เงิน 247 ล้าน USDT มูลค่ากว่า 8000 ล้านบาท โอนไปอยู่ในไหนครับ งง

เห็นมีข่าวลือ ว่าก่อนบอสสักคนโดนจับ 1 ชม. คนในวงการคริปโต อยู่ๆเห็นยอดการโอนผิดปกติ 247 ล้าน USDT

 ไม่เคยเล่น crypto แอบสงสัย ว่ามี wallet ที่เก็บสะสมเงิน crypto ได้เหรอครับ แล้วเงินปริมาณมากขนาดนั้น เขาไปแปลงยังไง ธนาคารจะอนุมัติเหรอครับ
การโอนออกที 8000 กว่าล้านบาท

  แบบนี้เงิน crypto ก็ดูปลอดภัยดีมากกว่าธนาคารเลยนะนั่น  อารมณ์แค่จำ password ได้ ก็ปลอดภัยแล้ว
 
  แล้วเวลาโอนกลับมาเป็นเงินไทย มีบริษัททางการเงินไหน ยอมรับแปลงเงิน ให้ถอนเป็นแบงค์เหรอครับ

 
   หรือจริงๆ ตอนนี้ซื้อเป็นเหรียญอะไรสักอย่างแล้ว แปลว่าถ้ามียอดซื้อ 8000 ล้านบาท ราคาเหรียญต้องพุ่งขึ้นน่าดู ... ถ้าดู timeline ช่วงที่น่าจะซื้อเหรียญได้ก่อนโดนจับ แปลว่าก็น่าจะรู้ว่าเหรียญอะไร หรือเปล่าครับ

   ถ้าเราจะแกล้งขบวนการนี้ เราแค่ช่วยกันแพร่ข่าวว่า เดี๋ยวพอปล่อยตัว เขาก็ต้องขายเหรียญเอาเป็นเงินบาทกลับมา ราคาเหรียญต้องตกหนักแน่ ปล่อยข่าวไปทั่วโลก ให้คนมีเหรียญนั้นแห่เทขายกันก่อน ก็อาจทำให้เงินหายวับได้เลย แบบนี้จะทำได้ไหมครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
จะพยายามอธิบายในภาษาที่คนไม่เข้าใจเรื่อง blockchain พอเข้าใจได้นะครับ

สิ่งที่เก็บอยู่ใน crypto wallet แท้จริงแล้วคือ กุญแจ(Key) เพื่อไขตู้เก็บเหรียญ(Crypto Address)
ตัวเหรียญจริงๆ มันอยู่ในระบบบัญชีที่เก็บข้อมูลเหรียญ(เครือข่าย blockchain)

โดยใครๆ ก็สามารถตรวจสอบได้ว่าตอนนี้ ตู้เก็บเหรียญ(address) ไหน มีเหรียญอยู่เท่าใด
แต่จะมีเพียงเจ้าของกุญแจ เท่านั้นที่สามารถ เปิดตู้ของตนเองเพื่อนำเหรียญออกไปได้
โดยการนำเหรียญออกไป ก็คือการย้ายจาก address หนึ่ง ไปอยู่อีก address หนึ่ง แค่นั้น

การโยกย้ายที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครโอนไปให้ใคร เรารู้แค่ address ไหน โอนไป address ไหน
เว้นเสียแต่ว่า address นั้นๆ มีการทำ KYC หรือ มีผู้ให้บริการ Exchange เป็นเจ้าของ address นั้น
เราจึงสามารถทราบได้ว่าใครโอนให้ใคร

การเปลี่ยน USDT เป็นบาทจึงทำได้ทั้ง ผ่าน exchange หรือ โอนกันเองแบบ ยื่นหมูยื่นแมว(P2P) กันเองก็ได้
โดยการแลกกันแบบแรก จะมีผลต่อราคา เพราะต้องนำ USDT ที่นำเข้า Exchange ไปแล้วมาขายใส่ตลาดก่อน
ราคาก็จะผันผวนชั่วครู่ เพราะสุดท้ายแล้ว กลไกตลาดจะทำให้ราคากลับไปเท่าราคาที่ USDT ถูกตรึงเอาไว้ในที่สุด
แต่เมื่อคุณทำการขาย USDT ในลักษณะนี้ Exchange ก็จะรู้ทันทีว่าใครเป็นคนทำธุรกรรม
เพราะทุก Exchange ต่างก็มีการให้ทำการ KYC ก่อนจึงจะทำธุรกรรมได้ทั้งนั้น

ส่วนกรณีหลังที่เป็นลักษณะยื่นหมู ยื่นแมว เราต้องสืบตาม address ต่อไปว่ามีการโยกออกไป
ยัง address ที่เราพอจะคาดเดาเจ้าของตัวจริงได้หรือไม่ จึงจะสามารถรู้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ USDT ก้อนนั้น
โดยการแลกเปลี่ยนลักษณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อราคาตลาด เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนนอกตลาด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่