โลกหมุนรอบตัวเธอ... 'Coming of Age' ไม่เท่ากับ 'Feel Good'

หวังว่าแฟนๆ ดารานำเรื่องนี้จะสบายใจขึ้น เพราะนี่คือ สนาม/พื้นที่ของนักแสดงที่คุณชื่นชอบ ได้แสดงฝีมือ  
“coming of age คือประเภทหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "การก้าวพ้นวัย" 
การเติบโตของวัยรุ่นผ่านเหตุการณ์บางอย่างที่มีผลเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศนคติของเด็ก 
พื้นฐานหลักอีกอย่างของหนังประเภท coming of age ก็คือการปล่อยให้เด็กได้ 'เรียนรู้ด้วยตัวเอง' 
พวกเขาอาจจะต้องเจอเรื่องทดสอบศีลธรรม, ความรักในวัยเรียน, อาจจะต้องเจอเรื่องแย่ ๆ, 
ปัญหาครอบครัว, อาจจะต้องเจอเรื่องคอขาดบาดตาย, อาจจะเจอเส้นทางให้ต้องตัดสินใจ 
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พบเจอจะทำให้พวกเขาสามารถเติบโตได้จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง”

อ้างอิงจาก Facebook เพจหนังโปรดของข้าพเจ้า
https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms/posts/879935712075806/

ากใครสนใจผลงานแนวนี้ เรื่องที่เราพอจะนึกออก ซึ่งคลาสสิค คือ “Death, Poets, Society” 
นักแสดงมีเสนห่ห์เพียบแน่นแบบวัยรุ่น และเผชิญปัญหาในสังคมวัยรุ่น ต่อต้านกฏระเบียบต่างๆ
เดินเกมส์ตามแนว Coming of Age เช่นกัน ไม่มีใครในเรื่องเป็นเจ้าของความถูกต้องตลอดไป 
มีเรื่องราวเกี่ยวกับความตาย คล้ายจะเป็นสัญลักษณ์ผลักดันให้ตัวละครตระหนักรู้
และตายไปจากวัยเยาว์

Highlights ของ โลกหมุนรอบตัวเธอ 

1. สังเกตพัฒนาการของตัวละคร กับ จิตใจที่ยังไม่โตเต็มวัย 
รวมถึง อาการตัดขาดจากความสุขวัยเยาว์ไม่ได้ แอนตี้สังคม
ต่อสู้หรือหลีกหนีระบบโลกที่เกลียดชัง

รั้งรอที่จะก้าวผ่านชีวิตวัยเด็ก  แม้ในเวลานั้น ไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีอำนาจ
แต่เป็นความสนุกท่วมท้นที่โลกเปิดให้วัยเด็กแสวงหาได้

ตัวละครมีการ ปรับเปลี่ยน ตามสถานการณ์ที่เข้ามากดกันในแต่ละช่วงวัย
เหมือน ของเล่นรูบิค ที่หาความลงตัว
จนจบที่สี่เหลี่ยมลูกเต๋านั้น แต่ละด้าน มีสีเดียวกัน = เข้ารูปเข้ารอย ชีวิตแบบผู้ใหญ่ (ที่หมดสนุก)




2. อนุญาตให้ตัวละครล้มลุกคลุกคลาน ทำผิดพลาด ได้
เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้จากบทเรียน และเติบโต เช่นกัน มองดาราที่คุณชอบในมุมใหม่
เขากำลังขายฝีมือ ไม่ใช่ขายหน้าตาเท่านั้น ด้วยบทที่ซับซ้อน ซ่อนความรู้สึก
การคุมได้ คุมไม่ได้ เกี่ยวกับจิตใต้สำนึก และการตัดสินใจที่ยากลำบาก

สภาพจิตตัวละครแนวนี้ อาจมีขาดมีเกินมีล้น แบบโลกในใจของวัยรุ่น 
อาจรักสนุกเยอะกว่าคุณ โง่กว่าคุณหน่อยหนึ่ง ยึดติดกับความฝันมากกว่าคุณ
จริยธรรมด้อยกว่าคุณ (แต่ไม่มากจนเห็นชัดเกินไป) เพราะพวกเขาไม่ได้ถูกสร้างมา
เพื่อชี้นำคุณ แต่คุณ คือ ผู้ตรวจสอบเขา -- คนดูจึงต้องเหนือกว่า มีระดับความคิดที่โตกว่า

3. ความสนุกในการรับชม คือ การถอยตัวเองเป็นผู้สังเกตการณ์ และคุณอาจเติบโต 
จากการพบคำตอบที่เป็นของตัวเอง คอนเทนสร้างมาเพื่อกระตุ้นการคิดและการวิจารณ์
 ให้เกิดการอภิปราย มากกว่า โยนคำตอบสำเร็จรูปให้ผู้ชม

4. ในสังคมที่ผู้คนเหน็ดเหนื่อย ละครแนวนี้จะไม่บูม
เพราะเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ มากกว่า ให้ความบันเทิงแบบผ่อนคลาย 
หากผู้คนอยากได้ละครที่ทำให้นอนหลับฝันดี ก่อกำลังใจว่า
สักวันหนึ่งชีวิตจะพ้นความลำบาก 
สักวันการเป็นคนดีจะชนะคนไม่ดี
สักวันจะได้พบผู้ชายอย่างคุณพระอรรถ
ซึ่งปาฏิหาริย์ไม่ได้มาง่ายๆในชีวิตจริง 
ละครแนว feel good และ พาฝัน ช่วยให้จิตพักผ่อน
เยียวยาจิตใจ  และ เป็นสารเสพติด
ช่วยผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อสุขภาพ  

รวมถึงให้ประสพการณ์สัมผัสชีวิตชนชั้นสูง
ที่มักปราศจากภาระงานหนัก แต่มีเวลาหาความสำราญ
ให้คนดูรู้สึกรื่นรมย์ตามอารมณ์เรื่องได้ -- สมอง ได้ปิดสวิซต์การคิด
แล้วเปิดสวิซต์ความรู้สึกและจินตนาการ

5. หลักการของ “The Coming of Age” คล้ายๆ ภาษาทางธุรกิจสมัยใหม่  
คือ ทดลอง กล้าล้ม เพื่อหาทิศทาง รูปแบบใหม่ๆ ที่ใช่ ให้เข้ากับบริบทสังคม
รวมถึงพฤติกรรม รสนิยม ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวดเร็วจนเราแทบจะไม่รู้ตัว

6. การนำเสนอเป็นแนว naturalistic ทุกอย่างเหมือนปกติแต่ซ่อนความไม่ปกติ
มีรายละเอียดยิบย่อยให้จับตามอง แต่ลื่นไหลมีชีวิตชีวา คล้ายความจริง
ราวกับไม่มีเหตุการณ์หายนะ... แต่มี
ในความคูล มีการซ่อนหลักฐาน ให้คนดูเก็บไว้หาผลรวม
ที่นำไปสู่วิกฤติของตัวละคร 

ความเข้าใจมนุษย์ในลักษณะเปลี่ยนแปลงได้
การล้ม ลุก พลาด เรียนรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ตามวัย และสภาพการณ์
รวมถึงความสุขและเสรีภาพของชีวิตวัยเยาว์ ที่ปราศจากระเบียบกติกาสังคมมาควบคุม
ซึ่งแต่ละคนจัดวางความทรงจำนี้ไว้ไม่เหมือนกัน และลึกไม่เท่ากัน
จนมันก่ออิทธิพลต่อชีวิตแต่ละคนในเวลาต่อมาไม่เหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้ คือ ปรัชญาและความงามของศิลปะแนว "Coming of Age"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่