
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 45.9 ล้านบาท ลดลง 35.7% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 21.2% จากไตรมาสที่ 3/2566
โดยมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,068.4 ล้านบาท ลดลง 3.7% จากไตรมาสที่ 2/2567 และลดลง 4.1% จากไตรมาสที่ 3/2566 ทั้งนี้รายได้จากการยายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ยังคงเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 76.3% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ "ช่อง 33" เป็นหลัก
ทั้งนี้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 815.7 ล้านบาท ลดลง 11.8% จากไตรมาสที่ 2/2567 และลดลง 11.3% จากไตรมาสที่ 3/25566 สืบเนื่องจากผู้ใช้โฆษณายังคงลงทุนและใช่จ่ายแบบระมัดระวัง จากหลายปัจจัยความไม่แม่แน่นอนต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามกลุ่ม BEC สามารถทำรายได้ได้เพิ่มจากรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่น ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากสามธุรกิจหลัก ได้แก่รายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) ธุรกิจ Digital Platform และธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน (Events & Artist Management)
โดยรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.8% จากไตรมาส 2/2567 และเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 3/2566 หลักจากหน่วยธุรกิจใหม่ จัดกิจกรรมและบริหารศิลปีน ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY และ Dear my love LING&ORM เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเริ่มธุรกิจบริหารศิลปิน โดยมีนักแสดงซึ่งได้รับความนิยมสูงในสังกัด ได้แก่ หลิง หลิง คอง, ออม กรณ์นภัส และ เทศน์ ไมรอน เป็นต้น โดยทั้งหมดรับงานโชว์ตัว พรีเซนเตอร์ และงาน Fan Meet ในต่างประเทศด้วย
ธุรกิจภาพยนตร์ จากผลของความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด" ในปี 2566 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้ไปมากกว่า 400 ล้านบาทบริษัทฯ และ M Studio จึงต่อยอดการทำภาพยนตร์ "ธี่หยด 2" โดยเริ่มเข้าฉายวันแรกในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 และสามารถทุบสถิติ ภาพยนตร์ไทย ด้วยรายได้เปิดตัวสูงสุดอันดับ 1 ของปีนี้
Cr.
https://www.share2trade.com/news/36481
ความเห็นส่วนตัว ช่อง3เริ่มปรับตัวแล้วเริ่มธุรกิจบริหารศิลปิน ตอนนี้กำลังเปิดแคสนักแสดงใหม่ เอาเข้าสังกัดตัวเอง รับงานเองกิน%เอง ไม่ต้องมีผู้จัดการแบบเมื่อก่อนที่ออกงานแล้วช่องไม่ได้% แถมขอคิวงานก็ยาก ถือเป็นการปรับตัวที่ดีนะ ต่อไปก็ทำเมิร์ชทำของขาย ทำโมเดลธุรกิจแบบเป็นทั้งดาราไอดอลออกงานอีเว้นจัดแฟนมีตไม่ต้องหวังพึ่งเรตติ้งขายโฆษณาอย่างเดียว หวังว่ารายได้ส่วนนี้จะเติบโตขึ้นและพารอดพ้นวิฤตตละครไปได้
“หลิง-ออม” ความนิยมพุ่ง หนุน BEC กวาดกำไร 45 ลบ. โต 21% หลังงานโชว์ตัว-พรีเซนเตอร์-แฟนมีตฯ หนุน
โดยมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,068.4 ล้านบาท ลดลง 3.7% จากไตรมาสที่ 2/2567 และลดลง 4.1% จากไตรมาสที่ 3/2566 ทั้งนี้รายได้จากการยายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ยังคงเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 76.3% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ "ช่อง 33" เป็นหลัก
ทั้งนี้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 815.7 ล้านบาท ลดลง 11.8% จากไตรมาสที่ 2/2567 และลดลง 11.3% จากไตรมาสที่ 3/25566 สืบเนื่องจากผู้ใช้โฆษณายังคงลงทุนและใช่จ่ายแบบระมัดระวัง จากหลายปัจจัยความไม่แม่แน่นอนต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามกลุ่ม BEC สามารถทำรายได้ได้เพิ่มจากรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่น ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากสามธุรกิจหลัก ได้แก่รายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) ธุรกิจ Digital Platform และธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน (Events & Artist Management)
โดยรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.8% จากไตรมาส 2/2567 และเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 3/2566 หลักจากหน่วยธุรกิจใหม่ จัดกิจกรรมและบริหารศิลปีน ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY และ Dear my love LING&ORM เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเริ่มธุรกิจบริหารศิลปิน โดยมีนักแสดงซึ่งได้รับความนิยมสูงในสังกัด ได้แก่ หลิง หลิง คอง, ออม กรณ์นภัส และ เทศน์ ไมรอน เป็นต้น โดยทั้งหมดรับงานโชว์ตัว พรีเซนเตอร์ และงาน Fan Meet ในต่างประเทศด้วย
ธุรกิจภาพยนตร์ จากผลของความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด" ในปี 2566 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้ไปมากกว่า 400 ล้านบาทบริษัทฯ และ M Studio จึงต่อยอดการทำภาพยนตร์ "ธี่หยด 2" โดยเริ่มเข้าฉายวันแรกในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 และสามารถทุบสถิติ ภาพยนตร์ไทย ด้วยรายได้เปิดตัวสูงสุดอันดับ 1 ของปีนี้
Cr.https://www.share2trade.com/news/36481
ความเห็นส่วนตัว ช่อง3เริ่มปรับตัวแล้วเริ่มธุรกิจบริหารศิลปิน ตอนนี้กำลังเปิดแคสนักแสดงใหม่ เอาเข้าสังกัดตัวเอง รับงานเองกิน%เอง ไม่ต้องมีผู้จัดการแบบเมื่อก่อนที่ออกงานแล้วช่องไม่ได้% แถมขอคิวงานก็ยาก ถือเป็นการปรับตัวที่ดีนะ ต่อไปก็ทำเมิร์ชทำของขาย ทำโมเดลธุรกิจแบบเป็นทั้งดาราไอดอลออกงานอีเว้นจัดแฟนมีตไม่ต้องหวังพึ่งเรตติ้งขายโฆษณาอย่างเดียว หวังว่ารายได้ส่วนนี้จะเติบโตขึ้นและพารอดพ้นวิฤตตละครไปได้