สวัสดีค่ะ..ตอบกลับได้เต็มที่เลยค่ะ
*เราคบกับแฟนมา 5 ปี แต่งงานกันแล้ว 1 ปี
รวมๆระยะเวลาก็ 6 ปีที่รู้จักกันมา เราไม่มีลูกกันค่ะ*
เกริ่นก่อนว่า เราคบกับแฟนตอน ม.6
(แฟนอยู่มหาลัยปี 3) โดยที่เรายังไม่ได้เปิดตัวกับทางบ้านเรา อยู่ๆแม่เรามาเปิดกระเป๋าเราแล้วเจอยาคุม
เค้าเลยเค้นถามว่ามีแฟนใช่ไหม เป็นใคร อะไรทำนองนี้ เราก็เล่าให้ฟัง แม่ก็ให้พามาหาที่บ้าน ก็คือบ้านเราหัวโบราณอะค่ะ จะให้หมั้นบ้าง จะให้แต่งบ้าง แต่ตอนนั้นเราใกล้จบม.6 แล้ว ทางบ้านเลยสรุปไปว่าให้คบกันได้แต่ขอว่าอย่าเพิ่งมีอะไรกันขอให้เรียนจบก่อน
และผลสอบมหาลัยเราก็ติดมหาลัยที่ไกลบ้าน (มีชื่อเสียง) เราต้องออกไปเรียนไกลแฟน ซึ่ง..แน่นอนค่ะ แฟนเราไม่อยากให้ไป แต่ทางบ้านเราเค้าอยากให้ไป อยากให้อยู่หอคนเดียว ถ้าแฟนจะไปหาก้ให้นั่งรถไปเจอกัน..ไม่ได้ห้าม แต่ตอนนั้นเหมือนเราหลงแฟนหน้ามืดตามัวเราเชื่อแฟน ไม่เชื่อทางบ้าน เราไปอยู่บ้านแฟน เรียนปวส.ที่วิทยาลัยเทคนิคฯ แถวบ้านจนเราจบ ก็ไปต่อมหาลัยที่เดียวกับแฟน..ง่ายๆคืออยู่ด้วยกันทุกวันตัวติดกันตลอด 4-5 ปีที่ผ่าน ไปไหนไปด้วยกันตลอด ทำให้เราไม่ค่อยมีเพื่อนสมัยเรียน ปวส-ป.ตรี เลยค่ะ เพราะอะไรเราก้มีแต่พี่เขา มีทะเลาะกันบ้างแต่เราก็ปรับตัวเข้าหากันด้วยดีตลอดมา
จนล่าสุดปีที่แล้วเราสองคนจะจัดงานแต่งงานกัน และแน่นอนค่ะทางบ้านตอนแรกจะยังไม่ให้แต่ง อยากให้เรามีงานทำก่อนสักปีนึง มีเงินเก็บสักก้อนก่อน แต่ทางบ้านผู้ชายเค้าอ้างว่าแม่เขาไม่ค่อยสบาย ไหนๆเราก็เรียนจบมหาลัยแล้ว และก็อยู่บ้านผู้ชายมาหลายปี ให้จัดๆแล้วค่อยมาหางานทำก้ได้ (ตอนนั้นผู้ชายเรียนจบมา 2 ปีแล้ว ยังไม่มีงานทำค่ะ คือเอาง่ายๆยังไม่มีงานทำทั้งคู่) แต่สุดท้ายงานแต่งก็ถูกจัดขึ้นค่ะ โดยฝ่ายชายเป็นผู้ออกค่าสินสอด และแม่เราออกค่าจัดงานตามปกติค่ะ (งานแต่งมีแต่ญาติ เพื่อนเจ้าบ่าวมาแค่ 1 คน เพื่อนเจ้าสาวมาแค่ 3 คน และเป็นเพื่อนสมัยมัธยมด้วยค่ะ เพื่อนวัยอื่นเราไม่มีเลย)
หลังจากแต่งงานได้ 3 เดือน แฟนเราก็ได้งานที่จังหวัดใกล้เคียงอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง และอีก 15 วันให้หลังเราสอบงานราชการติดที่ กทม. ชีวิตพลิกผัน เราต้องย้ายมาอยู่ กทม. คนเดียว ตอนนี้เหงา เศร้า คิดถึงสามีมากๆค่ะ
และงานสามีเรายุ่งสุดๆ จนทำให้ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน หรือกลับบ้านไปเจอกัน เราจะกลับช่วงวันหยุดราชการฯ แต่สามีจะแทบไม่มีวันหยุดเลยค่ะ ทำให้เราต้องเป็นฝ่ายนั่งรถไปหาเค้าทุกครั้งค่ะ แต่ก็เป็นแบบนี้ได้ประมาณ 6-7 เดือน แล้วค่ะ
ระหว่างนั้นเราก้ได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่ทำงาน แกเป็นสาวโสดติดเที่ยว ก็มีชวนเราไปบ้าง (สยาม,อนุเสาวรีย์,สามย่าน,บลาๆ) กลับถึงหอไม่เกิน 4 ทุ่ม ทำให้เราได้ไปเจอชีวิตการทำงาน ได้สัมผัสและมองดูแกว่าชีวิตที่โสดมันเป็นยังไง จนเรารู้สึกอิจฉาแก เพราะเราโสดล่าสุดคืออายุ 18 ปี และมาแต่งงานในวัย 23 ปี ซึ่งเรามองว่ามันเร็วมากๆๆๆๆ
บวกกับมี ผช. คนนึง เจอกันในแอปแอปนึงค่ะ เค้ามาทำดีกับเรา ชวนเราไปกินข้าวนั้นนี่ แต่เราบอกเค้านะคะว่าเราแต่งงานมีสามีแล้วนะ เค้าก็แบบคุยๆไปก่อนก้ได้ และเค้าดูแลเราดีมากๆ (มันอาจจะเพราะว่าเราหลงคนนี้ก็ได้ค่ะ)
และเราก้เริ่มทะเลาะกับสามี เรื่องที่ว่าเราออกไปเที่ยวบ่อย สามีเค้าเป็นห่วงนั่นนี่ และเค้าก้ไล่เราว่าไม่ต้องกลับบ้านอยากไปไหนก็ไป มันยังงั้นยังงี้ ซึ่งมันเป็นนิสัยปกติของเขาค่ะ ที่จะอารมณ์ร้อนและพูดประชดเป็นประจำ ทุกครั้งเราจะเป็นฝ่ายยอม ขอโทษทั้งๆที่ไม่ผิด ยิ่งไล่เรายิ่งวิ่งไปกอด ด้วยความที่เราอยู่บ้านเค้าด้วยมั้งคะ เราเลยยอม แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ค่ะ เรากลับเฉยชา และไม่สนใจที่ง้อเค้าเหมือนเดิม มันเลยทะเลาะหนักขึ้นๆๆ จนถึงกับจะเลิกกัน และใช่ค่ะ เรายอมเลิกกับเค้าง่ายๆ โดยที่ไม่ง้อเค้า จนเค้าเค้นถามเราว่ามีคนอื่นเหรอ
เราก้ตอบไปตามจริงว่าคุยอยู่คนนึง แต่ไม่ได้คิดไร แล้วที่จะเลิกเนี่ย มันเป็นความต้องการของสามีเรา เราแค่ตอบตกลงและพร้อมจะจบ (อารมณ์ตอนนี้คือได้โสดสักทีเว้ยยยย)
กลับกลายเป็นว่าเขาเอาไปฟ้องแม่เขา และแม่เขาโทรบอกญาติผู้ใหญ่เราทุกคนว่าเด็กสองคนเลิกกันแล้วนะ ว่าเรานอกใจลูกชายเค้าไปมีแฟนใหม่แล้ว โดยที่ไม่โทรมาคุยมาถามเราก่อนเลย
ทางบ้านเราเข้าใจและบอกกับเราว่า นี่แหละคือสิ่งที่บ้านเค้าเตือนมาตั้งแต่ต้น ที่ขอให้ลองห่างดูเพราะชีวิตมันอีกไกล เราต้องรู้จักสังคมอีกหลายระดับ เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาลัย เพื่อนวัยทำงาน เค้าเคารพการตัดสินใจของเราค่ะ
แต่ทางบ้านแฟนก็เงียบหายไป และเราคิดว่าน่าจะกำลังด่าทอสาปแช่งว่าเรานอกใจลูกชายเขาไปมีคนอื่น ทั้งๆที่เรากำลังจะลุยชีวิตโสดแบบเต็มเหนี่ยวอยู่
คำถามคือ.. แบบนี้เรียกว่า เรารักตัวเองหรือเราใจแตกแบบที่เค้าว่าคะ
แบบนี้เรียกรักตัวเองหรือใจแตกกันแน่คะ
*เราคบกับแฟนมา 5 ปี แต่งงานกันแล้ว 1 ปี
รวมๆระยะเวลาก็ 6 ปีที่รู้จักกันมา เราไม่มีลูกกันค่ะ*
เกริ่นก่อนว่า เราคบกับแฟนตอน ม.6
(แฟนอยู่มหาลัยปี 3) โดยที่เรายังไม่ได้เปิดตัวกับทางบ้านเรา อยู่ๆแม่เรามาเปิดกระเป๋าเราแล้วเจอยาคุม
เค้าเลยเค้นถามว่ามีแฟนใช่ไหม เป็นใคร อะไรทำนองนี้ เราก็เล่าให้ฟัง แม่ก็ให้พามาหาที่บ้าน ก็คือบ้านเราหัวโบราณอะค่ะ จะให้หมั้นบ้าง จะให้แต่งบ้าง แต่ตอนนั้นเราใกล้จบม.6 แล้ว ทางบ้านเลยสรุปไปว่าให้คบกันได้แต่ขอว่าอย่าเพิ่งมีอะไรกันขอให้เรียนจบก่อน
และผลสอบมหาลัยเราก็ติดมหาลัยที่ไกลบ้าน (มีชื่อเสียง) เราต้องออกไปเรียนไกลแฟน ซึ่ง..แน่นอนค่ะ แฟนเราไม่อยากให้ไป แต่ทางบ้านเราเค้าอยากให้ไป อยากให้อยู่หอคนเดียว ถ้าแฟนจะไปหาก้ให้นั่งรถไปเจอกัน..ไม่ได้ห้าม แต่ตอนนั้นเหมือนเราหลงแฟนหน้ามืดตามัวเราเชื่อแฟน ไม่เชื่อทางบ้าน เราไปอยู่บ้านแฟน เรียนปวส.ที่วิทยาลัยเทคนิคฯ แถวบ้านจนเราจบ ก็ไปต่อมหาลัยที่เดียวกับแฟน..ง่ายๆคืออยู่ด้วยกันทุกวันตัวติดกันตลอด 4-5 ปีที่ผ่าน ไปไหนไปด้วยกันตลอด ทำให้เราไม่ค่อยมีเพื่อนสมัยเรียน ปวส-ป.ตรี เลยค่ะ เพราะอะไรเราก้มีแต่พี่เขา มีทะเลาะกันบ้างแต่เราก็ปรับตัวเข้าหากันด้วยดีตลอดมา
จนล่าสุดปีที่แล้วเราสองคนจะจัดงานแต่งงานกัน และแน่นอนค่ะทางบ้านตอนแรกจะยังไม่ให้แต่ง อยากให้เรามีงานทำก่อนสักปีนึง มีเงินเก็บสักก้อนก่อน แต่ทางบ้านผู้ชายเค้าอ้างว่าแม่เขาไม่ค่อยสบาย ไหนๆเราก็เรียนจบมหาลัยแล้ว และก็อยู่บ้านผู้ชายมาหลายปี ให้จัดๆแล้วค่อยมาหางานทำก้ได้ (ตอนนั้นผู้ชายเรียนจบมา 2 ปีแล้ว ยังไม่มีงานทำค่ะ คือเอาง่ายๆยังไม่มีงานทำทั้งคู่) แต่สุดท้ายงานแต่งก็ถูกจัดขึ้นค่ะ โดยฝ่ายชายเป็นผู้ออกค่าสินสอด และแม่เราออกค่าจัดงานตามปกติค่ะ (งานแต่งมีแต่ญาติ เพื่อนเจ้าบ่าวมาแค่ 1 คน เพื่อนเจ้าสาวมาแค่ 3 คน และเป็นเพื่อนสมัยมัธยมด้วยค่ะ เพื่อนวัยอื่นเราไม่มีเลย)
หลังจากแต่งงานได้ 3 เดือน แฟนเราก็ได้งานที่จังหวัดใกล้เคียงอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง และอีก 15 วันให้หลังเราสอบงานราชการติดที่ กทม. ชีวิตพลิกผัน เราต้องย้ายมาอยู่ กทม. คนเดียว ตอนนี้เหงา เศร้า คิดถึงสามีมากๆค่ะ
และงานสามีเรายุ่งสุดๆ จนทำให้ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน หรือกลับบ้านไปเจอกัน เราจะกลับช่วงวันหยุดราชการฯ แต่สามีจะแทบไม่มีวันหยุดเลยค่ะ ทำให้เราต้องเป็นฝ่ายนั่งรถไปหาเค้าทุกครั้งค่ะ แต่ก็เป็นแบบนี้ได้ประมาณ 6-7 เดือน แล้วค่ะ
ระหว่างนั้นเราก้ได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่ทำงาน แกเป็นสาวโสดติดเที่ยว ก็มีชวนเราไปบ้าง (สยาม,อนุเสาวรีย์,สามย่าน,บลาๆ) กลับถึงหอไม่เกิน 4 ทุ่ม ทำให้เราได้ไปเจอชีวิตการทำงาน ได้สัมผัสและมองดูแกว่าชีวิตที่โสดมันเป็นยังไง จนเรารู้สึกอิจฉาแก เพราะเราโสดล่าสุดคืออายุ 18 ปี และมาแต่งงานในวัย 23 ปี ซึ่งเรามองว่ามันเร็วมากๆๆๆๆ
บวกกับมี ผช. คนนึง เจอกันในแอปแอปนึงค่ะ เค้ามาทำดีกับเรา ชวนเราไปกินข้าวนั้นนี่ แต่เราบอกเค้านะคะว่าเราแต่งงานมีสามีแล้วนะ เค้าก็แบบคุยๆไปก่อนก้ได้ และเค้าดูแลเราดีมากๆ (มันอาจจะเพราะว่าเราหลงคนนี้ก็ได้ค่ะ)
และเราก้เริ่มทะเลาะกับสามี เรื่องที่ว่าเราออกไปเที่ยวบ่อย สามีเค้าเป็นห่วงนั่นนี่ และเค้าก้ไล่เราว่าไม่ต้องกลับบ้านอยากไปไหนก็ไป มันยังงั้นยังงี้ ซึ่งมันเป็นนิสัยปกติของเขาค่ะ ที่จะอารมณ์ร้อนและพูดประชดเป็นประจำ ทุกครั้งเราจะเป็นฝ่ายยอม ขอโทษทั้งๆที่ไม่ผิด ยิ่งไล่เรายิ่งวิ่งไปกอด ด้วยความที่เราอยู่บ้านเค้าด้วยมั้งคะ เราเลยยอม แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ค่ะ เรากลับเฉยชา และไม่สนใจที่ง้อเค้าเหมือนเดิม มันเลยทะเลาะหนักขึ้นๆๆ จนถึงกับจะเลิกกัน และใช่ค่ะ เรายอมเลิกกับเค้าง่ายๆ โดยที่ไม่ง้อเค้า จนเค้าเค้นถามเราว่ามีคนอื่นเหรอ
เราก้ตอบไปตามจริงว่าคุยอยู่คนนึง แต่ไม่ได้คิดไร แล้วที่จะเลิกเนี่ย มันเป็นความต้องการของสามีเรา เราแค่ตอบตกลงและพร้อมจะจบ (อารมณ์ตอนนี้คือได้โสดสักทีเว้ยยยย)
กลับกลายเป็นว่าเขาเอาไปฟ้องแม่เขา และแม่เขาโทรบอกญาติผู้ใหญ่เราทุกคนว่าเด็กสองคนเลิกกันแล้วนะ ว่าเรานอกใจลูกชายเค้าไปมีแฟนใหม่แล้ว โดยที่ไม่โทรมาคุยมาถามเราก่อนเลย
ทางบ้านเราเข้าใจและบอกกับเราว่า นี่แหละคือสิ่งที่บ้านเค้าเตือนมาตั้งแต่ต้น ที่ขอให้ลองห่างดูเพราะชีวิตมันอีกไกล เราต้องรู้จักสังคมอีกหลายระดับ เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาลัย เพื่อนวัยทำงาน เค้าเคารพการตัดสินใจของเราค่ะ
แต่ทางบ้านแฟนก็เงียบหายไป และเราคิดว่าน่าจะกำลังด่าทอสาปแช่งว่าเรานอกใจลูกชายเขาไปมีคนอื่น ทั้งๆที่เรากำลังจะลุยชีวิตโสดแบบเต็มเหนี่ยวอยู่
คำถามคือ.. แบบนี้เรียกว่า เรารักตัวเองหรือเราใจแตกแบบที่เค้าว่าคะ