ความปรารถนาลึกๆในใจของเพศชาย EP.2

ต่อจาก EP ที่แล้วที่ผมเขียนจากการค้นหาการวิจัยต่างๆกับข้อเกี่ยวกับแรงปรารถนาลึกๆในใจของเพศชาย(ในสัตว์หรืออาจจะรวมในมนุษย์ก็ตาม) อันที่จริงความต้องการเบื้องลึกในใจของผู้ชายอาจจะซับซ้อนมากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ แต่สังคมชายเป็นใหญ่ไม่ได้กดขี่แค่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังกดความเป็นชายโดยธรรมชาติของเราด้วย

ถ้าดูจากบ้านเมืองการเปิดกว้างในอเมริกันเราจะพบว่า ผู้ชายจะเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเองมากขึ้น มากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ แม้แต่ที่ไทยคนดังๆก็ออกมาเปิดเผยว่า ตนเป็นเกย์เป็นไบมากขึ้น อยากบอกทุกคนว่าเราควรเคารพสิทธิของคนอื่นนะครับ🫶🏻


เข้าเรื่องต่อ...

Christopher Ryan and Cacilda Jethá (Sex at Dawn, 2010)
Ryan กล่าวว่า การที่ผู้ชายขาดความยืดหยุ่นทางเพศ จากการกดดันทางสังคม ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีความต้องการทางเพศที่ผิดธรรมชาติ (paraphilia) มากขึ้นและมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพัฒนามาในวัยรุ่น เหตุผลก็คือทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงเป็นโรคชอบเด็ก แต่ผู้หญิงสามารถปรับความต้องการของตัวเองให้เข้ากับบรรทัดฐาน/แรงกดดันทางสังคมได้ แต่ผู้ชายทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะสังคมกดดันให้ผู้ชายเป็นชายแท้ตลอด
ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนหลักที่เกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศทั้งในผู้ชายและผู้หญิง และมีมากเป็นพิเศษในผู้ชายช่วงวัยรุ่นตอนต้นจนถึงวัยยี่สิบกลางๆ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายที่มีปัญหาและถึงขั้นฆ่าตัวตาeอีกด้วย การมีแรงขับทางเพศที่น้อยลงอาจเป็นทางออกที่ดีกว่า

มันเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้ชายต้องการความหลากหลายทางเพศและการเปลี่ยนแปลง การทำสิ่งเดียวกันนี้กับคู่รักใหม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและแปลกใหม่ขึ้นมาทันใด

"ดูเหมือนว่าการแต่งงาน ความซื่อสัตย์ยึดในผัวเดียวเมียเดียว จะทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของผู้ชายลดลง”

การอยู่ร่วมกันนานพอและมีเซ็กส์กับผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้ผู้ชายมองว่าเธอเป็นเหมือนพี่น้องและปิดกั้นความต้องการทางเพศ/ความดึงดูดใจ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของการแต่งงานที่ไม่มีความสุข
ซึ่งผู้ชายหลายคนเข้าใจผิดว่าความรู้สึกนี้คือ ความรักแท้ที่พวกเขามีให้กับภรรยาของเขา


การมีคนรักใหม่ถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนให้กับผู้ชายได้อย่างแน่นอน ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ต่ำจะทำให้ขาดพลังงาน ความหลงใหล และความมีชีวิตชีวา ดังนั้นการเพิ่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนขึ้นมาอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ดี  ทางชีววิทยาเรียกผลปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Coolidge ซึ่งมีในสัตว์เพศผู้สูงกว่าเพศเมียทุกสายพันธุ์ และหลั่งสารตัวนี้เร็วกว่าในตัวผู้มากกว่าตัวเมียอีกด้วย เป็นปรากฏการณ์ที่ตัวผู้มีอะไรกับตัวเมียตัวหนึ่งเสร็จแล้วเบื่อไม่สนใจตัวเมียไปเลย (ไม่เหมือนตอนแรกที่มันพยายามจะผสมพันธุ์กับตัวเมียให้ได้) แต่พอเจอตัวเมียตัวใหม่เข้ามา มันกลับมีแรงฮึกเหิมเข้าไปเกี้ยวพาราสีตัวเมียตัวใหม่ต่อละเอาเสร็จไปเรื่อยๆกับตัวเมียตัวใหม่อื่นๆเป็น สิบๆตัว (การทดลองในหนู) นั่นอาจจะหมายความนัยๆคือ ผู้ชายเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่าง่ายกว่าผู้หญิงนั่นเอง

Dr. Joe Kort รายงานใน PESI (2013)
การสันนิษฐานว่าผู้หญิงมีอารมณ์ทางเพศที่ไม่แน่นอนมากกว่าผู้ชายเป็นเรื่องเท็จ ในช่วง 30 ปีที่ฉันประกอบอาชีพเป็นนักบำบัดทางเพศ ฉันได้พบและบำบัดกับผู้ชายหลายคนที่มีอารมณ์ทางเพศที่ไม่แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันก็คือ ผู้ชายเหล่านี้ถูกค้นพบและ “เปิดเผย” โดยคู่ครองหญิงของพวกเขาที่ค้นหาประวัติการท่องเว็บของพวกเขา และนั่นทำให้พวกเขารู้สึกทุกข์ใจ
คู่รักชายหญิงมักจะมาหาฉันด้วยความกังวล เพราะผู้ชายในคู่นี้เคยดูหนังผู้ใหญ่แนวเกย์หรือมีจินตนาการแบบไบเซ็กชวล และอาจเป็นเกย์หรือไบเซ็กชวลก็ได้ และ "สิ่งนี้มีความหมายต่ออนาคตของเราอย่างไร" ในสถานการณ์เหล่านี้ ฉันพบว่าการสำรวจปรากฏการณ์ "ความลื่นไหลทางเพศของผู้ชาย" และแนวโน้มที่มันจะแสดงออกมาแตกต่างไปจากความลื่นไหลทางเพศของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ความลื่นไหลทางเพศของผู้ชาย (Lisa Diamond, 2013)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่ารสนิยมทางเพศของผู้ชายนั้นไม่แน่นอนมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะมาก Lisa ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและการศึกษาด้านเพศที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ ได้นำเสนอข้อมูลจำนวนมากที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับประเด็นนี้ในการบรรยายที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เมื่อปี 2013

Ritch Savin-Williams (2013) กำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับผู้ชายที่ "ส่วนใหญ่เป็นชายแท้" ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ โดยศึกษาผู้ชายที่อยู่ในอันดับ 1 บนมาตรา Kinsey
ตามวัฒนธรรม ผู้ชายถูกผลักดันให้แสดงออกถึงความอ่อนโยนในรูปแบบที่จำกัด ตรงกันข้าม ผู้หญิงสามารถสัมผัส จับมือ จูบทักทาย หรือแม้แต่กอดกันโดยไม่โดนกลั่นแกล้งหรือถูกล้อเลียน ผู้หญิงจึงถูกตีความผิดว่าเป็นเลสเบี้ยนหรือไบเซ็กชวลมากกว่าผู้ชาย
ผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายแท้ แม้จะมีแนวโน้มที่จะรายงานว่ามีความดึงดูดใจเพศเดียวกันน้อยกว่าผู้หญิงแท้ถึงครึ่งหนึ่งก็ตาม แต่ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีอะไรกับคู่รักเพศเดียวกันมากกว่าคู่หญิงถึง 4 เท่า

เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องตลกของ Billy Crystal ที่ว่า “ผู้หญิงต้องการเหตุผลในการมีเซ็กส์ ผู้ชายแค่ต้องการสถานที่!”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอิทธิพลทางวัฒนธรรมมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ผู้ชายปกปิดความต้องการรสนิยมของพวกเขาไว้อย่างลับๆ เช่น
ผู้ชายชอบทำตัวแบบ bromance กับเพื่อนของเขา
ผู้ชายชื่นชมคนดังหรือบุคคลในวงการกีฬาชายอย่างมากแสดงว่าเขาหลงใหลผู้ชาย
เขาชอบผู้ชายเฉพาะตอนที่เขาเสพยา แสดงว่าเขาหลงใหลในเพศเดียวกัน(ดูกระทู้ Reddit เรื่อง "กัญชาทำให้ฉันเป็นเกย์ชั่วคราว ใครเป็นบ้าง?") เหตุผลพวกนี้ถูกหล่อหลอมโดยสังคมชายเป็นใหญ่มาตลอด และกดธรรมชาติของเพศชายด้วยกันเองด้วย แทนที่จะเห็นด้วยกันความชอบส่วนบุคคล

ในทางกลับกัน ผู้หญิงไม่ได้มีหมวดหมู่ทั้งหมดเหล่านี้ ไม่ได้เหยียดหยามกันเอง ทำไมผู้ชายถึงมีล่ะ สังคมไม่ได้ตีความความรักระหว่างผู้หญิงผิดไปในทางเดียวกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่