีร์แพทย์จีนโบราณ หวงตี้เน่ยจิง《黄帝内经 ว่าในแต่ละวัน เวลาไหนควรทำหรือไม่ควรทำอะไรบ้างค่ะ
จะได้มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาวกันทุกคนเลยค่ะ
#สาวโสดวัยกลางคน #วัยกลางคน #ชีวจิต #HealthandMind #นาฬิกาชีวิต #แพทย์แผนจีน
01.00 - 03.00 น. : ตับ :ซึ่งมีหน้าที่สร้างน้ำดีในการย่อยไขมัน ควบคุมการเผาผลาญ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ดังนั้น ควรนอนหลับให้สนิท
03.00 - 05.00 น. : ปอด ควรตื่นแต่เช้าเพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ การตื่นนอนในช่วงนี้เป็นประจำจะทำให้ปอดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
05.00 - 07.00 น. : สำไส้ใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการขับถ่าย การขับถ่ายทุกวันเป็นประจำ นอกจากจะทำให้ไม่มีปัญหาท้องผูก ยังทำให้ผิวพรรณเราเปล่งปลั่งและลดการเป็นสิว แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดหลังตื่นนอนจะเป็นการกระตุ้นลำไส้และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น
07.00 - 09.00 น. :กระเพาะอาหาร เป็นเวลาในการย่อยอาหารต่างๆ ได้ดีที่สุด จึงควรเลือกทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์เป็นการเริ่มต้นวันที่ดีกว่ากินแค่ขนมปังกับกาแฟ การกินมื้อเช้าเป็นประจำจะทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง ลดโอกาสในการเกิดโรคอ้วนและโรคกระเพาะ
09.00 - 11.00 น. : ม้ามและตับอ่อน และเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะตื่นตัวที่สุดหลังตื่นนอน ตับอ่อนจะนำสารอาหารที่ได้ ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่วนม้ามจะคอยดักจับเชื้อโรคและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงขึ้นใหม่ ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน จึงไม่ควรนอนในเวลานี้เพราะจะทำให้ตับและม้ามอ่อนแอ และจะรู้สึกอ่อนเพลียตลอดทั้งวันได้
11.00 - 13.00 น. : หัวใจ ในการทำงานเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย จึงควรหลีกเลี่ยงเรื่องเครียด พยายามทำให้หัวใจผ่อนคลายมากที่สุด
13.00 – 15.00 น. : ลำไส้เล็ก ควรละเว้นการกินอาหารทุกชนิด เพื่อให้ลำไส้เล็กดูดซึมอาหารที่เป็นน้ำไปสร้างกรดอะมิโน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่
15.00 - 17.00 น. : กระเพาะปัสสาวะ เหมาะกับการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เหงื่อออก และเราไม่ควรอั้นปัสสาวะเพื่อให้ของเสียระบายออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
17.00 - 19.00 น. : ไต เพราะหลังจากทานอาหารหรือดำเนินกิจวัตรประจำวันมาตลอดทั้งวัน จะทำให้ของเสียในร่างกายสูงขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรอยู่นิ่งๆ แต่ต้องหากิจกรรมเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหว และกระตุ้นให้ไตทำงานได้ดีขึ้น เช่น ทำงานบ้าน เดินช้อปปิ้งหลังเลิกงาน หรือออกกำลังกาย
19.00-21.00 น. : เยื่อหุ้มหัวใจ เป็นช่วงเวลาของการ Slow Life ทำกิจกรรมเบาๆ เตรียมตัวเข้านอน เพราะเยื่อหุ้มหัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือด ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนัก เสี่ยงโรคหัวใจโต สำหรับคนที่ชอบทำงานดึกๆ หรือเที่ยวกลางคืนควรระวัง
21.00-23.00 น. ช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพ จึงควรทำร่างกายให้อบอุ่น ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป หากถ้าไม่ได้พักผ่อนในช่วงนี้อาจจะทำให้เป็นโรคเลือดจาง เพราะเม็ดเลือดแดงอ่อนแอ
23.00 - 01.00 น. : ถุงน้ำดี ควรดื่มน้ำก่อนนอน จะช่วยให้ถุงน้ำดีได้มีน้ำเก็บเอาไว้ใช้ในยามที่ร่างกายหลับ และเจือจางไม่ให้น้ำดีข้นจนเกินไปจนทำให้ไขมันตกตะกอน จนส่งผลเสีย เช่น ตื่นกลางดึก อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ลงพุง มีถุงไขมันใต้ตา หรือขาดวิตามินในกลุ่มที่ละลายในไขมัน
สุขภาพดี เพียงปรับนาฬิกาชีวิต
รู้ไหมค่ะว่าคนเรามีนาฬิกาชีววิตกันด้วย
วันนี้เราจึงมาชวนเพื่อนมาเรียนรู้กันตาม คัมภีร์แพทย์จีนโบราณ หวงตี้เน่ยจิง《黄帝内经 ว่าในแต่ละวัน เวลาไหนควรทำหรือไม่ควรทำอะไรบ้างค่ะ
จะได้มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาวกันทุกคนเลยค่ะ
#สาวโสดวัยกลางคน #วัยกลางคน #ชีวจิต #HealthandMind #นาฬิกาชีวิต #แพทย์แผนจีน
01.00 - 03.00 น. : ตับ :ซึ่งมีหน้าที่สร้างน้ำดีในการย่อยไขมัน ควบคุมการเผาผลาญ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ดังนั้น ควรนอนหลับให้สนิท
03.00 - 05.00 น. : ปอด ควรตื่นแต่เช้าเพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ การตื่นนอนในช่วงนี้เป็นประจำจะทำให้ปอดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
05.00 - 07.00 น. : สำไส้ใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการขับถ่าย การขับถ่ายทุกวันเป็นประจำ นอกจากจะทำให้ไม่มีปัญหาท้องผูก ยังทำให้ผิวพรรณเราเปล่งปลั่งและลดการเป็นสิว แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดหลังตื่นนอนจะเป็นการกระตุ้นลำไส้และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น
07.00 - 09.00 น. :กระเพาะอาหาร เป็นเวลาในการย่อยอาหารต่างๆ ได้ดีที่สุด จึงควรเลือกทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์เป็นการเริ่มต้นวันที่ดีกว่ากินแค่ขนมปังกับกาแฟ การกินมื้อเช้าเป็นประจำจะทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง ลดโอกาสในการเกิดโรคอ้วนและโรคกระเพาะ
09.00 - 11.00 น. : ม้ามและตับอ่อน และเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะตื่นตัวที่สุดหลังตื่นนอน ตับอ่อนจะนำสารอาหารที่ได้ ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่วนม้ามจะคอยดักจับเชื้อโรคและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงขึ้นใหม่ ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน จึงไม่ควรนอนในเวลานี้เพราะจะทำให้ตับและม้ามอ่อนแอ และจะรู้สึกอ่อนเพลียตลอดทั้งวันได้
11.00 - 13.00 น. : หัวใจ ในการทำงานเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย จึงควรหลีกเลี่ยงเรื่องเครียด พยายามทำให้หัวใจผ่อนคลายมากที่สุด
13.00 – 15.00 น. : ลำไส้เล็ก ควรละเว้นการกินอาหารทุกชนิด เพื่อให้ลำไส้เล็กดูดซึมอาหารที่เป็นน้ำไปสร้างกรดอะมิโน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่
15.00 - 17.00 น. : กระเพาะปัสสาวะ เหมาะกับการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เหงื่อออก และเราไม่ควรอั้นปัสสาวะเพื่อให้ของเสียระบายออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
17.00 - 19.00 น. : ไต เพราะหลังจากทานอาหารหรือดำเนินกิจวัตรประจำวันมาตลอดทั้งวัน จะทำให้ของเสียในร่างกายสูงขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรอยู่นิ่งๆ แต่ต้องหากิจกรรมเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหว และกระตุ้นให้ไตทำงานได้ดีขึ้น เช่น ทำงานบ้าน เดินช้อปปิ้งหลังเลิกงาน หรือออกกำลังกาย
19.00-21.00 น. : เยื่อหุ้มหัวใจ เป็นช่วงเวลาของการ Slow Life ทำกิจกรรมเบาๆ เตรียมตัวเข้านอน เพราะเยื่อหุ้มหัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือด ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนัก เสี่ยงโรคหัวใจโต สำหรับคนที่ชอบทำงานดึกๆ หรือเที่ยวกลางคืนควรระวัง
21.00-23.00 น. ช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพ จึงควรทำร่างกายให้อบอุ่น ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป หากถ้าไม่ได้พักผ่อนในช่วงนี้อาจจะทำให้เป็นโรคเลือดจาง เพราะเม็ดเลือดแดงอ่อนแอ
23.00 - 01.00 น. : ถุงน้ำดี ควรดื่มน้ำก่อนนอน จะช่วยให้ถุงน้ำดีได้มีน้ำเก็บเอาไว้ใช้ในยามที่ร่างกายหลับ และเจือจางไม่ให้น้ำดีข้นจนเกินไปจนทำให้ไขมันตกตะกอน จนส่งผลเสีย เช่น ตื่นกลางดึก อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ลงพุง มีถุงไขมันใต้ตา หรือขาดวิตามินในกลุ่มที่ละลายในไขมัน