สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เราเคยรู้จักหญิงไทยคนหนึ่งในสวิส
ที่มีสามีคนสวิสวัยแก่คราวพ่อหรือคุณตา
เรามองว่าคนเรามีความจำเป้นไม่เหมือนกัน
เราไม่เชื่อว่าคู่นี้เกิดจากความรัก
ฝ่ายหญิงมีลูกติดที่เป้นคนพิการ
หญิงได้พาลูกมาอยู่สวิสด้วยมีชีวิตที่ดีพอสมควร
คุณตาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร
คุรตาก้มีอิสระตามวัยของเขา
ฝ่ายหญิงก็มีความสุขมีอิสละตามอัตภาพ
เรามองว่าต่างคนต่างพึ่งพากัน
ชีวิตที่เลือกแล้วค่ะ
ใครจะคิดอย่างไรจะมองอย่างไรไม่ได้มาช่วยให้เขาสุขสบายขึ้นได้เลย
ไม่สนไม่แคร์ค่ะชีวิตใครชีวิตมัน
ที่มีสามีคนสวิสวัยแก่คราวพ่อหรือคุณตา
เรามองว่าคนเรามีความจำเป้นไม่เหมือนกัน
เราไม่เชื่อว่าคู่นี้เกิดจากความรัก
ฝ่ายหญิงมีลูกติดที่เป้นคนพิการ
หญิงได้พาลูกมาอยู่สวิสด้วยมีชีวิตที่ดีพอสมควร
คุณตาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร
คุรตาก้มีอิสระตามวัยของเขา
ฝ่ายหญิงก็มีความสุขมีอิสละตามอัตภาพ
เรามองว่าต่างคนต่างพึ่งพากัน
ชีวิตที่เลือกแล้วค่ะ
ใครจะคิดอย่างไรจะมองอย่างไรไม่ได้มาช่วยให้เขาสุขสบายขึ้นได้เลย
ไม่สนไม่แคร์ค่ะชีวิตใครชีวิตมัน
แสดงความคิดเห็น
มีแฟนคราวลูก สังคมประนาม สู่วันสุดท้ายที่สวยงาม
ฟังดูไม่น่าแปลกอะไร แต่ถ้าย้อนกลับไปยี่สิบปีก่อน
นี่คือคู่รักใหม่ในวงสังคมเพื่อน ที่เพิ่งเรียนจบโทกันมาไม่นาน กับสาว พนักงานบริษัทสุดเฟี้ยว และ ชายหนุ่มวัย 59 ที่พบรักกันระหว่างบินไปต่างประเทศ ทุกอย่างเกิดบนไฟลท์บินนั้น หลังจากที่ได้แลก msn กันเรียบร้อย ตำนานรักก็สานตัวเองขึ้นอย่างช้าๆภายใต้แววตาของหมู่มิตรและเครือญาติ
แทบไม่มีใครสนับสนุนรักคู่นี้เลย ทั้งหวาดระแวง และ ถูกมองเชิงลบจากทั้งสองฝั่ง
ฝ่ายชาย สังคมก็มองว่า หญิงสาวคงมาหวังในสินทรัพย์เงินทอง
ฝ่ายหญิง คนรอบข้างก็มองว่าฝ่ายชายมีอะไรไม่ชอบมาพากล
แต่ผลสุดท้าย ด้วยความดื้อ ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตดูใจครองรักกันมาจนงานวิวาห์เล็กๆแบบกันเองในวัยเจ้าบ่าวเข้าหาหลัก ึ
ชีวิตสมรสของคู่นี้ ใช้เวลาไปกับการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว พักผ่อน ไปต่างประเทศ ในขณะที่ฝ่ายหญิง ทำงานของตัวเองอย่างอิสระ และเป็นที่ภาคภูมิใจของสามี จนมวลมิตรทั้งสองฝ่าย เริ่มเห็นเป็นเรือ่งปกติไปแล้ว
และ ในที่สุดเวลาก็ทำหน้าที่ของมัน หากเวลาทำหน้าที่ให้ได้พบกัน เวลาก็ทำหน้าที่ให้ต้องบอกลา
แม้จะดูแลตัวเองให้ดูหนุ่มยังไงก็ตาม สังขารภายในคือสิ่งที่หลอกตัวเองไม่ได้ อาการป่วยเริ่มรุมเร้า จนในที่สุด ก็ถึงจุดที่ใกล้บอกลา โดยมีหญิงคนหนึ่งที่เคียงข้างกันมาตลอดช่วงบั้นปลายนี้ อยู่เคียงข้าง
คำสั่งเสียของ"พี่" ที่ส่งถึงน้องๆที่ไปเยี่ยมในช่วงใกล้ถึงวาระสุดท้าย
"ฝากดูให้เค้ามีชีวิตต่อ ให้พบคนใหม่ที่ดูแลเค้าไปจนวันสุดท้าย แบบที่พี่ได้เจอเค้า พี่จอคอยมองเห็นเค้ายิ้มอย่างมีความสุขกับคนที่รักและดีกับเค้าได้ยิ่งกว่าเวลาที่เราเคยมี"
และแล้ววันที่บอกลาอย่างสุดอาลัยก็มาถึง นับจากควันที่ลอยตามลมจากยอดปล่อง สู่ ฝ่ามือที่ค่อยโปรยเถ้าให้ลอยตามน้ำไหลไป
"เราได้พบกันช้าเกินไป จนมีเวลาแค่นี้ หากภพหน้ามีจริง ขอให้เราได้พบกันเร็วกว่านี้และมีเวลามากกว่านี้ที่จะได้อยู่ด้วยกัน"
หลายคนอาจเรียกเรือ่งราวนี้ว่า พหรลิขิต แต่สำหรับผม นี่คือ "ทางเลือก" ของชีวิตที่พวกเขาเลือกเอง แม้ว่าสังคมจะต่อต้าน ผิด แปลก ขนาดไหน แต่ พวกเขาเลือก และ ไปบนเส้นทางนี้ที่ต้องการ
เพราะมนุษย์ทุกคน ก็มีโอกาสเลือกหนังสือที่เราจะอ่านให้จบ
ไม่ใช่หยิบหนังสือ ที่สังคมอยากให้เราอ่านจนจบ เพราะ เล่มนั้น ดี ในสายตาคนรอบข้าง
จริงไหม