สวัสดีครับ เนื้อหาในกระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของกระทู้ "รีวิวการผ่าตัดประสาทหูเทียม" ครับ
https://pantip.com/topic/41408123
โดยเป็นเนื้อหาในตอนที่ 9 ซึ่งผมแยกมาตั้งเพิ่มอีกกระทู้หนึ่ง เพื่อให้คนที่สนใจจะผ่าตัดประสาทหูเทียม และคนที่ไม่รู้จะเลือกเครื่องประสาทหูเทียมยี่ห้อไหนดี ได้ค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้ง่ายขึ้นครับ
ผมได้มีโอกาสเล่าเรื่องรีวิวการผ่าตัดของผมมาทั้งหมด 8 ตอนแล้ว แต่ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้กล่าวถึงตัวเครื่องประสาทหูเทียมเลย ทำให้มีหลายคนได้มา สอบถามผมถึงเรื่องตัวเครื่อง รวมถึงการเลือกยี่ห้อเครื่องประสาทหูเทียมด้วย ดังนั้นรีวิวตอนนี้ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะครับ
เครื่องประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทดแทนการทำงานของหูชั้นใน โดยทำหน้าที่แทนเซลล์ขน (Hair Cells) ของหูชั้นในที่หยุดทำงาน ประสาทหูเทียมสามารถใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่สูญเสียการได้ยินในระดับรุนแรงที่ไม่สามารถใช้เครื่องช่วยฟังได้ผล แพทย์จะพิจารณาให้ผ่าตัดประสาทหูเทียม ซึ่งเป็นทางแก้ปัญหาในระยะยาวที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยการทำงานที่แตกต่างจากเครื่องช่วยฟังซึ่งมีหน้าที่ขยายเสียง ประสาทหูเทียมจะทำการกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยินโดยตรงด้วยสัญญาณไฟฟ้าครับ
คุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม
1. ประสาทหูเสื่อมทั้ง 2 ข้าง เสียการได้ยินมากกว่า 90 เดซิเบลในเด็ก และมากกว่า 80 เดซิเบลในผู้ใหญ่
2. ใช้เครื่องช่วยฟังไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยมาก
3. มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด
4. มีระดับสติปัญญาและสุขภาพจิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีปัญหาทางด้านจิตประสาทที่เป็นอุปสรรคในการใช้ประสาทหูเทียม
5. สามารถเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยินหลังการผ่าตัด และติดตามผลเป็นระยะๆได้
6. มีศักยภาพที่จะดูแล บำรุงรักษาเครื่องประสาทหูเทียมได้
หลักการทำงานของประสาทหูเทียม ระบบประสาทหูเทียมมีส่วนประกอบหลักสองส่วน คือ
1. ส่วนที่อยู่ภายนอกร่างกาย (External Components) ประกอบไปด้วย
1.1 เครื่องประมวลเสียงหรือเครื่องแปลงสัญญาณ (Speech Processor) ทำหน้าที่ประมวลผลเสียงต่างๆ รวมทั้งเสียงพูด ที่ได้รับมาจากไมโครโฟน แล้วแปลงให้เป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่งเป็นคลื่นกระตุ้นไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กๆ (Electrical Impulse) แล้วส่งไปยังตัวส่งกระแสไฟฟ้า
1.2 ตัวส่งกระแสไฟฟ้า (External Transmitter) เป็นขดลวดและแม่เหล็ก ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องแปลงสัญญาณ และส่งไปยังอุปกรณ์รับสัญญาณ ที่ถูกฝังอยู่ภายในศีรษะ โดยจะถูกดูดให้ติดกับแม่เหล็กของตัวรับกระแสไฟฟ้าที่อยู่บริเวณหลังใบหูครับ
2. ส่วนที่ฝังอยู่ภายในร่างกาย (Internal Components) ประกอบไปด้วย
2.1 ตัวรับสัญญาณ (Internal Receiver) มีลักษณะเป็นขดลวดที่หุ้มด้วยซิลิโคน และมีแม่เหล็กอยู่กลางวงขดลวด ซึ่งจะดูดติดกับตัวส่งกระแสไฟฟ้า ทำหน้าที่รับสัญญาณดิจิตอลจากตัวส่งกระแสไฟฟ้า ส่งไปยังชุดขดลวดนำกระแสไฟฟ้า หรือที่เรียกสั้นๆว่า อิเล็กโทรด (Electrode) โดยตัวรับกระแสไฟฟ้านี้ถูกผ่าตัดฝังอยู่ภายในศีรษะ บนกระดูกบริเวณหลังใบหูครับ
2.2 ชุดขดลวดนำกระแสไฟฟ้า (Electrode Array) มีลักษณะเป็นเส้นลวดมัดเล็กๆ หลายมัด สอดเข้าไปในกระดูกก้นหอยในหูชั้นใน (Cochlea) โดยชุดอิเล็กโทรดจะทำหน้าที่ส่งคลื่นกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Impulse) เข้าไปกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยินครับ
จากในรูป สามารถอธิบายวิธีการทำงานของประสาทหูเทียม ดังนี้ครับ
1. เครื่องประมวลเสียงจะทำหน้าที่รับเสียงภายนอกผ่านไมโครโฟน แล้วทำการปรับเสียงให้เหมาะแก่การฟัง โดยวิเคราะห์เสียงจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดในแต่ละสภาพแวดล้อม จากนั้นก็แปลงสัญญาณเสียงที่ถูกปรับแล้ว ให้เป็นสัญญาณดิจิตอล
2. สัญญาณดิจิตอลจะส่งผ่านสายคอยล์ (Coil Cable) ไปยังชุดขดลวดซึ่งมีแม่เหล็กดูดติดกับศีรษะ จากนั้นชุดขดลวดส่งต่อสัญญาณดิจิตอลเหล่านี้ ผ่านทะลุผิวหนังไปยังตัวรับสัญญาณ (Implant)
3. ตัวรับสัญญาณจะเปลี่ยนสัญญาณดิจิตอลให้เป็นคลื่นกระตุ้นไฟฟ้า แล้วส่งไปตามสายอิเล็กโทรดที่เรียงตัวอยู่ในหูชั้นใน (Cochlea) เพื่อไปกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 ซึ่งเป็นเส้นประสาทรับการได้ยิน (Auditory Nerve)
4. เมื่อเส้นประสาทรับการได้ยินได้รับคลื่นกระตุ้นไฟฟ้าเหล่านี้ ทำให้เกิดกระแสประสาท ส่งต่อไปยังสมองส่วนที่รับการได้ยินเพื่อแปลผล ทำให้เราเกิดการรับรู้และเข้าใจเสียงขึ้นมาครับ
นับตั้งแต่เริ่มมีการค้นพบนวัตกรรมประสาทหูเทียมแบบหลายช่องสัญญาณ เมื่อประมาณ 40 กว่าปีที่แล้ว เทคโนโลยีของประสาทหูเทียมได้มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ลักษณะของตัวเครื่องประมวลเสียงและรูปแบบการสวมใส่ ก็มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา จากรุ่นแรกๆที่มีขนาดใหญ่เทอะทะก็พัฒนาให้มีขนาดที่เล็กลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
รูปแบบการสวมใส่เครื่องรุ่นแรกๆ
รูปแบบของเครื่องประมวลเสียงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (ในภาพเป็นเครื่องของบริษัท Cochlear ครับ)
สำหรับในปัจจุบัน เครื่องประมวลเสียงที่มีจำหน่ายจะมี 2 รูปแบบ คือ แบบเกี่ยวหูและแบบแปะศีรษะครับ
เครื่องประมวลเสียงแบบเกี่ยวหู (ในภาพเป็นรุ่น N7 ของบริษัท Cochlear)
เครื่องประมวลเสียงแบบแปะศีรษะ ซึ่งมีหน่วยประมวลผลเสียง แบตเตอรี่ ขดลวดส่งสัญญาณ และแม่เหล็กรวมอยู่ในชิ้นเดียวกัน จึงไม่ต้องมีสายคอยล์ครับ (ในภาพเป็นรุ่น Kanso2 ของบริษัท Cochlearครับ)
และสำหรับตัวรับสัญญาณเสียงหรือเส้นประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) จะมีลักษณะเป็นขดลวดที่หุ้มด้วยซิลิโคน และมีแม่เหล็กอยู่ตรงกลาง เพื่อจะให้ตัวเครื่องประมวลเสียงดูดติดกันบนผิวหนังหลังใบหู และนำสัญญาณคลื่นกระตุ้นไฟฟ้าส่งไปยังอิเล็กโทรด (Electrode) ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นลวดมัดเล็กๆ หลายมัด สอดเข้าไปในหูชั้นใน (Cochlea) เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยินต่อไปครับ
ตัวรับสัญญาณเสียง (ในภาพเป็นรุ่น CI512 ของบริษัท Cochlear ซึ่งผมก็ใช้รุ่นนี้อยู่ครับ)
การเลือกยี่ห้อเครื่องประสาทหูเทียม
ปัจจุบันเครื่องประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มีอยู่ 3 แบรนด์ คือ
1. MED-EL จากออสเตรีย
2. Cochlear จากออสเตรเลีย
3. Advanced Bionics (AB) จากสหรัฐอเมริกา
เครื่องประสาทหูเทียมมีหลายรุ่น หลายราคาครับ มีราคาตั้งแต่ 4.5 แสนบาทจนถึงประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งราคานี้เท่ากับซื้อรถยนต์เลย (แพงมากๆ) ดังนั้นต้องศึกษาข้อมูลต่างๆให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกเครื่องประสาทหูเทียมนะครับ เพราะถ้าเลือกผ่าตัดยี่ห้อไหนแล้วก็ต้องใช้เครื่องของยี่ห้อนั้นตลอดไป ไม่สามารถเอาเครื่องหรืออุปกรณ์เสริมของยี่ห้ออื่นมาใช้ร่วมกันได้ครับ
การเลือกยี่ห้อประสาทหูเทียมของแต่ละคนก็อาจมีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป สำหรับแนวทางการเลือกยี่ห้อประสาทหูเทียมของผมนั้น ผมจะแยกการพิจารณาออกเป็น 3 ประเด็นหลักๆ ดังนี้ครับ
1. ความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ
- ความมั่นคง และความพร้อมในการให้บริการ
- ประวัติการถูกสั่งเรียกคืนสินค้า
- ข้อมูลจำนวนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จากทั่วโลก
เราสามารถทราบข้อมูลเหล่านี้จากพนักงานขาย และหาข้อมูลจากเว็บไซด์ของต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย เช่น
https://cochlearimplanthelp.com/journey/choosing-a-cochlear-implant/cochlear-implant-problems/recalls/
(ถ้าเปิดในคอมพิวเตอร์ให้คลิกขวา แล้วเลือกแปลเนื้อหาในเว็บไซด์เป็นภาษาไทยได้ครับ)
2. คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ
- เครื่องแปลงสัญญาณหรือเครื่องประมวลเสียง เช่น เป็นแบบเกี่ยวหูหรือแบบแปะศีรษะ , มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆบ้าง , มีข้อจำกัดในการใช้งานอย่างไรบ้าง , กันน้ำได้หรือไม่ , สามารถ Direct Streaming ได้มั้ย และถ้าคนไข้ต้องใช้เครื่องช่วยฟังด้วย จะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยฟังได้หรือไม่ เป็นต้น
- ตัวรับสัญญาณเสียงหรือเส้นประสาทหูเทียม เช่น จำนวนอิเล็กโทรด จำนวนช่องสัญญาณ ค่าความอยู่รอดหรือความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์(Reliability) มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงที่จะต้องมีการทำ MRI ควรเลือกแบบไหน เป็นต้น
- อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น มีอุปกรณ์อะไรบ้าง ครอบคลุมทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันมั้ย เป็นต้น
คนไข้หลายคนอาจจะเลือกรุ่นเครื่อง โดยพิจารณาจากตัวเครื่องที่อยู่ภายนอกศีรษะเป็นหลัก แต่ผมอยากแนะนำว่า ควรพิจารณาจากตัวรับสัญญาณเสียงที่อยู่ภายในศีรษะเป็นหลักครับ เพราะว่าตัวรับสัญญาณเสียงจะเป็นอวัยวะเทียมที่ฝังอยู่ในศีรษะเราไปตลอดชีวิต โดยที่เครื่องแปลงสัญญาณตัวที่อยู่นอกศีรษะนั้น สามารถอัพเกรดเปลี่ยนรุ่นได้ และจะมีเครื่องรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นเดิมออกสู่ตลาดเรื่อยๆ ทุกๆ 5-10 ปี ดังนั้นค่าความอยู่รอดของอุปกรณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าอุปกรณ์ภายในเกิดเสียขึ้นมา จะไม่สามารถซ่อมได้ ต้องผ่าตัดเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว และหลังจากผ่าตัดใหม่แล้วเสียงที่ได้ยินก็จะไม่เหมือนเดิม เพราะตำแหน่งของอิเล็กโทรดจะไม่ตรงกับของเดิมเป๊ะๆอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะต้องมาฝึกฟังกันใหม่อีกรอบก็เป็นได้ แต่การฝึกฟังครั้งใหม่นี้ก็จะใช้เวลาน้อยกว่าเดิมครับ สำหรับตัวรับสัญญาณเสียง ผมแนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมจากเว็บไซด์นี้เพิ่มเติมครับ
https://cochlearimplanthelp.com/journey/choosing-a-cochlear-implant/electrodes-and-channels
https://www.medel.pro/systems/cochlear-implant-system/reliability
https://www.cochlear.com/us/en/professionals/products-and-candidacy/nucleus/nucleus-reliability
https://www.advancedbionics.com/us/en/portals/professional-portal/products/reliability-report.html
ยังไม่จบนะครับ อ่านต่อที่หน้าต่อไปครับ
รู้จักเครื่องประสาทหูเทียม และการเลือกยี่ห้อเครื่องประสาทหูเทียม
https://pantip.com/topic/41408123
โดยเป็นเนื้อหาในตอนที่ 9 ซึ่งผมแยกมาตั้งเพิ่มอีกกระทู้หนึ่ง เพื่อให้คนที่สนใจจะผ่าตัดประสาทหูเทียม และคนที่ไม่รู้จะเลือกเครื่องประสาทหูเทียมยี่ห้อไหนดี ได้ค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้ง่ายขึ้นครับ
ผมได้มีโอกาสเล่าเรื่องรีวิวการผ่าตัดของผมมาทั้งหมด 8 ตอนแล้ว แต่ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้กล่าวถึงตัวเครื่องประสาทหูเทียมเลย ทำให้มีหลายคนได้มา สอบถามผมถึงเรื่องตัวเครื่อง รวมถึงการเลือกยี่ห้อเครื่องประสาทหูเทียมด้วย ดังนั้นรีวิวตอนนี้ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะครับ
เครื่องประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทดแทนการทำงานของหูชั้นใน โดยทำหน้าที่แทนเซลล์ขน (Hair Cells) ของหูชั้นในที่หยุดทำงาน ประสาทหูเทียมสามารถใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่สูญเสียการได้ยินในระดับรุนแรงที่ไม่สามารถใช้เครื่องช่วยฟังได้ผล แพทย์จะพิจารณาให้ผ่าตัดประสาทหูเทียม ซึ่งเป็นทางแก้ปัญหาในระยะยาวที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยการทำงานที่แตกต่างจากเครื่องช่วยฟังซึ่งมีหน้าที่ขยายเสียง ประสาทหูเทียมจะทำการกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยินโดยตรงด้วยสัญญาณไฟฟ้าครับ
คุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม
1. ประสาทหูเสื่อมทั้ง 2 ข้าง เสียการได้ยินมากกว่า 90 เดซิเบลในเด็ก และมากกว่า 80 เดซิเบลในผู้ใหญ่
2. ใช้เครื่องช่วยฟังไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยมาก
3. มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด
4. มีระดับสติปัญญาและสุขภาพจิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีปัญหาทางด้านจิตประสาทที่เป็นอุปสรรคในการใช้ประสาทหูเทียม
5. สามารถเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยินหลังการผ่าตัด และติดตามผลเป็นระยะๆได้
6. มีศักยภาพที่จะดูแล บำรุงรักษาเครื่องประสาทหูเทียมได้
หลักการทำงานของประสาทหูเทียม ระบบประสาทหูเทียมมีส่วนประกอบหลักสองส่วน คือ
1. ส่วนที่อยู่ภายนอกร่างกาย (External Components) ประกอบไปด้วย
1.1 เครื่องประมวลเสียงหรือเครื่องแปลงสัญญาณ (Speech Processor) ทำหน้าที่ประมวลผลเสียงต่างๆ รวมทั้งเสียงพูด ที่ได้รับมาจากไมโครโฟน แล้วแปลงให้เป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่งเป็นคลื่นกระตุ้นไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กๆ (Electrical Impulse) แล้วส่งไปยังตัวส่งกระแสไฟฟ้า
1.2 ตัวส่งกระแสไฟฟ้า (External Transmitter) เป็นขดลวดและแม่เหล็ก ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องแปลงสัญญาณ และส่งไปยังอุปกรณ์รับสัญญาณ ที่ถูกฝังอยู่ภายในศีรษะ โดยจะถูกดูดให้ติดกับแม่เหล็กของตัวรับกระแสไฟฟ้าที่อยู่บริเวณหลังใบหูครับ
2. ส่วนที่ฝังอยู่ภายในร่างกาย (Internal Components) ประกอบไปด้วย
2.1 ตัวรับสัญญาณ (Internal Receiver) มีลักษณะเป็นขดลวดที่หุ้มด้วยซิลิโคน และมีแม่เหล็กอยู่กลางวงขดลวด ซึ่งจะดูดติดกับตัวส่งกระแสไฟฟ้า ทำหน้าที่รับสัญญาณดิจิตอลจากตัวส่งกระแสไฟฟ้า ส่งไปยังชุดขดลวดนำกระแสไฟฟ้า หรือที่เรียกสั้นๆว่า อิเล็กโทรด (Electrode) โดยตัวรับกระแสไฟฟ้านี้ถูกผ่าตัดฝังอยู่ภายในศีรษะ บนกระดูกบริเวณหลังใบหูครับ
2.2 ชุดขดลวดนำกระแสไฟฟ้า (Electrode Array) มีลักษณะเป็นเส้นลวดมัดเล็กๆ หลายมัด สอดเข้าไปในกระดูกก้นหอยในหูชั้นใน (Cochlea) โดยชุดอิเล็กโทรดจะทำหน้าที่ส่งคลื่นกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Impulse) เข้าไปกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยินครับ
และสำหรับตัวรับสัญญาณเสียงหรือเส้นประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) จะมีลักษณะเป็นขดลวดที่หุ้มด้วยซิลิโคน และมีแม่เหล็กอยู่ตรงกลาง เพื่อจะให้ตัวเครื่องประมวลเสียงดูดติดกันบนผิวหนังหลังใบหู และนำสัญญาณคลื่นกระตุ้นไฟฟ้าส่งไปยังอิเล็กโทรด (Electrode) ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นลวดมัดเล็กๆ หลายมัด สอดเข้าไปในหูชั้นใน (Cochlea) เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยินต่อไปครับ
ปัจจุบันเครื่องประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มีอยู่ 3 แบรนด์ คือ
1. MED-EL จากออสเตรีย
2. Cochlear จากออสเตรเลีย
3. Advanced Bionics (AB) จากสหรัฐอเมริกา
เครื่องประสาทหูเทียมมีหลายรุ่น หลายราคาครับ มีราคาตั้งแต่ 4.5 แสนบาทจนถึงประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งราคานี้เท่ากับซื้อรถยนต์เลย (แพงมากๆ) ดังนั้นต้องศึกษาข้อมูลต่างๆให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกเครื่องประสาทหูเทียมนะครับ เพราะถ้าเลือกผ่าตัดยี่ห้อไหนแล้วก็ต้องใช้เครื่องของยี่ห้อนั้นตลอดไป ไม่สามารถเอาเครื่องหรืออุปกรณ์เสริมของยี่ห้ออื่นมาใช้ร่วมกันได้ครับ
การเลือกยี่ห้อประสาทหูเทียมของแต่ละคนก็อาจมีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป สำหรับแนวทางการเลือกยี่ห้อประสาทหูเทียมของผมนั้น ผมจะแยกการพิจารณาออกเป็น 3 ประเด็นหลักๆ ดังนี้ครับ
1. ความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ
- ความมั่นคง และความพร้อมในการให้บริการ
- ประวัติการถูกสั่งเรียกคืนสินค้า
- ข้อมูลจำนวนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จากทั่วโลก
เราสามารถทราบข้อมูลเหล่านี้จากพนักงานขาย และหาข้อมูลจากเว็บไซด์ของต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย เช่น
https://cochlearimplanthelp.com/journey/choosing-a-cochlear-implant/cochlear-implant-problems/recalls/
(ถ้าเปิดในคอมพิวเตอร์ให้คลิกขวา แล้วเลือกแปลเนื้อหาในเว็บไซด์เป็นภาษาไทยได้ครับ)
2. คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ
- เครื่องแปลงสัญญาณหรือเครื่องประมวลเสียง เช่น เป็นแบบเกี่ยวหูหรือแบบแปะศีรษะ , มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆบ้าง , มีข้อจำกัดในการใช้งานอย่างไรบ้าง , กันน้ำได้หรือไม่ , สามารถ Direct Streaming ได้มั้ย และถ้าคนไข้ต้องใช้เครื่องช่วยฟังด้วย จะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยฟังได้หรือไม่ เป็นต้น
- ตัวรับสัญญาณเสียงหรือเส้นประสาทหูเทียม เช่น จำนวนอิเล็กโทรด จำนวนช่องสัญญาณ ค่าความอยู่รอดหรือความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์(Reliability) มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงที่จะต้องมีการทำ MRI ควรเลือกแบบไหน เป็นต้น
- อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น มีอุปกรณ์อะไรบ้าง ครอบคลุมทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันมั้ย เป็นต้น
คนไข้หลายคนอาจจะเลือกรุ่นเครื่อง โดยพิจารณาจากตัวเครื่องที่อยู่ภายนอกศีรษะเป็นหลัก แต่ผมอยากแนะนำว่า ควรพิจารณาจากตัวรับสัญญาณเสียงที่อยู่ภายในศีรษะเป็นหลักครับ เพราะว่าตัวรับสัญญาณเสียงจะเป็นอวัยวะเทียมที่ฝังอยู่ในศีรษะเราไปตลอดชีวิต โดยที่เครื่องแปลงสัญญาณตัวที่อยู่นอกศีรษะนั้น สามารถอัพเกรดเปลี่ยนรุ่นได้ และจะมีเครื่องรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นเดิมออกสู่ตลาดเรื่อยๆ ทุกๆ 5-10 ปี ดังนั้นค่าความอยู่รอดของอุปกรณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าอุปกรณ์ภายในเกิดเสียขึ้นมา จะไม่สามารถซ่อมได้ ต้องผ่าตัดเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว และหลังจากผ่าตัดใหม่แล้วเสียงที่ได้ยินก็จะไม่เหมือนเดิม เพราะตำแหน่งของอิเล็กโทรดจะไม่ตรงกับของเดิมเป๊ะๆอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะต้องมาฝึกฟังกันใหม่อีกรอบก็เป็นได้ แต่การฝึกฟังครั้งใหม่นี้ก็จะใช้เวลาน้อยกว่าเดิมครับ สำหรับตัวรับสัญญาณเสียง ผมแนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมจากเว็บไซด์นี้เพิ่มเติมครับ
https://cochlearimplanthelp.com/journey/choosing-a-cochlear-implant/electrodes-and-channels
https://www.medel.pro/systems/cochlear-implant-system/reliability
https://www.cochlear.com/us/en/professionals/products-and-candidacy/nucleus/nucleus-reliability
https://www.advancedbionics.com/us/en/portals/professional-portal/products/reliability-report.html
ยังไม่จบนะครับ อ่านต่อที่หน้าต่อไปครับ