สถานการณ์ชวนอึดอัดในที่ทำงาน

เรื่องมันมีอยู่ว่า 
ส่วนตัวทำงานในร้านความงามแห่งหนึ่ง (ร้านทำเล็บ)  เป็นร้านเล็กๆที่มีพนักงานทำผมหนึ่งคนและแอดมินพ่วงฝ่ายบัญชีคนหนึ่ง (ก็คือจขกท เอง) เนื่องจากร้านมีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่จึงต้องมีแอดมินช่วยในการสื่อสารเพราะพี่พนักงานไม่สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ เจ้าของร้านเองก็ปล่อยให้ลูกน้องดูแลร้าน นานๆทีจะแวะเข้าร้านบ้าง เรากับพี่พนักงานจึงสนิทกันในระดับหนึ่ง
อยู่มาวันหนึ่ง พี่พนักงานก็มาพูดว่าอยากได้เงินเดือนเพิ่มเพราะทำมาเกือบสองปีแล้ว เราทำมาได้ประมาณห้าเดือน เราก็บอกว่าคุยกับนายเลยแต่ก็อาจต้องรอเวลาอีกหน่อยนะเพราะนายกำลังอยู่ในช่วงทำร้านอีกสาขา พี่เขาก็คุย แต่ปัญหาคือช่วงนั้นนายก็กำลังรีโนเวทร้านอีกสาขา ค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ นายก็บอกให้รอร้านใหม่เสร็จก่อน แล้วจะคุยเรื่องเพิ่มเงินเดือนให้ (เพื่อความชัดเจน ฐานเงินเดือนพี่เขาไม่เยอะแต่มีค่าคอมด้วย) ซึ่งรายได้ก็ไม่น่าเกลียดอะไร แต่ติดที่พี่เขามีหนี้ของพี่เขาเอง และหนี้ที่ติดนาย (เบิกก่อน) นอกเหนือจากนั้น นายเองก็ยื่นมือช่วยเหลือเขาไว้เยอะ ก็เลยยังไม่ได้เพิ่มเงินเดือนให้ทันที พี่เขาเลยไม่พอใจ และเริ่มเซ้าซี้นาย จนนายเริ่มไม่โอเค 
ปัญหาก็คือ 
จขกท อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็เพื่อนร่วมงานที่ดี อีกฝ่ายก็นายที่ดี ตอนนี้เหมือนคนกลางที่อึดอัด เพราะทั้งสองฝ่ายก็เอาความคิด ความรู้สึกตัวเองมาเล่าให้ฟัง แต่เราเองก็ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ที่ดี พอนายถามเรื่องพี่คนนี้ เราก็พยายามตอบให้เป็นกลางที่สุด พอพี่ถามเรื่องนายก็พยายามตอบเป็นกลางมากที่สุด สุดท้ายทางออกของนายสำหรับเรื่องนี้คือ เซ้งร้านเก่าพร้อมส่งพี่พนักงานให้นายใหม่ โดยเราเองก็ต้องอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะไปกับนายต่อหรือจะพอแค่นี้ เพราะในช่วงงานทำร้านใหม่จะต้องไปคุยกับช่าง ติดต่อประสานงานหลายฝ่าย งานตรงนี้ยังไม่เสร็จ แต่ก็เหนื่อยใจเพราะกลายเป็นคนกลางในสนามอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย ก็เลยมานั่งคิดกับตัวเองว่า เราให้ใจกับเรื่องนี้มากเกินไปไหม เราควรพาตัวเองออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้ยังไงดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่