กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย ปม “ทักษิณ” ชี้นำ พ่วง 6 พรรคร่วมเดิม
https://tna.mcot.net/politics-1435477
กกต. 18 ต.ค.- กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย “ทักษิณ” ชี้นำ ครอบงำ พ่วง 6 พรรคร่วมเดิม หลังนายทะเบียนเห็นมีมูล จึงให้ตั้งคณะกรรมการสอบ 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นาย
แสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้พิจารณา 6 คำร้อง ที่มีผู้ร้องขอให้ กกต. พิจารณาสั่งยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค กระทำการครอบงำ ชี้นำ และ 6 พรรคการเมืองยินยอมให้นาย
ทักษิณ ครอบงำ ชี้นำ โดยเห็นว่าคำร้องมีมูล และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบสวนและมีความเห็นเสนอ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่สามารถขอขยายได้อีกครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ
กรณีดังกล่าวมีผู้ร้องที่ถูกระบุ ว่าเป็นบุคคลนิรนาม น.พ.
วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นาย
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นาย
นพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบชาว 2006 เป็นผู้ยื่นคำร้อง อ้างถึงพฤติการณ์ของนาย
ทักษิณทั้งการที่แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไปร่วมประชุมกับนาย
ทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนาย
เศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง
การให้สัมภาษณ์ของนาย
ทักษิณหลายครั้งเกี่ยวกับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล การชี้นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกพรรคร่วมรัฐบาล การนำวิสัยทัศน์ที่นาย
ทักษิณได้แสดงไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.มาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล โดยผู้ร้องเห็นว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และการที่พรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุมครอบงำชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็เข้าข่ายขัดมาตรา 28 ซึ่งหากการสอบสวนพบว่าเป็นความผิดก็จะเป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอต่อ กกต.ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ของกฎหมายเดียวกันได้ .314.-สำนักข่าวไทย
สว.ฟิลิปปินส์เผยตอนนี้ติดต่อ ‘เสอ จื้อเจียง’ไม่ได้แล้ว จี้ประสาน รบ.ไทยขอสอบปากคำโดยเร็ว
https://www.isranews.org/article/isranews-news/132661-isranews-SheJiangg.html
สว.ฟิลิปปินส์เผยตอนนี้ติดต่อ ‘เสอ จื้อเจียง’ ไม่ได้แล้ว อ้างแหล่งข่าว เจ้าตัวถูกย้ายไปเรือนจำอื่น จี้ รบ.ฟิลิปปินส์ประสาน รบ.ไทยทำเรื่องให้ จนท.ฟิลิปปินส์สอบปากคำ ‘เสอ จื้อเจียง’ ก่อนเสียโอกาสทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ‘อลิซ กั๋ว’-สายลับจีนบั่นทอนความมั่นคง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่นาย
เสอ จี้อเจียง ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันชาวจีน ซึ่งถูกคุมขังที่ประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีราว่านาง
อลิซ กั๋ว (Alice Guo) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัมบัน จังหวัดตาร์ลัค ประเทศฟิลิปปินส์เป็นสายลับจากประเทศจีน
โดยสำนักข่าวในประเทศฟิลิปปินส์ได้รายงานข่าวอ้างคำสัมภาษณ์ของนาง
ริซ่า ฮอนติเวรอส สว.ฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า สายลับจีนที่อ้างว่านายกเทศมนตรีที่ถูกปลดออกนั้นถูกย้ายไปยังเรือนจำอื่นแล้ว และขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้
นาง
ฮอนติเวรอสกล่าวเน้นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลฟิลิปปินจะต้องพูดคุยกับนายเสอที่ถูกคุมขังในประเทศไทย
“
ดูเหมือนว่าเราต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อพูดคุยกับสายลับจีนที่ต้องสงสัย คือต้องคุยกับนายเสอเพื่อเปิดเผยแผนของนางกั๋ว หัว ปิง (อลิซ กั๋ว) และผู้สมรู้ร่วมคิดของเธอ” นางฮอนติเวรอสกล่าวในแถลงการณ์
สว.ฟิลิปปินส์กล่าวต่อไปว่าเราได้รับทราบจากแหล่งข่าวที่เป็นสื่อว่านาย
เสอที่ถูกตั้งข้อหาว่าทำบ่อนคาสิโนโดยผิดกฎหมาย ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว และถูกย้ายไปยังที่คุมขังแห่งใหม่
อย่างไรก็ตาม นาง
ฮอนติเวรอสไม่ได้ให้ข้อมูลว่านายเสอถูกย้ายไปที่ไหน
“
หากรัฐบาลไม่ดําเนินการทันที เราจะเสียโอกาสในการศึกษาข้อมูลที่นายเสอมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนางกั๋ว หัว ปิง และบุคคลอื่นๆที่โยงไปถึง กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ หรือหน่วยข่าวกรองและตํารวจลับของจีน” นางฮอนติเวรอสกล่าว
“
ข้าพเจ้าขอให้กระทรวงการต่างประเทศยึดมั่นในคํามั่นสัญญาที่ให้ไว้ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภาครั้งล่าสุดว่ากําลังใช้ช่องทางการทูตและกฎหมายทั้งหมดอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้รับอนุญาตจากทางการไทยเพื่อสื่อสารกับนายเสอ” สว.ฟิลิปปินส์กล่าวย้ำ
ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการกิจการสตรีวุฒิสภาฟิลิปปินส์ ซึ่งนำโดยนาง
ฮอนติเวรอส จะยุติการพิจารณาคดีการพนันนอกชายฝั่งของ
ฟิลิปปินส์ (POGOs) และคดีของนางกั๋วในเร็วๆนี้ ส่วนข้อกล่าวหาของนายเสอจะมีการหารือในการพจารณาคดีอีกครั้งที่กำลังจะมาถึง
“
เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับความมั่นคงแห่งชาติของเราจากข้อกล่าวอ้างของนายเสอ ดังนั้นความล้มเหลวจึงไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับได้ เราต้องปกป้องพลเมืองของเราทั้งจากอาชญากรต่อสตรี เด็ก และกลุ่มเปราะบางอื่นๆ และต้องปกป้องประเทศเราจากสายลับต่างชาติที่ทำงานเพื่อบั่นทอนความปลอดภัย” นาง
ฮอนติเวรอสกล่าวทิ้งท้าย
เรียบเรียงจาก:
https://news.abs-cbn.com/news/2024/10/17/chinese-self-confessed-spy-now-unreachable-hontiveros-1613
น้ำลดหนี้ผุด เกษตรกร โอดต้องกู้เงิน ปลูกข้าวโพดใหม่ หลังถูกเจ้าพระยาท่วม จนขาดทุนยับ
https://www.matichon.co.th/region/news_4852686
น้ำลดหนี้ผุด เกษตรกร โอดต้องกู้เงิน ปลูกข้าวโพดใหม่ หลังถูกเจ้าพระยาท่วม จนขาดทุนยับ
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ก่อนหน้านี้ถูกน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมสูง1ม. อยู่นานกว่า 20 วัน ทำให้ต้นข้าวโพดที่ชาวบ้านปลูกไว้ เพื่อเก็บฝักขายต้องเน่าตายไปจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องขาดทุนเงินทั้งหมดหายไปกับน้ำในพริบตา แต่ในวันนี้หลังน้ำในแม่น้ำลดระดับลงไปจนต่ำกว่าพื้นที่แปลงเกษตร ชาวบ้านบางส่วนได้ตัดสินใจกลับเข้ามาลงมือพลิกฟื้นผืนดินเพื่อเตรียมเพาะปลูกรอบใหม่อีกครั้ง
นาย
ธวัช แป้นพัด อายุ 75 ปี เกษตรกรในพื้นที่ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตนเองลงทุนปลูกข้าวโพดทั้งหมด 2 ไร่ ใช้ทุนไปประมาณ 8,000 บาท ซึ่งปกติข้าวโพดจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน ก็จะเก็บผลผลิตขายได้ แต่โชคร้ายที่แปลงข้าวโพดของตนถูกน้ำท่วม ช่วงที่ข้าวโพดมีอายุได้ 20 วัน เสียหายหมดทั้ง 2 ไร่ ทำให้เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดหายวับไปกับน้ำทันที
นาย
ธวัชกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกท้อแท้ และเสียใจ แต่ก็ต้องรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป เพราะเข้าใจดีว่าเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ จึงตัดสินใจลงมือเพาะปลูกข้าวโพดรอบใหม่ ด้วยการกู้ยืมเงินนายทุนมาใช้ซื้อเมล็ดพันธุ์และจ้างรถไถ จำนวนหลักหมื่นบาท ด้วยความหวังว่าในรอบนี้จะไม่มีอุปสรรคหรือความโชคร้ายมาทำให้ต้องมีเหตุให้แปลงข้าวโพดเสียหายจนต้องขาดทุนซ้ำรอยเดิมอีก
ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมาย อีก3เดือนแปลงข้าวโพดแห่งนี้จะได้เก็บเกี่ยว ถึงวันนั้นคุณลุง
ธวัชหวังไว้ว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 3 ตัน และน่าจะขายได้ ก.ก.ละ 8 บาท ซึ่งจะได้เงินจากการขายประมาณ 24,000 บาท ซึ่งหักลบต้นทุนแล้วน่าจะเหลือกำไรประมาณ 16,000 บาท ซึ่งจะเหลือพอใช้หนี้และเหลือบางส่วนเก็บไว้เป็นทุนในการปลูกข้าวโพดรอบหน้าได้
JJNY : กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย│สว.ฟิลิปปินส์จี้ประสานรบ.ไทย│เกษตรกรโอดต้องกู้เงินปลูกข้าวโพดใหม่│ฮิซบอลเลาะห์ขยายสงคราม
https://tna.mcot.net/politics-1435477
กกต. 18 ต.ค.- กกต.สั่งสอบยุบเพื่อไทย “ทักษิณ” ชี้นำ ครอบงำ พ่วง 6 พรรคร่วมเดิม หลังนายทะเบียนเห็นมีมูล จึงให้ตั้งคณะกรรมการสอบ 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้พิจารณา 6 คำร้อง ที่มีผู้ร้องขอให้ กกต. พิจารณาสั่งยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค กระทำการครอบงำ ชี้นำ และ 6 พรรคการเมืองยินยอมให้นายทักษิณ ครอบงำ ชี้นำ โดยเห็นว่าคำร้องมีมูล และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบสวนและมีความเห็นเสนอ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่สามารถขอขยายได้อีกครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ
กรณีดังกล่าวมีผู้ร้องที่ถูกระบุ ว่าเป็นบุคคลนิรนาม น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบชาว 2006 เป็นผู้ยื่นคำร้อง อ้างถึงพฤติการณ์ของนายทักษิณทั้งการที่แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไปร่วมประชุมกับนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง
การให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณหลายครั้งเกี่ยวกับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล การชี้นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกพรรคร่วมรัฐบาล การนำวิสัยทัศน์ที่นายทักษิณได้แสดงไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.มาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล โดยผู้ร้องเห็นว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และการที่พรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุมครอบงำชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็เข้าข่ายขัดมาตรา 28 ซึ่งหากการสอบสวนพบว่าเป็นความผิดก็จะเป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอต่อ กกต.ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ของกฎหมายเดียวกันได้ .314.-สำนักข่าวไทย
สว.ฟิลิปปินส์เผยตอนนี้ติดต่อ ‘เสอ จื้อเจียง’ไม่ได้แล้ว จี้ประสาน รบ.ไทยขอสอบปากคำโดยเร็ว
https://www.isranews.org/article/isranews-news/132661-isranews-SheJiangg.html
สว.ฟิลิปปินส์เผยตอนนี้ติดต่อ ‘เสอ จื้อเจียง’ ไม่ได้แล้ว อ้างแหล่งข่าว เจ้าตัวถูกย้ายไปเรือนจำอื่น จี้ รบ.ฟิลิปปินส์ประสาน รบ.ไทยทำเรื่องให้ จนท.ฟิลิปปินส์สอบปากคำ ‘เสอ จื้อเจียง’ ก่อนเสียโอกาสทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ‘อลิซ กั๋ว’-สายลับจีนบั่นทอนความมั่นคง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่นายเสอ จี้อเจียง ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันชาวจีน ซึ่งถูกคุมขังที่ประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีราว่านางอลิซ กั๋ว (Alice Guo) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัมบัน จังหวัดตาร์ลัค ประเทศฟิลิปปินส์เป็นสายลับจากประเทศจีน
โดยสำนักข่าวในประเทศฟิลิปปินส์ได้รายงานข่าวอ้างคำสัมภาษณ์ของนางริซ่า ฮอนติเวรอส สว.ฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า สายลับจีนที่อ้างว่านายกเทศมนตรีที่ถูกปลดออกนั้นถูกย้ายไปยังเรือนจำอื่นแล้ว และขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้
นางฮอนติเวรอสกล่าวเน้นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลฟิลิปปินจะต้องพูดคุยกับนายเสอที่ถูกคุมขังในประเทศไทย
“ดูเหมือนว่าเราต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อพูดคุยกับสายลับจีนที่ต้องสงสัย คือต้องคุยกับนายเสอเพื่อเปิดเผยแผนของนางกั๋ว หัว ปิง (อลิซ กั๋ว) และผู้สมรู้ร่วมคิดของเธอ” นางฮอนติเวรอสกล่าวในแถลงการณ์
สว.ฟิลิปปินส์กล่าวต่อไปว่าเราได้รับทราบจากแหล่งข่าวที่เป็นสื่อว่านายเสอที่ถูกตั้งข้อหาว่าทำบ่อนคาสิโนโดยผิดกฎหมาย ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว และถูกย้ายไปยังที่คุมขังแห่งใหม่
อย่างไรก็ตาม นางฮอนติเวรอสไม่ได้ให้ข้อมูลว่านายเสอถูกย้ายไปที่ไหน
“หากรัฐบาลไม่ดําเนินการทันที เราจะเสียโอกาสในการศึกษาข้อมูลที่นายเสอมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนางกั๋ว หัว ปิง และบุคคลอื่นๆที่โยงไปถึง กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ หรือหน่วยข่าวกรองและตํารวจลับของจีน” นางฮอนติเวรอสกล่าว
“ข้าพเจ้าขอให้กระทรวงการต่างประเทศยึดมั่นในคํามั่นสัญญาที่ให้ไว้ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภาครั้งล่าสุดว่ากําลังใช้ช่องทางการทูตและกฎหมายทั้งหมดอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้รับอนุญาตจากทางการไทยเพื่อสื่อสารกับนายเสอ” สว.ฟิลิปปินส์กล่าวย้ำ
ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการกิจการสตรีวุฒิสภาฟิลิปปินส์ ซึ่งนำโดยนางฮอนติเวรอส จะยุติการพิจารณาคดีการพนันนอกชายฝั่งของ
ฟิลิปปินส์ (POGOs) และคดีของนางกั๋วในเร็วๆนี้ ส่วนข้อกล่าวหาของนายเสอจะมีการหารือในการพจารณาคดีอีกครั้งที่กำลังจะมาถึง
“เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับความมั่นคงแห่งชาติของเราจากข้อกล่าวอ้างของนายเสอ ดังนั้นความล้มเหลวจึงไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับได้ เราต้องปกป้องพลเมืองของเราทั้งจากอาชญากรต่อสตรี เด็ก และกลุ่มเปราะบางอื่นๆ และต้องปกป้องประเทศเราจากสายลับต่างชาติที่ทำงานเพื่อบั่นทอนความปลอดภัย” นางฮอนติเวรอสกล่าวทิ้งท้าย
เรียบเรียงจาก:https://news.abs-cbn.com/news/2024/10/17/chinese-self-confessed-spy-now-unreachable-hontiveros-1613
น้ำลดหนี้ผุด เกษตรกร โอดต้องกู้เงิน ปลูกข้าวโพดใหม่ หลังถูกเจ้าพระยาท่วม จนขาดทุนยับ
https://www.matichon.co.th/region/news_4852686
น้ำลดหนี้ผุด เกษตรกร โอดต้องกู้เงิน ปลูกข้าวโพดใหม่ หลังถูกเจ้าพระยาท่วม จนขาดทุนยับ
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ก่อนหน้านี้ถูกน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมสูง1ม. อยู่นานกว่า 20 วัน ทำให้ต้นข้าวโพดที่ชาวบ้านปลูกไว้ เพื่อเก็บฝักขายต้องเน่าตายไปจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องขาดทุนเงินทั้งหมดหายไปกับน้ำในพริบตา แต่ในวันนี้หลังน้ำในแม่น้ำลดระดับลงไปจนต่ำกว่าพื้นที่แปลงเกษตร ชาวบ้านบางส่วนได้ตัดสินใจกลับเข้ามาลงมือพลิกฟื้นผืนดินเพื่อเตรียมเพาะปลูกรอบใหม่อีกครั้ง
นายธวัช แป้นพัด อายุ 75 ปี เกษตรกรในพื้นที่ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตนเองลงทุนปลูกข้าวโพดทั้งหมด 2 ไร่ ใช้ทุนไปประมาณ 8,000 บาท ซึ่งปกติข้าวโพดจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน ก็จะเก็บผลผลิตขายได้ แต่โชคร้ายที่แปลงข้าวโพดของตนถูกน้ำท่วม ช่วงที่ข้าวโพดมีอายุได้ 20 วัน เสียหายหมดทั้ง 2 ไร่ ทำให้เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดหายวับไปกับน้ำทันที
นายธวัชกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกท้อแท้ และเสียใจ แต่ก็ต้องรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป เพราะเข้าใจดีว่าเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ จึงตัดสินใจลงมือเพาะปลูกข้าวโพดรอบใหม่ ด้วยการกู้ยืมเงินนายทุนมาใช้ซื้อเมล็ดพันธุ์และจ้างรถไถ จำนวนหลักหมื่นบาท ด้วยความหวังว่าในรอบนี้จะไม่มีอุปสรรคหรือความโชคร้ายมาทำให้ต้องมีเหตุให้แปลงข้าวโพดเสียหายจนต้องขาดทุนซ้ำรอยเดิมอีก
ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมาย อีก3เดือนแปลงข้าวโพดแห่งนี้จะได้เก็บเกี่ยว ถึงวันนั้นคุณลุงธวัชหวังไว้ว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 3 ตัน และน่าจะขายได้ ก.ก.ละ 8 บาท ซึ่งจะได้เงินจากการขายประมาณ 24,000 บาท ซึ่งหักลบต้นทุนแล้วน่าจะเหลือกำไรประมาณ 16,000 บาท ซึ่งจะเหลือพอใช้หนี้และเหลือบางส่วนเก็บไว้เป็นทุนในการปลูกข้าวโพดรอบหน้าได้