JJNY : กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย│สว.ฟิลิปปินส์จี้ประสานรบ.ไทย│เกษตรกรโอดต้องกู้เงินปลูกข้าวโพดใหม่│ฮิซบอลเลาะห์ขยายสงคราม

กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย ปม “ทักษิณ” ชี้นำ พ่วง 6 พรรคร่วมเดิม
https://tna.mcot.net/politics-1435477

 
กกต. 18 ต.ค.- กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย “ทักษิณ” ชี้นำ ครอบงำ พ่วง 6 พรรคร่วมเดิม หลังนายทะเบียนเห็นมีมูล จึงให้ตั้งคณะกรรมการสอบ 30 วัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้พิจารณา 6 คำร้อง ที่มีผู้ร้องขอให้ กกต. พิจารณาสั่งยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค กระทำการครอบงำ ชี้นำ และ 6 พรรคการเมืองยินยอมให้นายทักษิณ ครอบงำ ชี้นำ โดยเห็นว่าคำร้องมีมูล และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบสวนและมีความเห็นเสนอ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่สามารถขอขยายได้อีกครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ
 
กรณีดังกล่าวมีผู้ร้องที่ถูกระบุ ว่าเป็นบุคคลนิรนาม น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบชาว 2006 เป็นผู้ยื่นคำร้อง อ้างถึงพฤติการณ์ของนายทักษิณทั้งการที่แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไปร่วมประชุมกับนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง
 
การให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณหลายครั้งเกี่ยวกับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล การชี้นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกพรรคร่วมรัฐบาล การนำวิสัยทัศน์ที่นายทักษิณได้แสดงไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.มาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล โดยผู้ร้องเห็นว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และการที่พรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุมครอบงำชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็เข้าข่ายขัดมาตรา 28 ซึ่งหากการสอบสวนพบว่าเป็นความผิดก็จะเป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอต่อ กกต.ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ของกฎหมายเดียวกันได้ .314.-สำนักข่าวไทย


 
สว.ฟิลิปปินส์เผยตอนนี้ติดต่อ ‘เสอ จื้อเจียง’ไม่ได้แล้ว จี้ประสาน รบ.ไทยขอสอบปากคำโดยเร็ว
https://www.isranews.org/article/isranews-news/132661-isranews-SheJiangg.html
 
สว.ฟิลิปปินส์เผยตอนนี้ติดต่อ ‘เสอ จื้อเจียง’ ไม่ได้แล้ว อ้างแหล่งข่าว เจ้าตัวถูกย้ายไปเรือนจำอื่น จี้ รบ.ฟิลิปปินส์ประสาน รบ.ไทยทำเรื่องให้ จนท.ฟิลิปปินส์สอบปากคำ ‘เสอ จื้อเจียง’ ก่อนเสียโอกาสทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ‘อลิซ กั๋ว’-สายลับจีนบั่นทอนความมั่นคง
 
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่นายเสอ จี้อเจียง ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันชาวจีน ซึ่งถูกคุมขังที่ประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีราว่านางอลิซ กั๋ว (Alice Guo) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัมบัน จังหวัดตาร์ลัค ประเทศฟิลิปปินส์เป็นสายลับจากประเทศจีน
 
โดยสำนักข่าวในประเทศฟิลิปปินส์ได้รายงานข่าวอ้างคำสัมภาษณ์ของนางริซ่า ฮอนติเวรอส สว.ฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า สายลับจีนที่อ้างว่านายกเทศมนตรีที่ถูกปลดออกนั้นถูกย้ายไปยังเรือนจำอื่นแล้ว และขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้
 
นางฮอนติเวรอสกล่าวเน้นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลฟิลิปปินจะต้องพูดคุยกับนายเสอที่ถูกคุมขังในประเทศไทย 
 
ดูเหมือนว่าเราต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อพูดคุยกับสายลับจีนที่ต้องสงสัย คือต้องคุยกับนายเสอเพื่อเปิดเผยแผนของนางกั๋ว หัว ปิง (อลิซ กั๋ว) และผู้สมรู้ร่วมคิดของเธอ” นางฮอนติเวรอสกล่าวในแถลงการณ์
 
สว.ฟิลิปปินส์กล่าวต่อไปว่าเราได้รับทราบจากแหล่งข่าวที่เป็นสื่อว่านายเสอที่ถูกตั้งข้อหาว่าทำบ่อนคาสิโนโดยผิดกฎหมาย ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว และถูกย้ายไปยังที่คุมขังแห่งใหม่
 
อย่างไรก็ตาม นางฮอนติเวรอสไม่ได้ให้ข้อมูลว่านายเสอถูกย้ายไปที่ไหน
 
หากรัฐบาลไม่ดําเนินการทันที เราจะเสียโอกาสในการศึกษาข้อมูลที่นายเสอมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนางกั๋ว หัว ปิง และบุคคลอื่นๆที่โยงไปถึง กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ หรือหน่วยข่าวกรองและตํารวจลับของจีน” นางฮอนติเวรอสกล่าว
 
ข้าพเจ้าขอให้กระทรวงการต่างประเทศยึดมั่นในคํามั่นสัญญาที่ให้ไว้ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภาครั้งล่าสุดว่ากําลังใช้ช่องทางการทูตและกฎหมายทั้งหมดอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้รับอนุญาตจากทางการไทยเพื่อสื่อสารกับนายเสอ” สว.ฟิลิปปินส์กล่าวย้ำ
 
ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการกิจการสตรีวุฒิสภาฟิลิปปินส์ ซึ่งนำโดยนางฮอนติเวรอส จะยุติการพิจารณาคดีการพนันนอกชายฝั่งของ
ฟิลิปปินส์ (POGOs) และคดีของนางกั๋วในเร็วๆนี้ ส่วนข้อกล่าวหาของนายเสอจะมีการหารือในการพจารณาคดีอีกครั้งที่กำลังจะมาถึง
 
 “เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับความมั่นคงแห่งชาติของเราจากข้อกล่าวอ้างของนายเสอ ดังนั้นความล้มเหลวจึงไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับได้ เราต้องปกป้องพลเมืองของเราทั้งจากอาชญากรต่อสตรี เด็ก และกลุ่มเปราะบางอื่นๆ และต้องปกป้องประเทศเราจากสายลับต่างชาติที่ทำงานเพื่อบั่นทอนความปลอดภัย” นางฮอนติเวรอสกล่าวทิ้งท้าย
 
เรียบเรียงจาก:https://news.abs-cbn.com/news/2024/10/17/chinese-self-confessed-spy-now-unreachable-hontiveros-1613



น้ำลดหนี้ผุด เกษตรกร โอดต้องกู้เงิน ปลูกข้าวโพดใหม่ หลังถูกเจ้าพระยาท่วม จนขาดทุนยับ
https://www.matichon.co.th/region/news_4852686

น้ำลดหนี้ผุด เกษตรกร โอดต้องกู้เงิน ปลูกข้าวโพดใหม่ หลังถูกเจ้าพระยาท่วม จนขาดทุนยับ

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ก่อนหน้านี้ถูกน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมสูง1ม. อยู่นานกว่า 20 วัน ทำให้ต้นข้าวโพดที่ชาวบ้านปลูกไว้ เพื่อเก็บฝักขายต้องเน่าตายไปจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องขาดทุนเงินทั้งหมดหายไปกับน้ำในพริบตา แต่ในวันนี้หลังน้ำในแม่น้ำลดระดับลงไปจนต่ำกว่าพื้นที่แปลงเกษตร ชาวบ้านบางส่วนได้ตัดสินใจกลับเข้ามาลงมือพลิกฟื้นผืนดินเพื่อเตรียมเพาะปลูกรอบใหม่อีกครั้ง

นายธวัช แป้นพัด อายุ 75 ปี เกษตรกรในพื้นที่ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตนเองลงทุนปลูกข้าวโพดทั้งหมด 2 ไร่ ใช้ทุนไปประมาณ 8,000 บาท ซึ่งปกติข้าวโพดจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน ก็จะเก็บผลผลิตขายได้ แต่โชคร้ายที่แปลงข้าวโพดของตนถูกน้ำท่วม ช่วงที่ข้าวโพดมีอายุได้ 20 วัน เสียหายหมดทั้ง 2 ไร่ ทำให้เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดหายวับไปกับน้ำทันที
 
นายธวัชกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกท้อแท้ และเสียใจ แต่ก็ต้องรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป เพราะเข้าใจดีว่าเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ จึงตัดสินใจลงมือเพาะปลูกข้าวโพดรอบใหม่ ด้วยการกู้ยืมเงินนายทุนมาใช้ซื้อเมล็ดพันธุ์และจ้างรถไถ จำนวนหลักหมื่นบาท ด้วยความหวังว่าในรอบนี้จะไม่มีอุปสรรคหรือความโชคร้ายมาทำให้ต้องมีเหตุให้แปลงข้าวโพดเสียหายจนต้องขาดทุนซ้ำรอยเดิมอีก

ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมาย อีก3เดือนแปลงข้าวโพดแห่งนี้จะได้เก็บเกี่ยว ถึงวันนั้นคุณลุงธวัชหวังไว้ว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 3 ตัน และน่าจะขายได้ ก.ก.ละ 8 บาท ซึ่งจะได้เงินจากการขายประมาณ 24,000 บาท ซึ่งหักลบต้นทุนแล้วน่าจะเหลือกำไรประมาณ 16,000 บาท ซึ่งจะเหลือพอใช้หนี้และเหลือบางส่วนเก็บไว้เป็นทุนในการปลูกข้าวโพดรอบหน้าได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่