พระป่าเดอะซีรี่ ep3 : เลวที่สุด
อ่านย้อนหลังได้ที่นี่
ep1 :
https://m.pantip.com/topic/42932784/
ep2 :
https://pantip.com/topic/42939626/
.
รูปแบบการสอนของพระป่าที่นี่อาจารย์จะไม่สอนอะไรมากมาย
ไม่เน้นอธิบาย หรือบอกไปถึงเรื่องการปฏิบัติอะไรเยอะ
มีแต่บอกให้ทำ แล้วก็ดุ และชมที่จริงๆ ไม่ใช่การชม
.
.
ก่อนจะมาบวช ผมก็เรียนรู้ผ่านคอร์สปฏิบัติตามที่ต่างๆ มาบ้างพอสมควร ทุกๆ ที่จะอธิบาย กระบวนการ สภาวะต่างๆ เป็นฉากๆ อย่างวิจิตรพิสดารอย่างสติที่สอนกันอย่างแพร่หลายว่า “ทำอะไรให้มีสติ ยืนเดินนั่งนอน ให้รู้สึกตัว เดินอยู่ให้รู้ว่าเดิน”
.
ผมก็จำและฝึกปฏิบัติเช่นนั้นมาตลอด แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมบ่อยๆ มาตลอด คือเมื่อเราพยายามประคองสติรู้สึกตัวขณะเราเดิน เช่น ผมเดินไปห้องน้ำและทำความรู้สึกตัวขณะเดินให้ตลอด
ผมเดินเลยห้องน้ำ

พอเดินกลับมาเข้าห้องน้ำเสร็จ ออกจากห้องน้ำมา
ผมลืมเปลี่ยนรองเท้า

ผมรู้ตัวเลยว่า ที่ผมทำ มันจงใจและพยายามมากเกินไป มีคนบอกว่า ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้น พอไม่ตั้งใจ สติผมก็หลุด ฟุ้งไปคิดเรื่องอื่นเลย
.
แต่อยู่ที่นี่ ผมไม่เคยได้ยินอาจารย์สอนว่า เดินให้มีสติ แต่ท่านจะบอกว่า “เดินเบาๆ”
.
ที่ศาลาเราจะถูห้องกรรมฐานที่อยู่ชั้นสองหลังฉันท์เช้าเสร็จ ซึ่งหลังฉันท์จะเป็นเวลาที่พระอาจารย์จะนั่งพูดคุยกับญาติโยมที่มาทำบุญ/ มากราบ/ หรือรับแขก ซึ่งชั้นบนนั้นสร้างด้วยไม้ที่อายุนานหลายสิบปี ทำให้ทุกก้าวเดินถ้าไม่ระวังจะส่งเสียงดังไปถึงข้างล่างอย่างง่ายดาย ถ้าใครเดินกระทืบเท้าส่งเสียงดังขณะที่อาจารย์รับแขกอยู่ พอท่านเสร็จกิจก็จะโดนดุกันทั้งหมู่
.
แต่คำสอนง่ายๆ แค่นี้ กลับทำให้ผมค้นพบว่า การเดินให้ไม่มีเสียงทุกขณะ ไม่ว่าจะตอนเดินบนพื้นไม้ในศาลา สวมรองเท้าแตะเดินไม่ลากเท้าให้มีเสียง การระวังไม่ให้เกิดเสียงรบกวนไปถึงผู้อื่นในทุกอิริยาบถ มันสร้างสติให้เราได้อย่างเป็นธรรมชาติ
.
สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ คือการเดินให้เงียบตามที่อาจารย์บอก นอกจากได้สติในขณะก้าวเดินแล้ว มันยังไม่เป็นภาระทางใจ ไม่รู้สึกหนัก เหมือนแบกอะไรไว้จากการที่เราต้อง “ตั้งใจมีสติ”
.
ลักษณะแบบนี้ จะพบเห็นจากที่พระอาจารย์ทำให้ดูเป็นตัวอย่างเสมอ ตอนฉันท์ไม่มีเสียง วางแก้วกับพื้นแข็งๆได้เงียบ เอาช้อนวางในแก้วกาแฟให้เงียบที่สุด เปิดปิดประตู ตู้ ฝาไม่มีใครได้ยิน ขนาดตอนเขียนอะไรเสร็จจะวางปากกาลงบนโต๊ะ ยังวางลงเบาๆ มันไม่มีความคิดเลยว่า “เรากำลังมีสติ” เพราะนั่นมีเรา แต่การฝึกให้ทำอะไรโดยไม่มีเสียง มันไม่ได้สนใจที่ตัวเรา แต่ไปสนใจที่งาน/การกระทำให้บรรลุผล
.
.
งานหนึ่งที่ผมเคยไม่ชอบอย่างมาก เลี่ยงได้เลี่ยง คือการซักผ้า ถ้าสามารถผลักให้คนอื่นทำแทนได้ ผมก็จะขอแลกกับการทำงานอย่างอื่น แต่มาเป็นพระ ทุกอย่างต้องรับผิดชอบเองหมด การซักผ้าในแบบของพระป่าที่นี่ ต้องบิดผ้าให้แห้งที่สุด และไม่มีน้ำหยด
.
พระอาจารย์เล่าว่าตอนพรรษายังไม่มาก หัวค่ำวันหนึ่งพระอาจารย์เดินตามอุปัฏฐากหลวงปู่ ตอนเดินผ่านลานซักล้างก็มีผ้าครองชุดหนึ่งที่ถูกตากทิ้งไว้ มีน้ำหยดลงพื้น หลวงปู่ชี้ไปที่ผ้าที่ตากอยู่แล้วพูดว่า
.
“เลวที่สุด”
.
แล้วท่านก็เดินผ่านไป พระอาจารย์ที่เดินตามได้แต่อึ้งในใจ “…..เลวที่สุดเลยเหรอ (วะ?)” แต่เป็นจริตของพระป่าที่เมื่อได้ยินอะไร จะไม่ถาม และใคร่ครวญด้วยตนเอง
.
ตอนพระอาจารย์เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ท่านก็ไม่ได้ขยายความอะไรมากไปกว่านี้ ท่านยิ้มๆ แล้วถาม "คิดว่าทำไมหลวงปู่ถึงบอกว่า เลวที่สุด ?"
พระป่า เดอะซีรี่ ep3 : เลวที่สุด
อ่านย้อนหลังได้ที่นี่
ep1 : https://m.pantip.com/topic/42932784/
ep2 : https://pantip.com/topic/42939626/
.
รูปแบบการสอนของพระป่าที่นี่อาจารย์จะไม่สอนอะไรมากมาย
ไม่เน้นอธิบาย หรือบอกไปถึงเรื่องการปฏิบัติอะไรเยอะ
มีแต่บอกให้ทำ แล้วก็ดุ และชมที่จริงๆ ไม่ใช่การชม
.
.
ก่อนจะมาบวช ผมก็เรียนรู้ผ่านคอร์สปฏิบัติตามที่ต่างๆ มาบ้างพอสมควร ทุกๆ ที่จะอธิบาย กระบวนการ สภาวะต่างๆ เป็นฉากๆ อย่างวิจิตรพิสดารอย่างสติที่สอนกันอย่างแพร่หลายว่า “ทำอะไรให้มีสติ ยืนเดินนั่งนอน ให้รู้สึกตัว เดินอยู่ให้รู้ว่าเดิน”
.
ผมก็จำและฝึกปฏิบัติเช่นนั้นมาตลอด แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมบ่อยๆ มาตลอด คือเมื่อเราพยายามประคองสติรู้สึกตัวขณะเราเดิน เช่น ผมเดินไปห้องน้ำและทำความรู้สึกตัวขณะเดินให้ตลอด
ผมเดินเลยห้องน้ำ
พอเดินกลับมาเข้าห้องน้ำเสร็จ ออกจากห้องน้ำมา
ผมลืมเปลี่ยนรองเท้า
ผมรู้ตัวเลยว่า ที่ผมทำ มันจงใจและพยายามมากเกินไป มีคนบอกว่า ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้น พอไม่ตั้งใจ สติผมก็หลุด ฟุ้งไปคิดเรื่องอื่นเลย
.
แต่อยู่ที่นี่ ผมไม่เคยได้ยินอาจารย์สอนว่า เดินให้มีสติ แต่ท่านจะบอกว่า “เดินเบาๆ”
.
ที่ศาลาเราจะถูห้องกรรมฐานที่อยู่ชั้นสองหลังฉันท์เช้าเสร็จ ซึ่งหลังฉันท์จะเป็นเวลาที่พระอาจารย์จะนั่งพูดคุยกับญาติโยมที่มาทำบุญ/ มากราบ/ หรือรับแขก ซึ่งชั้นบนนั้นสร้างด้วยไม้ที่อายุนานหลายสิบปี ทำให้ทุกก้าวเดินถ้าไม่ระวังจะส่งเสียงดังไปถึงข้างล่างอย่างง่ายดาย ถ้าใครเดินกระทืบเท้าส่งเสียงดังขณะที่อาจารย์รับแขกอยู่ พอท่านเสร็จกิจก็จะโดนดุกันทั้งหมู่
.
แต่คำสอนง่ายๆ แค่นี้ กลับทำให้ผมค้นพบว่า การเดินให้ไม่มีเสียงทุกขณะ ไม่ว่าจะตอนเดินบนพื้นไม้ในศาลา สวมรองเท้าแตะเดินไม่ลากเท้าให้มีเสียง การระวังไม่ให้เกิดเสียงรบกวนไปถึงผู้อื่นในทุกอิริยาบถ มันสร้างสติให้เราได้อย่างเป็นธรรมชาติ
.
สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ คือการเดินให้เงียบตามที่อาจารย์บอก นอกจากได้สติในขณะก้าวเดินแล้ว มันยังไม่เป็นภาระทางใจ ไม่รู้สึกหนัก เหมือนแบกอะไรไว้จากการที่เราต้อง “ตั้งใจมีสติ”
.
ลักษณะแบบนี้ จะพบเห็นจากที่พระอาจารย์ทำให้ดูเป็นตัวอย่างเสมอ ตอนฉันท์ไม่มีเสียง วางแก้วกับพื้นแข็งๆได้เงียบ เอาช้อนวางในแก้วกาแฟให้เงียบที่สุด เปิดปิดประตู ตู้ ฝาไม่มีใครได้ยิน ขนาดตอนเขียนอะไรเสร็จจะวางปากกาลงบนโต๊ะ ยังวางลงเบาๆ มันไม่มีความคิดเลยว่า “เรากำลังมีสติ” เพราะนั่นมีเรา แต่การฝึกให้ทำอะไรโดยไม่มีเสียง มันไม่ได้สนใจที่ตัวเรา แต่ไปสนใจที่งาน/การกระทำให้บรรลุผล
.
.
งานหนึ่งที่ผมเคยไม่ชอบอย่างมาก เลี่ยงได้เลี่ยง คือการซักผ้า ถ้าสามารถผลักให้คนอื่นทำแทนได้ ผมก็จะขอแลกกับการทำงานอย่างอื่น แต่มาเป็นพระ ทุกอย่างต้องรับผิดชอบเองหมด การซักผ้าในแบบของพระป่าที่นี่ ต้องบิดผ้าให้แห้งที่สุด และไม่มีน้ำหยด
.
พระอาจารย์เล่าว่าตอนพรรษายังไม่มาก หัวค่ำวันหนึ่งพระอาจารย์เดินตามอุปัฏฐากหลวงปู่ ตอนเดินผ่านลานซักล้างก็มีผ้าครองชุดหนึ่งที่ถูกตากทิ้งไว้ มีน้ำหยดลงพื้น หลวงปู่ชี้ไปที่ผ้าที่ตากอยู่แล้วพูดว่า
.
“เลวที่สุด”
.
แล้วท่านก็เดินผ่านไป พระอาจารย์ที่เดินตามได้แต่อึ้งในใจ “…..เลวที่สุดเลยเหรอ (วะ?)” แต่เป็นจริตของพระป่าที่เมื่อได้ยินอะไร จะไม่ถาม และใคร่ครวญด้วยตนเอง
.
ตอนพระอาจารย์เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ท่านก็ไม่ได้ขยายความอะไรมากไปกว่านี้ ท่านยิ้มๆ แล้วถาม "คิดว่าทำไมหลวงปู่ถึงบอกว่า เลวที่สุด ?"