ผมเคยโพสต์ในที่นี้สองครั้งแล้วว่า  ให้แพทองธารเปลี่ยนทีมงานเถอะ
เพราะแต่ละเรื่องที่ทีมงานจัดให้เธอนั้น  มั่วทุกที  ทำให้เธอเป็นคนไม่รู้เรื่องในเนื้องานทุกที

แต่ตอนนี้  ถึงวันนี้  ผมว่าคงไม่ใช่ทีมงานแล้วแหละ
น่าจะเป็นตัวแพทองธารเองมากกว่า  ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย 
พูด ให้สัมภาษณ์สื่อทีไร  แสดงถึงความไม่รู้เรื่อง ไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจในเรื่องนั้น ๆ ทุกที

อย่าล่าสุด
ออกมาพูดแข็งขันยันยืน  ว่าเกาะกูดเป็นของไทย 
ไม่ยอมเสียดินแดนเด็ดขาด  เพื่อกลบกระแสคลั่งชาติที่ถูกสร้างขึ้น   ก็ฟังดูดี

แต่พอนักช่าวถามเรื่อง MOU 44  เท่านั้นแหละ
แพทองธารก็ออกทะเล ไม่รู้ห้ารู้สิบอย่างเคย  แสดงถึงความไม่รู้ ขาดการศึกษาเนื้องานออกมาอย่างเคย

ตอบนักข่าวว่า


สะท้อนถึงความไม่รู้เรื่องแบบน่าขายหน้าสุด ๆ  ขายหน้าประเทศไทยจริง ๆ  ที่มีนายกฯไม่รู้เรื่องแบบนี้
สะท้อนว่า  เธอไม่ได้เตรียมงาน  ไม่ได้สนใจงาน ไม่ทำความเข้าใจงาน  ทำงานเหมือนออกอีเว้นท์ไปวัน ๆ  จบวันก็จบอีเว้นท์
วันใหม่ก็อีเว้นท์ใหม่  พูดแบบไม่รู้เรื่องงานใหม่  เช้าเห็นหน้า เย็นกลับ  วางงาน  ไม่ได้ศึกษางานเพื่อให้ตัวเองเข้าใจในเรื่องงานสักเรื่องเลย

MOU  แพทองธารคงเข้าใจว่า  เป็นสนธิสัญญา หรือ ข้อผูกพัน อะไรสักอย่าง
ถึงได้พูดมั่วออกมาว่า  หากเลิกจะโดนกัมพูชาฟ้องร้อง

ได้ยินแล้วปวดตับ


MOU  มันแค่ บันทึกความเข้าใจ   ไม่ใช่สนธิสัญญา  ไม่มีข้อผูกมัด  
หากจะเลิก  ก็เลิกได้   เท่านั้นเอง

บันทึกความเข้าใจว่า  จะพูดคุยอะไรกัน  จะทำยังไงกัน  ตามกรอบที่บันทึกไว้ใน MOU
ถ้ายกเลิก  ก็คือแค่ไม่ทำตามที่ทำความเข้าใจกันไว้แล้วนะ  เท่านั้นเอง

เช่น  ไทย กับ กัมพูชา  ทำ MOU 44  กันไว้ว่า
การเจรจาเรื่องดินแดนทับซ้อน  จะคุยกันสองเรื่องไปพร้อม ๆ กัน
คือ หนึ่ง เรื่องเขตดินแดน    สอง เรื่องผลประโยชน์ใต้ทะเลในเขตทับซ้อน   
ทำความเข้าใจกันว่า หากจะคุยกัน ต้องคุยสองเรื่องไปพร้อม ๆ กัน  จะคุยแค่เรื่องเดียวไม่ได้
ดังนั้น  หากไทยจะยกเลิก  มันก็แค่ยกเลิกความเข้าใจเดิม   กัมพูชาจะมาฟ้องร้องอะไรได้ เพราะไม่ใช่สนธิสัญญา

(รัฐบาลอภิสิทธิ์  เคยมีมติ ครม. ยกเลิก MOU 44  แต่ยังไม่ได้นำเข้าสู่สภาฯ เพื่อให้สภาฯเห็นชอบ
  ก็ยุบสภาฯก่อน  MOU 44  จึงมีผลอยู่เหมือนเดิมจนถึงทุกวันนี้  ยังไม่ได้ยกเลิกอย่างที่บางคนมั่ว)