เข้าเรื่องเลยนะคะ ตามนี้ค่ะ
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
1.1 ที่บ้านเกษียณปีนี้แล้วได้เงินมาก้อนหนึ่ง เขาโทรมาบอกเราว่าอยากซื้อบ้านมือ 2 ที่ต่างจังหวัด เพราะตอนนี้ที่บ้านเราไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง (เขาเช่าอยู่ ส่วนเราก็เช่าคอนโดอยู่เองเหมือนกัน เพราะอยากเดินทางไปทำงานสะดวก (เดี๋ยวอธิบาย background เพิ่มเติมในข้อ 2 ค่ะ)
1.2 ทีนี้เราก็พอรู้สึกอยู่แล้วว่าสักวันเรื่องนี้มันจะมาถึง คือเขาเคยพูดมาตั้งแต่เราเรียนไม่จบแล้วว่าอยากมีบ้าน อยากให้ช่วยซื้อบ้านให้ เพราะเช่าอยู่ก็ "เสียเงินไปเปล่า ๆ ไม่ได้อะไรกลับมา" พอมาถึงจริงเราก็ลังเลมาก แล้วเขาหาเหตุผลมาพูดกับเราประมาณว่า 1. เขาจะใช้แค่ชื่อเราเฉย ๆ เขาจะออกเงินเองหมดแน่นอน เพราะตอนนี้เขามีเงินก้อนแล้ว แล้วเขาจะวางเงินดาวน์เยอะ ๆ เหตุผลที่ 2. พอพี่เราได้งานทำเมื่อไหร่ จะรีไฟแนนซ์เอาชื่อเราออกทันที เราจะไม่เกี่ยวข้อง 3. เขาบอกว่า บ้านที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ ญาติเราจะขายไปแล้วเพราะไม่ค่อยมีคนอยู่ บวกกับญาติผู้ใหญ่ที่เคยอยู่ในบ้านนั้นก็เสียหมดแล้ว (อันนี้เป็นบ้านญาติที่เคยมีชื่อที่บ้านเราร่วมด้วย แต่ปัจจุบันเขาไม่ได้มีชื่ออยู่ในโฉนดแล้ว) ซึ่งเรื่องจะขายบ้านเราก็เคยได้ยินญาติพูดมาตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ทำไรจริงจัง พอเขาพูดไปเยอะ ๆ วันนั้นเราก็แบบยอม ๆ ไปก่อน
1.3 พอไม่กี่วันผ่านมาเราได้ไปปรึกษากับเพื่อนสนิท จนเราก็กลับมาตัดสินใจใหม่ว่า เราว่าเราไม่พร้อมช่วยเหลือจริง ๆ เลยน่าจะปฏิเสธไป
2. Background ของเรา
2.1 เราเพิ่งเรียนจบได้ไม่กี่ปี ไม่มีความรู้เรื่องการกู้ธนาคาร-ซื้อบ้าน เพราะ 1. งง 2. รู้สึกตั้งแต่เด็กว่าไกลตัว (แต่ตอนนี้ไม่ไกลล่ะค่ะ) ไม่เคยกู้อะไร อาชีพการเงิน-เงินเดือน เราว่าค่อนข้าง promising คิดมาตลอดว่าอยากสร้างชีวิตเครดิตไว้ดี ๆ ในอนาคต ซึ่งเชื่อมกับข้อ 2.2 ลงไปคือ
2.2 เหตุผลหนึ่งที่ปฏิเสธเพราะเรารู้สึกว่าที่บ้านเราวินัยการเงินแย่ค่ะ และเราก็รู้สึกว่าวินัยการเงินเราก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน เลยคงไปแบกใครไม่ได้ ไม่อยากมีความรู้สึกว่าเหมือนมีชื่อกู้เป็นหนี้อะไรสักอย่าง เพราะเราอยากมีอิสรภาพทางการใช้จ่าย แล้วคือเราซักไปซักมาก็รู้ว่าที่บ้านเราเคยติดบูโร ตั้งแต่เราเรียนจบ (ตอนนั้นเขายังไม่เกษียณ) ก็โทรมาขอยืมเงินตลอด เขาบอกจะไปใช้หนี้คนนั้นคนนี้ เพราะเขาบอกว่าเคยไปยืมคนอื่นมาเยอะมากเพื่อให้เราเรียนจบ
2.3 จริง ๆ เราเคยมีบ้านนะคะ แต่พอเรามัธยม จำไม่ได้ว่าทำไมต้องขายบ้าน เหมือนที่บ้านทะเลาะกันแล้วไม่ได้ส่งอะไรสักอย่าง คือตอนนั้นที่บ้านพยายามปกปิดเรามาก ๆ จนถึงตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
2.4 เรื่องที่ที่บ้านบอกว่าจะรีไฟแนนซ์เอาชื่อเราออกทันทีที่พี่ได้งาน คือ เราก็ไม่รู้รายละเอียดลึกเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์อีก มันทำยังไง ละมันเอาชื่อเราออกได้ง่ายจริง ๆ เหรอ อีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นห่วงมากกกกคือ พี่เราอายุ 30 ยังเรียนไม่จบเลยค่ะ (แต่ใกล้มาก ๆ แล้วค่ะ) ไม่เคยทำงาน เราก็แบบ มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะเอาจริงแม่เราก็โทรมาตัดพ้อบ่อย ๆ ว่าพี่เราไม่ยอมออกไปหางานทำสักที
2.5 บ้านที่เขาอยากซื้อถึงซื้อไปเราก็คงไม่ไปอยู่ด้วยเด็ดขาด เพราะส่วนตัวรู้สึกห่างเหินกับไม่สามารถพูดคุยกับคนที่บ้านได้ปกติเลยเพราะจะทะเลาะกันตลอด บวกกับเราเสียสุขภาพจิตไปเยอะตั้งแต่เด็กเพราะอยู่กับที่บ้าน ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจตรงนี้
3. คำถาม+สิ่งที่เรากำลังจะทำหลังเจอเหตุการณ์นี้
3.1 ในใจเราตั้งธงไว้แล้วค่ะ ว่าจะไม่ลงไปเซ็นชื่ออะไรด้วยเด็ดขาด เหตุผลสนับสนุนที่เราคิดมาข้างต้นมันพอแล้วใช่ไหมคะที่เราจะปฎิเสธ มีข้อกังวลอื่นที่เราควรนำมาคิดหรือกังวลเกี่ยวกับการมีชื่อกู้ร่วมมั้ยคะ ถ้าเป็นความรู้เกี่ยวกับการซื้อบ้าน-การกู้ธนาคารมาแชร์ จะดีมากเลยค่ะ
3.2 เรารู้สึกผิดมากเลยค่ะหลังตัดสินใจแบบนี้ พอเราโทรกลับไปที่บ้านว่าคงช่วยไรไม่ได้ ที่บ้านไลน์มาบอกอ่ะค่ะว่าเขาทะเลาะกับพี่เราเลย เขาบอกเราว่าพี่เราตั้งความหวังไว้ที่เราเยอะมาก
3.3 เรารู้สึกสับสนด้วยค่ะ คือทั้งชีวิตเรากับพี่คือไม่ถูกกัน แล้วแบบไม่สามารถพูดดีด้วยกันได้ ละวันที่เขาโทรมาขอเรื่องนี้ คือที่บ้านพูดดีด้วยมาก จนเราตกใจแบบงง ๆ จนเรายอมรับไปด้วยเลยอ่ะค่ะ แล้วกลับไปอ่านที่บรรทัดบนนะคะ พอเราบอกว่าเราช่วยไม่ได้ เรากลับโดนโกรธ แล้วงงกับคำว่า เขาตั้งความหวังไว้กับเราเยอะมาก เราก็เลยสับสน สรุปคือหวังพึ่งแต่เราใช่ไหม ที่บ้านดูจะไม่ดีขึ้นเลยใช่ไหมถ้าไม่มีเรา แล้วตอนแรกที่โทรมาขอเขาบอกให้เรากู้ร่วม พอวันนี้พี่ทะเลาะกับที่บ้าน เขามาบอกว่าจริง ๆ แล้วอยากให้เราเป็นผู้กู้หลัก คือ ??? แบบนี้อนาคตมีแววว่าเราต้องผ่อนเองแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ
3.4 กลับมาที่ความรู้สึกผิดค่ะ เรารู้สึกผิดที่เราช่วยเหลือที่บ้านอะไรไม่ได้เลยค่ะแล้วพอมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่ค่อนข้างอยู่กินสบาย ใช้ชีวิตสบายกว่าคนอื่นในบ้าน มีเงินให้ซื้อของฟุ่มเฟือยบ้างแล้วก็รู้สึกผิดจริง ๆ ยิ่งโตเวลาแบบเราหาความสุขอะไรให้ตัวเองเราจะรู้สึกผิดตลอดเลยอ่ะ รู้สึกทุกวันเลยค่ะ)คือข้อบนที่ที่บ้านบอกเราว่าเขาลำบากมากกว่าจะมีเงินให้เราเรียนจบ ซึ่งยอมรับกว่าจริง แต่ความรู้สึกส่วนตัว เราก็ตะเกียกตะกายอยู่ตัวคนเดียวไม่รู้สึกสนิทใจจะคุยกับใครเหมือนกัน เราก็แบบ...ไม่อยากจะช่วยด้วยอ่ะ แต่มันก็หนีความรู้สึกผิดไม่ได้จริง ๆ ที่เครียดคือหลังจากนี้ความสัมพันธ์กับคนในบ้านที่ไม่ได้ดีอยู่แล้วมันจะเป็นยังไงอ่ะคะ แล้วแบบความผิดเราอีกไหมที่ทำให้ที่บ้านในวัยหลังเกษียณไม่มีบ้าน?
ขอบคุณค่ะ
ที่บ้านขอให้กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเราจะปฏิเสธ
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
1.1 ที่บ้านเกษียณปีนี้แล้วได้เงินมาก้อนหนึ่ง เขาโทรมาบอกเราว่าอยากซื้อบ้านมือ 2 ที่ต่างจังหวัด เพราะตอนนี้ที่บ้านเราไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง (เขาเช่าอยู่ ส่วนเราก็เช่าคอนโดอยู่เองเหมือนกัน เพราะอยากเดินทางไปทำงานสะดวก (เดี๋ยวอธิบาย background เพิ่มเติมในข้อ 2 ค่ะ)
1.2 ทีนี้เราก็พอรู้สึกอยู่แล้วว่าสักวันเรื่องนี้มันจะมาถึง คือเขาเคยพูดมาตั้งแต่เราเรียนไม่จบแล้วว่าอยากมีบ้าน อยากให้ช่วยซื้อบ้านให้ เพราะเช่าอยู่ก็ "เสียเงินไปเปล่า ๆ ไม่ได้อะไรกลับมา" พอมาถึงจริงเราก็ลังเลมาก แล้วเขาหาเหตุผลมาพูดกับเราประมาณว่า 1. เขาจะใช้แค่ชื่อเราเฉย ๆ เขาจะออกเงินเองหมดแน่นอน เพราะตอนนี้เขามีเงินก้อนแล้ว แล้วเขาจะวางเงินดาวน์เยอะ ๆ เหตุผลที่ 2. พอพี่เราได้งานทำเมื่อไหร่ จะรีไฟแนนซ์เอาชื่อเราออกทันที เราจะไม่เกี่ยวข้อง 3. เขาบอกว่า บ้านที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ ญาติเราจะขายไปแล้วเพราะไม่ค่อยมีคนอยู่ บวกกับญาติผู้ใหญ่ที่เคยอยู่ในบ้านนั้นก็เสียหมดแล้ว (อันนี้เป็นบ้านญาติที่เคยมีชื่อที่บ้านเราร่วมด้วย แต่ปัจจุบันเขาไม่ได้มีชื่ออยู่ในโฉนดแล้ว) ซึ่งเรื่องจะขายบ้านเราก็เคยได้ยินญาติพูดมาตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ทำไรจริงจัง พอเขาพูดไปเยอะ ๆ วันนั้นเราก็แบบยอม ๆ ไปก่อน
1.3 พอไม่กี่วันผ่านมาเราได้ไปปรึกษากับเพื่อนสนิท จนเราก็กลับมาตัดสินใจใหม่ว่า เราว่าเราไม่พร้อมช่วยเหลือจริง ๆ เลยน่าจะปฏิเสธไป
2. Background ของเรา
2.1 เราเพิ่งเรียนจบได้ไม่กี่ปี ไม่มีความรู้เรื่องการกู้ธนาคาร-ซื้อบ้าน เพราะ 1. งง 2. รู้สึกตั้งแต่เด็กว่าไกลตัว (แต่ตอนนี้ไม่ไกลล่ะค่ะ) ไม่เคยกู้อะไร อาชีพการเงิน-เงินเดือน เราว่าค่อนข้าง promising คิดมาตลอดว่าอยากสร้างชีวิตเครดิตไว้ดี ๆ ในอนาคต ซึ่งเชื่อมกับข้อ 2.2 ลงไปคือ
2.2 เหตุผลหนึ่งที่ปฏิเสธเพราะเรารู้สึกว่าที่บ้านเราวินัยการเงินแย่ค่ะ และเราก็รู้สึกว่าวินัยการเงินเราก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน เลยคงไปแบกใครไม่ได้ ไม่อยากมีความรู้สึกว่าเหมือนมีชื่อกู้เป็นหนี้อะไรสักอย่าง เพราะเราอยากมีอิสรภาพทางการใช้จ่าย แล้วคือเราซักไปซักมาก็รู้ว่าที่บ้านเราเคยติดบูโร ตั้งแต่เราเรียนจบ (ตอนนั้นเขายังไม่เกษียณ) ก็โทรมาขอยืมเงินตลอด เขาบอกจะไปใช้หนี้คนนั้นคนนี้ เพราะเขาบอกว่าเคยไปยืมคนอื่นมาเยอะมากเพื่อให้เราเรียนจบ
2.3 จริง ๆ เราเคยมีบ้านนะคะ แต่พอเรามัธยม จำไม่ได้ว่าทำไมต้องขายบ้าน เหมือนที่บ้านทะเลาะกันแล้วไม่ได้ส่งอะไรสักอย่าง คือตอนนั้นที่บ้านพยายามปกปิดเรามาก ๆ จนถึงตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
2.4 เรื่องที่ที่บ้านบอกว่าจะรีไฟแนนซ์เอาชื่อเราออกทันทีที่พี่ได้งาน คือ เราก็ไม่รู้รายละเอียดลึกเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์อีก มันทำยังไง ละมันเอาชื่อเราออกได้ง่ายจริง ๆ เหรอ อีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นห่วงมากกกกคือ พี่เราอายุ 30 ยังเรียนไม่จบเลยค่ะ (แต่ใกล้มาก ๆ แล้วค่ะ) ไม่เคยทำงาน เราก็แบบ มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะเอาจริงแม่เราก็โทรมาตัดพ้อบ่อย ๆ ว่าพี่เราไม่ยอมออกไปหางานทำสักที
2.5 บ้านที่เขาอยากซื้อถึงซื้อไปเราก็คงไม่ไปอยู่ด้วยเด็ดขาด เพราะส่วนตัวรู้สึกห่างเหินกับไม่สามารถพูดคุยกับคนที่บ้านได้ปกติเลยเพราะจะทะเลาะกันตลอด บวกกับเราเสียสุขภาพจิตไปเยอะตั้งแต่เด็กเพราะอยู่กับที่บ้าน ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจตรงนี้
3. คำถาม+สิ่งที่เรากำลังจะทำหลังเจอเหตุการณ์นี้
3.1 ในใจเราตั้งธงไว้แล้วค่ะ ว่าจะไม่ลงไปเซ็นชื่ออะไรด้วยเด็ดขาด เหตุผลสนับสนุนที่เราคิดมาข้างต้นมันพอแล้วใช่ไหมคะที่เราจะปฎิเสธ มีข้อกังวลอื่นที่เราควรนำมาคิดหรือกังวลเกี่ยวกับการมีชื่อกู้ร่วมมั้ยคะ ถ้าเป็นความรู้เกี่ยวกับการซื้อบ้าน-การกู้ธนาคารมาแชร์ จะดีมากเลยค่ะ
3.2 เรารู้สึกผิดมากเลยค่ะหลังตัดสินใจแบบนี้ พอเราโทรกลับไปที่บ้านว่าคงช่วยไรไม่ได้ ที่บ้านไลน์มาบอกอ่ะค่ะว่าเขาทะเลาะกับพี่เราเลย เขาบอกเราว่าพี่เราตั้งความหวังไว้ที่เราเยอะมาก
3.3 เรารู้สึกสับสนด้วยค่ะ คือทั้งชีวิตเรากับพี่คือไม่ถูกกัน แล้วแบบไม่สามารถพูดดีด้วยกันได้ ละวันที่เขาโทรมาขอเรื่องนี้ คือที่บ้านพูดดีด้วยมาก จนเราตกใจแบบงง ๆ จนเรายอมรับไปด้วยเลยอ่ะค่ะ แล้วกลับไปอ่านที่บรรทัดบนนะคะ พอเราบอกว่าเราช่วยไม่ได้ เรากลับโดนโกรธ แล้วงงกับคำว่า เขาตั้งความหวังไว้กับเราเยอะมาก เราก็เลยสับสน สรุปคือหวังพึ่งแต่เราใช่ไหม ที่บ้านดูจะไม่ดีขึ้นเลยใช่ไหมถ้าไม่มีเรา แล้วตอนแรกที่โทรมาขอเขาบอกให้เรากู้ร่วม พอวันนี้พี่ทะเลาะกับที่บ้าน เขามาบอกว่าจริง ๆ แล้วอยากให้เราเป็นผู้กู้หลัก คือ ??? แบบนี้อนาคตมีแววว่าเราต้องผ่อนเองแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ
3.4 กลับมาที่ความรู้สึกผิดค่ะ เรารู้สึกผิดที่เราช่วยเหลือที่บ้านอะไรไม่ได้เลยค่ะแล้วพอมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่ค่อนข้างอยู่กินสบาย ใช้ชีวิตสบายกว่าคนอื่นในบ้าน มีเงินให้ซื้อของฟุ่มเฟือยบ้างแล้วก็รู้สึกผิดจริง ๆ ยิ่งโตเวลาแบบเราหาความสุขอะไรให้ตัวเองเราจะรู้สึกผิดตลอดเลยอ่ะ รู้สึกทุกวันเลยค่ะ)คือข้อบนที่ที่บ้านบอกเราว่าเขาลำบากมากกว่าจะมีเงินให้เราเรียนจบ ซึ่งยอมรับกว่าจริง แต่ความรู้สึกส่วนตัว เราก็ตะเกียกตะกายอยู่ตัวคนเดียวไม่รู้สึกสนิทใจจะคุยกับใครเหมือนกัน เราก็แบบ...ไม่อยากจะช่วยด้วยอ่ะ แต่มันก็หนีความรู้สึกผิดไม่ได้จริง ๆ ที่เครียดคือหลังจากนี้ความสัมพันธ์กับคนในบ้านที่ไม่ได้ดีอยู่แล้วมันจะเป็นยังไงอ่ะคะ แล้วแบบความผิดเราอีกไหมที่ทำให้ที่บ้านในวัยหลังเกษียณไม่มีบ้าน?
ขอบคุณค่ะ