นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 14 ความร่วมมือ

กระทู้สนทนา
https://pantip.com/topic/42992955 (บทที่ 13 คนในชุดดำ)

พวกนี้สอบสวนเขามาแล้วมากกว่า 20 ชั่วโมง ให้จิบแค่น้ำ ปราศจากอาหารและทำให้เขาตื่นมีสติอยู่ทุกนาที ทั้งสามคนแตะมือกันเข้ามาใช้คำถามวน เดิมๆ ซ้ำๆ อย่างน่ารำคาญ เขาไม่ถูกซ้อมหรือทรมานแต่อย่างใด แค่มีเคเบิลไทร์รัดข้อมือกับข้อเท้าติดกับเก้าอี้เหล็กไว้เท่านั้น เขารู้จากประสบการณ์สมัยที่ยังเป็นทหารว่า พวกหน่วยข่าวกรองจะสอบสวนด้วยการถามวนไปวนมาแบบนี้ 

         ชายไว้หนวดเครา ผมยาว ใช้วาจาหยาบคาย ข่มขู่ต่างๆ นาๆ เพื่อให้เขาเปิดปากพูด ส่วนอีกสองคนหน้าตาเกลี้ยงเกลา ผมสั้นเกรียนและดูอายุยังน้อย คนหนึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่อีกคนเขาจำมันได้ขึ้นใจ มันชอบคาบมวนบุหรี่ไว้ที่มุมปากและเป็นคนขับรถพาเขามาที่นี่ แต่ละคนพูดจาดี สุภาพ นุ่มนวล เกลี้ยกล่อมถามเขาว่า ชายที่ชื่อ ยักษ์ อินโดจีน ที่เขาไปพบเป็นใคร มาจากไหน หน้าตาเป็นอย่างไร และมีแผนจะทำอะไร

         พวกนี้สลับกันเล่นบท ไม้แข็ง กับ ไม้อ่อน ในการสอบสวน มันเป็นแค่วิธีการพื้นๆ ที่ใครๆ ก็ใช้กัน 

         ในซองมีแค่เงินสด เพราะเขาเผากระดาษชุดนั้นทิ้งไปหลังออกจากรีสอร์ทได้สามสิบนาที เขารู้รายละเอียด จดจำหน้าตาของคนในรูปถ่ายนั้นได้ขึ้นใจ นั่นคือความได้เปรียบที่เขากุมอยู่ พวกนี้ไม่มีทางปล่อยให้เขาตายอย่างแน่นอน

         แต่เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของนังเลขา หลังจากมันใช้ปืนจี้เอาตัวเขามาส่ง มันก็หายหัวไปเลย เขายังเจ็บใจที่มันเอาปืนฟาดหัวเขาตอนอยู่บนรถขณะที่เขาพยายามลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนเส้นทางที่มันพาตัวเขามา

         และแค้นใจที่มันจับตัวเขามาขังไว้ให้พรรคพวกของมันสอบสวน วันหนึ่งเขาจะตามล่ากุดหัวมัน

         แต่หากต้องการหลุดพ้นออกไป การเล่นตามน้ำไปก่อนคือวิธีเอาตัวรอดที่ดีที่สุด ขัดขืนไปก็พาลเจ็บตัวเปล่าๆ มิหนำซ้ำยังอาจถูกขังลืมไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเหมือนนักโทษร้ายแรงในเรือนจำ  

         เขาแสร้งว่าปวดฉี่ จึงขอเข้าห้องน้ำ แต่ชายไว้หนวดเคราหน้าเหี้ยมกลับบอกให้เขาปล่อยมันออกมาราดกางเกงตรงนี้ได้เลย เขาแค้นไอ้นี่อีกคน เขาทำเป็นกลั้นฉี่อยู่นานจนกระทั่งชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาที่ไม่คาบบุหรี่เข้ามาสมทบ แล้วขอให้เขาได้ไปทำธุระส่วนตัวสักครู่ ชายมีหนวดเคราจึงยินยอมและใช้ปืนจ่อหัวของเขา ค้างนกไว้ในตำแหน่งซิงเกิลแอ็กชั่นพร้อมพ่นกระสุนออกมา แต่นั่นก็แค่ขู่ ซึ่งเขาไม่ใส่ใจ ยังไงเสียมันก็ไม่ทำให้เขาตายถ้ายังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ชายอีกคนใช้มีดตัดเคเบิลไทร์ออกจากข้อมือทั้งสอง แต่ไม่ตัดที่ข้อเท้า แล้วให้เขายืนขึ้น เอาสองแขนมาไว้ข้างหน้า ใช้เคเบิลไทร์รัดข้อมืออีกครั้ง ก่อนจะเอาปืนจี้คุมตัวให้เขากระโดดกระย่องกระแย่งมายืนฉี่ใส่ชักโครก

         ต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ วิธีใดก็ได้ แค่ออกไปให้ได้ก่อน แล้วไปด้นสดเอาบนทางข้างหน้า

         “ผมอยากคุยกับคุณคนเดียว” รักชาติพูดกับชายใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ยืนเอาปากกระบอกปืนจ่อท้ายทอยของเขาอยู่ 

         “คุยเรื่องอะไร” 

         “เรื่องที่พวกคุณอยากรู้”

         “ฉี่เสร็จแล้ว ค่อยกลับเข้าไปตกลงกันในห้อง คุณลองเสนอดูว่า หัวหน้าผมจะยอมมั้ย”

          “พวกคุณเป็นใคร ตำรวจรึ?”  

         “เปล่า แต่ชั่วร้ายกว่านั้น”

         “หน่วยข่าวกรอง หรือ พวกปฏิบัติการพิเศษ?”

         “คุณไม่ต้องรู้หรอก ไปได้แล้ว” ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะบัดปากกระบอกปืนเป็นสัญญาณ

         กระโดดสองขาคู่กลับเข้ามาในห้อง รักชาตินั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม คราวนี้เขาไม่ถูกรัดข้อมือไว้กับเก้าอี้แล้ว แต่ให้วางบนหน้าตักตัวเอง ชายใบหน้าเกลี้ยงเกลาปิดประตู ชายไว้หนวดเครายืนถือปืนรออยู่

         “นายต้องพูดได้แล้วนะ รักชาติ” ชายที่เป็นหัวหน้าบอก “ฉันไม่อยากทรมานนาย”

         “ผมมีเงื่อนไข”

         “นายไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” 

         “ผมมี เพราะถ้าไม่มีผม พวกคุณก็ทำอะไรไม่ได้”

         “แพ็คเกจ ที่นายอัคราเคยพูดกับนายคืออะไร วันเวลาสถานที่นัดรับด้วย บอกมาดีๆ”

         “นังเลขามันให้ข่าวพวกคุณสินะ ผมเกือบได้ตัวมันแล้วถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นกับคุณอัคราก่อนในคืนนั้น”

         “ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นหรอกนะ”   

         “ผมยอมรับว่ามันเก่ง ผมคาดไม่ถึงเลยจริงๆ”

         “พูดมาได้แล้ว อย่าเล่นลิ้น”

         รักชาติหัวเราะ “พวกคุณต้องการตัวผม ไม่ใช่แค่คำพูดของผม”

         “เพื่ออะไร” 

         “ผมเป็นคนเดียวที่เคยเห็นแพ็คเกจนั่น”

         “แค่นายบอก วันเวลาสถานที่และรูปร่างลักษณะมาก็พอ”

         “ผมขอคุยกับหนุ่มคนนั้นคนเดียว” รักชาติยกมือสองข้างที่ถูกรัดชี้ไปที่ชายใบหน้าเกลี้ยงเกลา

         ชายมีหนวดเคราหันไปมองลูกน้องซึ่งยืนนิ่งอยู่ มือขวาของเขาถือปืนประสานกับมืออีกข้างไว้บริเวณต้นขาด้านหน้า “พวกนายตกลงอะไรกันในห้องน้ำ”

         “ยังไม่ได้ตกลงครับ เขาบอกอยากคุยกับผมคนเดียว ผมบอกให้เขามาตกลงกับเฮียเอาเอง” 

         “เขาพูดอะไรอีก”

         “เขาถามว่าพวกเราเป็นใคร เป็นตำรวจหรือเปล่า ผมบอกว่าเปล่า แต่ชั่วร้ายกว่านั้น แค่นั้นครับ”

         “แน่ใจนะ”

         “แน่ใจครับ”

         รักชาติหัวเราะ เขารู้ว่าปั่นประสาทพวกนี้ได้ “ผมทำให้พวกคุณระแวงกันเองซะแล้ว”

         “ฉันไม่ตกลง” ผู้เป็นหัวหน้าจ้องตารักชาติ พูดเสียงดัง “ถ้านายจะพูด ก็ต้องพูดต่อหน้าเราสองคน”

         “ผมยืนยันจะพูดกับเค้าคนเดียว”

         “เลิกเล่นเกมเถอะ ยังไงนายก็ไม่มีทางเลือกหรอก นายฆ่าคนตายที่แพร่ ตำรวจกำลังตามหาตัวผู้ต้องสงสัย อีกไม่นานหมายจับก็คงออกประกาศ ตำรวจจะตามล่าตัวนาย ฉันจะส่งตัวนายให้ตำรวจพร้อมปืนของกลางที่เป็นอาวุธสังหาร รวมไปถึงพยานที่นายพยายามฆ่าเขาอีกคน แต่ถ้าร่วมมือกับเรา นายอาจมีทางรอด” 

         “รอดยังไง รอดจากมือตำรวจงั้นรึ” รักชาติรู้ได้ทันทีว่า คนพวกนี้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่อำเภอสองที่เขาตัดสินใจยิงนายบอมลูกน้องของเขาเองแล้ว แต่ชายอีกคนที่จับบอมเป็นตัวประกันนั้นรอดจากคมกระสุนของเขาได้ แถมยังเป็นคนขับรถพาตัวเขามาส่งอีกต่างหาก มันคือพยานที่จะชี้ตัวเขาได้ ปืนของเขาก็ถูกพวกมันยึดไป น่าเจ็บใจนัก

         “บอกสิ่งที่ฉันต้องการรู้มาก่อน แล้วฉันจะบอกว่านายจะรอดได้ยังไง”

         “ผมจะเชื่อพวกคุณได้ยังไง มีอะไรเป็นหลักประกัน”

         “ตอนนี้ นายมีทางเลือกอื่นเหรอ”

          รักชาติตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ มันแค้นใจนัก เขาถูกกักขัง ข้อมือข้อเท้าโดนเคเบิลไทร์รัดไว้ยังไม่พอ พวกนี้ยังมัดมือชกเขาอีกต่างหาก ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้มากกว่าแสร้งยอมให้ความร่วมมือไปก่อน แต่ก็จะใช้ข้อได้เปรียบที่เขามียื้อเวลาออกไปให้เขาสบช่องโอกาสเอาคืนหรือหลบหนีไป

         “ยักษ์ อินโดจีน ถูกส่งมาทำงานแทนคุณอัครา” รักชาติพูดเมื่อคิดดีในระดับหนึ่งแล้ว

         “เราไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” หัวหน้าทีมสอบสวนทำหน้าสงสัย

         “นั่นคงเพราะเขาปกปิดตัวตน หรือ ใช้ชื่ออื่น แต่เขาบอกฉันว่าชื่อ ยักษ์ อินโดจีน เป็นชื่อที่ใช้ในวงการ”

         “ใครส่งนายยักษ์คนนี้มา”

         “บริษัท”

         “บริษัทอะไร”

         “ไม่รู้ เขาไม่ได้บอก แต่บอกแค่ มีสาขาอยู่เกือบทุกทวีปบนโลก”

          “หน้าตาคนชื่อยักษ์เป็นยังไง”

         “สูง ขาว ผมสั้น ไหล่กว้างเหมือนพวกนักกล้าม หน้าตาคล้ายพวกเชื้อสายจีน”

          “คนไทยหรือต่างชาติ”

         “ไม่รู้ แต่เขาพูดไทยชัดเจน”

         “มีเบอร์ หรือ ที่อยู่สำหรับติดต่อมั้ย”

         “ผมเซฟเบอร์ไว้ในโทรศัพท์ แต่ไม่มีที่อยู่”

         “ผมลองใช้โทรศัพท์คุณรักชาติโทร.ไปที่เบอร์นั้นแล้วหลายครั้ง แต่เป็นหมายเลขที่ยังไม่จดทะเบียน” ชายหน้าตาเกลี้ยงเกลาแทรกขึ้น

          “มีเบอร์อื่นอีกมั้ย” ผู้เป็นหัวหน้าซักนักโทษ

         “ไม่มี”

         “พวกนายไปเจอกันเรื่องอะไร”

         “ธุรกิจ”

         “เกี่ยวกับแพ็คเกจที่จะเข้ามาวันลอยกระทงมั้ย”

         “อีกไม่กี่วันจะถึงวันลอยกระทง พวกคุณไม่มีทางหาแพ็คเกจนั้นเจอ ถ้าไม่มีผม” รักชาติแสดงเล่ห์เหลี่ยม

         “เราได้วันแล้ว ยังเหลือเวลา สถานที่และรูปร่างลักษณะ”

         “เวลากับสถานที่ผมบอกตอนนี้ได้ แต่รูปร่างลักษณะ ผมต้องเป็นคนไปยืนยันด้วยตาตัวเอง”

         “บอกเวลากับสถานที่มาก่อน”

         “คุณต้องรับปากผมก่อนว่า จะพาผมไปที่นั่นด้วย”

         “บ้าเอ้ย..เลิกลีลายอกย้อนซะที” ชายไว้หนวดเคราออกอาการโมโห

         รักชาติหัวเราะ “ผมจะไม่พูดอะไรอีกจนกว่า คุณจะรับปาก”

         “ได้ คุณจะได้ไปยืนยันแพ็คเกจนั่นพร้อมกับผม”

         “แต่เวลากับสถานที่ ต้องรอ ยักษ์ อินโดจีนโทร.มาบอกผม” รักชาติปั่นประสาทอีกฝ่าย

         “อ้าว..ก็ไหนบอกว่ารู้แล้วไง”

         “ผมโกหก แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องได้รู้อยู่ดี ไม่วันนี้ก็วันหน้า”

         “โอเคๆ นายยักษ์จะโทร.หาคุณวันไหน”

         “ผมไม่รู้ ผมต้องรอรับโทรศัพท์ ถึงจะบอกได้”

         “แพ็คเกจคืออะไร”

         “บอกทางรอดของผมมาก่อน”

         “นายพาเราไปเจอแพ็คเกจ พองานเสร็จ นายก็หายตัวไปได้เลย” ชายไว้หนวดเคราบอก

         “ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง”

         “นั่นขึ้นอยู่กับนาย ทีนี้บอกมาว่าแพ็กคเกจคืออะไร”

         “คนต่างชาติ” รักชาติเริ่มเผยข้อมูล

         “กี่คน”

         “สี่”

         “รูปพรรณสัณฐาน”

         “คนผิวขาว เพศชาย ผมจำได้แค่นั้น”

         “สัญชาติอะไร นายเคยเจอคนผิวขาวคนนี้มาก่อนมั้ย”

         “ไม่รู้ ไม่เคย”

         “อ้าว..นายบอกว่าเคยเห็นเขา นายโกหกอีกแล้ว”

          “ผมแค่เคยเห็นรูปเขา และจำหน้าได้แม่น”

        “รูปถ่ายอยู่ที่ไหน”

        “ผมเผาทิ้งไปแล้ว”

        “ชิบ” ชายมีหนวดเคราสบถ

         รักชาติหัวเราะเยาะ “ผมบอกแล้ว คุณต้องการผมที่นั่น”

         “ชื่อล่ะ”

        “เขาใช้นามเรียกขานว่า เยเกอร์”

        “ผมต้องการชื่อนามสกุล  

         “ไม่มีใครรู้”

         “แล้วชื่ออีกสามคนที่เหลือล่ะ”

         “นั่นก็ไม่รู้”

         คนไว้หนวดเครา ผมยาวประบ่า ถอนหายใจ ก่อนยกนี้วชี้ขึ้นหมุนวนในอากาศเป็นสัญาญาณให้อีกคนที่ยืนถือปืนอยู่ในห้องมาคุยด้วย “รัดข้อมือข้อเท้าไว้กับเก้าอี้แบบเดิม แล้วให้โอตัสเข้ามาคุมตัวไว้อย่าให้คลาดสายตา รอจนกว่าคนชื่อยักษ์ อินโดจีนจะโทร.เข้ามาตามที่นายรักชาติบอก เสร็จแล้วตามออกมา”

         “ได้ครับเฮีย” 

         ผู้เป็นหัวหน้าเดินออกมานอกตัวอาคาร ยกโทรศัพท์โทร.ออก หลังเสียงสัญญาณดังอยู่หกครั้ง ปลายสายก็ตอบรับ

         “อควิลา”

         “ว่ามา มิลวัส ได้อะไรบ้าง” คนในโทรศัพท์ถาม

         “แพ็คเกจ ชาวต่างชาติ ผิวขาว ใช้นามเรียกขาน เยเกอร์ เดินทางกับอีกสามคน ยืนยันวันลอยกระทง ส่วนเวลาและสถานที่รอยืนยันอีกครั้ง”

         “ดี ผมจะตรวจสอบ เยเกอร์ กับหน่วยอื่นๆ แล้วจะแจ้งให้ทราบเร็วที่สุด”

         “ทราบ ขอบคุณครับบอส” มิลวัสวางสาย แหงนมองจันทร์ใกล้เต็มดวงบนท้องฟ้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

          ลูกน้องตามออกมาสมทบ “โอตัสเข้าไปคุมตัวนายรักชาติในห้องนั้นแล้วครับ”

         “ดี นายขับรถนะ กริช ฉันอยากนั่งสบายๆ”

         “ไปไหนครับเฮีย”

         “เข้าตัวอำเภอ หาของกินอร่อยๆ ฉันหิว แล้วเปิดห้องพักนอนหลับยาวๆ ฉันง่วง”

         คมกริชยิ้มกว้าง 

(จบบทที่ 14)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่