น้ำยังท่วมถนนเชียงราย-เชียงใหม่ มีดินปิด ถนนสายไปพร้าว แม่สรวยเริ่มกระทบ
https://www.matichon.co.th/region/news_4810463
น้ำยังท่วมถนนเชียงราย-เชียงใหม่ มีดินปิด ถนนสายไปพร้าว แม่สรวยเริ่มกระทบ
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำป่าทะลักเข้าท่วมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 118 สายหลักระหว่าง จ.เชียงราย-เชียงใหม่ พื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พบว่า ล่าสุดระดับน้ำที่บ้านป่างิ้ว ต.ป่างิ้ว ได้ลดลงเล็กน้อยประมาณ 10 ซ.ม.ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงวางป้ายให้ระมัดระวังโดยเฉพาะรถเล็กไม่ควรสัญจรผ่านไปมายกเว้นรถยนต์กระบะขึ้นไป รวมทั้งแจ้งให้ใช้เส้นทางเลี่ยงจากบ้านหนองยาว-บ้านสันมะเค็ด ต.แม่เจดีย์ แทน อย่างไรก็ตามล่าสุดพบว่าน้ำได้เข้าท่วมถนนเพิ่มพื้นที่บ้านหนองยาวแล้ว
โดย สภ.เวียงป่าเป้า ได้แจ้งเตือนเวลา 07.47 น.วันเดียวกันนี้ว่า ฝนที่ตกลงมาเพิ่มเติมทำให้น้ำเข้าท่วมปากทางเข้าบ้านหนองยาวทำให้รถยนต์กระบะหรือรถใหญ่ยกสูงเท่านั้น จึงสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ส่วนรถเล็กหรือรถไฟฟ้ารวมทั้งรถจักรยานยนต์ ไม่ควรผ่านเส้นทางเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้เส้นทางเลี่ยงจากบ้านหนองยาวไปทางบ้านสันมะเค็ด-แม่ขะจาน พบว่าถนนถูกน้ำกัดเซาะจนดินทรุดตัวดังนั้นผู้ใช้เส้นทางต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มาก หรือหากไม่จำเป็นไม่ควรใช้เส้นทางนี้
ทั้งนี้น้ำป่าเริ่มเข้าท่วมถนนสายต่างๆ ดังกล่าวหลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า จนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ได้แก่บ้านป่าสัก บ้านสันปูเลย ต.ป่างิ้ว,บ้านเฟยไฮ บ้านสัน บ้านสันต่อ ต.บ้านโป่ง และบ้านป่าบง ต.เวียง มีบ้านเรือนริมฝั่งได้รับผลกระทบประมาณ 30 หลังคาเรือน เกิดดินไถลงตัวหรือสไลด์ทำให้ทั้งดินและต้นไม้หักโค่นขวางกั้นเส้นทางการจราจรในพื้นที่บ้านห้วยคุณพระ ต.แม่เจดีย์ใหม่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่เจดีย์ใหม่ และถนนสายเวียงป่าเป้า-พร้าว ขณะที่พื้นที่ใต้น้ำลาว ซึ่งรับน้ำจาก อ.เวียงเป่าเป้า ได้ไหลงต่อไปยัง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ทำให้บางพื้นที่เริ่มมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
ฝนกระหน่ำหนัก เขื่อนกิ่วคอหมา-กิ่วลม เกินความจุ แม่น้ำวังล้นตลิ่ง คาดท่วมเมืองลำปางวันนี้
https://www.matichon.co.th/region/news_4810379
เขื่อนกิ่วคอหมา เกินความจุ 110 % และกิ่วลม รับน้ำไม่ไหวแล้ว ปล่อยเต็มที่ 320 ลบ.ม./วินาที ตัวเมืองน้ำวังจะสูงขึ้นมากวันนี้ เทศบาลตั้งศูนย์เตรียมพร้อมช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ฝนยังตกหนัก
ลำปาง-วันที่ 25 กันยายน สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ 2 แห่งของกรมชลประทานในพื้นที่ จ.ลำปาง ในวันนี้ และสถานการณ์แม่น้ำวังในพื้นที่ ที่ไหลผ่านเขตตัวเมือง และในหลายๆ อำเภอของ จ.ลำปาง มีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก จากฝนที่ยังคงตกหนักลงมาตลอดคืนที่ผ่านมา จนถึงเช้าวันนี้ ก็ยังไม่หยุดตก ยังตกสะสมต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตอนบน ที่ผ่านมา โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ก็ทำให้น้ำทะลักลงสู่เขื่อนกิ่วคอหมา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง จนเกินความจุแล้วขณะนี้ ระดับน้ำอยู่ที่ 189 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็น 111 % ของความจุอ่าง โดยมีการเร่งระบายน้ำออกขณะนี้ มากถึง 257 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที โดยการปล่อยน้ำดังกล่าว ทางโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษากิ่วลม – กิ่วคอหมา จ.ลำปาง ประกาศว่า หากมีปริมาณฝนด้านท้ายเขื่อนไหลลงมาสมทบอีก ก็จะทำให้แม่น้ำวังเพิ่มระดับสูงขึ้น และกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ หมู่บ้านท้ายน้ำในเขต อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง 13 หมู่บ้าน กระจายใน 4 ตำบลของ อ.แจ้ห่ม ประกอบด้วย ต.ปงดอน , แจ้ห่ม , วิเชตนคร และบ้านสา ซึ่งปริมาณน้ำจะสูงในห้วงตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
สำหรับมวลน้ำดังกล่าว ที่ปล่อยระบายจากเขื่อนกิ่วคอหมา อ.แจ้ห่ม ก็จะไหลงไปยังเขื่อนกิ่วลม อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งขณะนี้เขื่อนกิ่วลม ก็มีปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากฝนที่ตกลงเหนือเขื่อน และลงมาสมทบ ทำให้มีน้ำล่าสุดขณะนี้ 88 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็น 83 % ของความจุ ทำให้ต้องมีการเร่งระบายด่วนลงสู่แม่น้ำวังในเขต อ.เมือง ในปริมาณ 320 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที มาตั้งแต่ เวลา 01.00 น. กลางดึก ที่ผ่านมา (25 ก.ย.67)
จึงส่งผลทำให้แม่น้ำวังในวันนี้ ที่ไหลผ่านเขต ต.บุญนาคพัฒนา ต.บ้านเสด็จ และ ต.พิชัย อ.เมือง รวมถึงเขตตัวเมืองลำปาง ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นแล้ว ขณะนี้กว่า 30 เซนติเมตร และมีการคาดการณ์ไว้ว่า จะสูงขึ้นถึง 85 เซนติเมตร
ซึ่งมวลน้ำที่มาดังกล่าวนั้น ทางเทศบาลนครลำปาง จึงต้องยกระดับการแจ้งเตือนภัย และการพร้อมรับมือ เพราะจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำวัง ที่ไหลผ่านตัวเมืองลำปาง อยู่ระดับสีแดง และอาจไปสู่ระดับวิกฤตล้นตลิ่งได้ หากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และมีน้ำฝน และน้ำป่าหลากลงมาสมทบอีก แต่เบื้องต้นพื้นที่ลุ่มต่ำในจุดเดิม คือ ตั้งแต่ชุมชนใต้สะพานเสตุวารี ชุมชนท่านางลอย , ชุมชนท่ามะโอ , ชุมชนริมแม่น้ำวัง เลียบถนนป่าไม้ , เลียบถนนเจริญประเทศ , ถนนปงสนุก , ถนนตลาดเก่า , ถนนทิพย์ช้าง และถนนดงไชย ทางเทศบาลคาดการณ์ไว้ ว่า ปริมาณน้ำจะสูงขึ้นถึง 1 เมตร ในวันนี้ โดยจะพีคสุด ขึ้นสูงสุดในช่วงบ่ายของวันนี้
จึงได้ประกาศให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว พร้อมรับมือขนย้ายสิ่งของมีค่า เครื่องใช้ และรถขึ้นสู่ที่สูง และที่ปลอดภัย โดยเทศบาลนครลำปาง ก็ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย และวาตภัยขึ้นที่เทศบาล พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์แม่น้ำวัง 100 % โดยขณะนี้ศูนย์อำนวยการที่ตั้งขึ้น ได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งด้านกำลังคน ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ ยารักษาโรค ถุงยังชีพ อาหาร และน้ำ เป็นต้น จึงขอให้ประชาชนขนย้ายยานพาหนะ ทรัพย์สินอุปกรณ์เครื่องใช้ขึ้นที่สูง เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งหมายเลขแจ้งเหตุสาธารณภัย เทศบาลนครลำปาง สายด่วน 199 ตลอด 24 ชั่วโมง
นันทนา โวย กมธ.กลับลำ ไม่เอา กม.ประชามติ ของสส. หวั่นได้รธน.ใหม่ไม่ทันสภาชุดนี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9429346
สว.นันทนา โวย กมธ. กลับลำ ไม่เอาร่าง กฎหมายประชามติ ของสส. เชื่อกระทบยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประวิงเวลา ไม่ทันสภาชุดนี้แน่
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภา นาง
นันทนา นันทวโรภาส สว. กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า สว.ประชุมกันเรื่องนี้เป็นครั้ง 5 แล้ว ที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกันเรื่องหลักการและเหตุผล ในการจะทำประชามติตามร่างการทำประชามติของสส.ที่ส่งมา คือเป็นแบบเสียงข้างมากปกติ เป็นเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์
แต่วันนี้มีการกลับมติ คือ กลับไปสนับสนุนการใช้แบบที่ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นข้อสังเกตว่าในการประชุมของกมธ.ที่ผ่านมาเราเห็นสอดคล้องกัน แล้วมาวันนี้กลับมีการให้ทบทวนมติของกมธ.ถึง 17 เสียง แต่มีเสียงเดียวคือตน ที่ให้คงร่างเดิมของสส. จึงถือเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างผิดปกติ
โดยการทำประชามตินั้น ควรเป็นการทำที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย และมีโอกาสที่จะเป็นจริงได้มากที่สุด คือการใช้เสียงข้างมากธรรมดาเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์ แต่วันนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงมติจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉะนั้น การทำพ.ร.บ.ประชามติถ้ามีเสียงค้านจากสว.ก็คงไม่สามารถทำได้ทันกับเวลาของการเลือกต้องท้องถิ่น ในเดือน ก.พ. 67
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นเกมที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่เกิดขึ้นทันสภาชุดนี้หรือไม่ นาง
นันทนา กล่าวว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นการทำให้กระบวนการยืดเยื้อออกไป เพราะหลังจากที่สว.ไม่เห็นชอบกับร่างของสส. ก็จะต้องมีการตั้งกมธ.ร่วมขึ้นมา
ดังนั้น นอกเหนือจากการยืดเยื้อออกไปแล้ว ความเป็นจริงที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นก็แทบไม่เห็นเลย โดยการตั้งกมธ.ร่วมก็ต้องมีการถกเถียงกันว่า จะมีมติเป็นอย่างไรในการแก้พ.ร.บ.ประชามตินี้ ซึ่งจะต้องใช้เวลามากกว่า 60 วันในการจะตั้งกมธ.ร่วม ก็จะเกินเวลาที่กำหนดไว้แล้ว
เมื่อถามว่ามองอย่างไรเมื่อตอนแรกทุกพรรคอยากให้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่มากลับมติ นาง
นันทนา กล่าวว่า มองในแง่ของสว. คงระบุเฉพาะเจาะจงไปที่พรรคใดพรรคหนึ่งที่มีแนวโน้มไม่อยากให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะกลุ่มของสว.จำนวนมากๆ นั้น ลงมติไปพร้อมเพรียงกันในลักษณะนั้น ก็เชื่อว่าอาจเป็นทิศทางของพรรคการเมืองนั้นที่ไม่อยากให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญภายในวาระสมัยของสภาชุดนี้
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อตั้งกมธ.ร่วมแล้วจะกลับไปใช้เสียงข้างมากแบบร่างของสส. นาง
นันทนา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกมธ.จะมองอย่างไร เพราะในสัดส่วนกมธ.ร่วมจะมีพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามา และพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลในส่วนของวุฒิสภาก็อาจจะกลายเป็นเสียงที่ไม่สนับสนุนแบบเสียงข้างมากธรรมดาก็ได้
เมื่อถามว่ามีบางพรรคการเมืองที่จะเริ่มถอยการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา นาง
นันทนา กล่าวว่า เข้าใจว่าพอมีการเสนอเรื่องนี้มาก็มีเสียงคัดค้านออกมา ก็อาจจะถอยออกมาแล้วไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้รายมาตราอาจจะเป็นอุปสรรคผ่านไปได้ยาก จึงอาจจะเป็นการถอยมาตั้งหลัก แต่ถ้าพ.ร.บ.ประชามติยืดเยื้อออกไปก็น่าจะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจจะยืดเยื้อ และไม่ทันสมัยของสภาชุดนี้
JJNY : น้ำยังท่วมถนนเชียงราย-เชียงใหม่│ฝนกระหน่ำหนัก คาดท่วมเมืองลำปาง│นันทนาโวย กมธ.กลับลำ│‘อนุปลาหมอคางดำฯ’ สรุปผล
https://www.matichon.co.th/region/news_4810463
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำป่าทะลักเข้าท่วมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 118 สายหลักระหว่าง จ.เชียงราย-เชียงใหม่ พื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พบว่า ล่าสุดระดับน้ำที่บ้านป่างิ้ว ต.ป่างิ้ว ได้ลดลงเล็กน้อยประมาณ 10 ซ.ม.ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงวางป้ายให้ระมัดระวังโดยเฉพาะรถเล็กไม่ควรสัญจรผ่านไปมายกเว้นรถยนต์กระบะขึ้นไป รวมทั้งแจ้งให้ใช้เส้นทางเลี่ยงจากบ้านหนองยาว-บ้านสันมะเค็ด ต.แม่เจดีย์ แทน อย่างไรก็ตามล่าสุดพบว่าน้ำได้เข้าท่วมถนนเพิ่มพื้นที่บ้านหนองยาวแล้ว
โดย สภ.เวียงป่าเป้า ได้แจ้งเตือนเวลา 07.47 น.วันเดียวกันนี้ว่า ฝนที่ตกลงมาเพิ่มเติมทำให้น้ำเข้าท่วมปากทางเข้าบ้านหนองยาวทำให้รถยนต์กระบะหรือรถใหญ่ยกสูงเท่านั้น จึงสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ส่วนรถเล็กหรือรถไฟฟ้ารวมทั้งรถจักรยานยนต์ ไม่ควรผ่านเส้นทางเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้เส้นทางเลี่ยงจากบ้านหนองยาวไปทางบ้านสันมะเค็ด-แม่ขะจาน พบว่าถนนถูกน้ำกัดเซาะจนดินทรุดตัวดังนั้นผู้ใช้เส้นทางต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มาก หรือหากไม่จำเป็นไม่ควรใช้เส้นทางนี้
ทั้งนี้น้ำป่าเริ่มเข้าท่วมถนนสายต่างๆ ดังกล่าวหลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า จนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ได้แก่บ้านป่าสัก บ้านสันปูเลย ต.ป่างิ้ว,บ้านเฟยไฮ บ้านสัน บ้านสันต่อ ต.บ้านโป่ง และบ้านป่าบง ต.เวียง มีบ้านเรือนริมฝั่งได้รับผลกระทบประมาณ 30 หลังคาเรือน เกิดดินไถลงตัวหรือสไลด์ทำให้ทั้งดินและต้นไม้หักโค่นขวางกั้นเส้นทางการจราจรในพื้นที่บ้านห้วยคุณพระ ต.แม่เจดีย์ใหม่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่เจดีย์ใหม่ และถนนสายเวียงป่าเป้า-พร้าว ขณะที่พื้นที่ใต้น้ำลาว ซึ่งรับน้ำจาก อ.เวียงเป่าเป้า ได้ไหลงต่อไปยัง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ทำให้บางพื้นที่เริ่มมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
ฝนกระหน่ำหนัก เขื่อนกิ่วคอหมา-กิ่วลม เกินความจุ แม่น้ำวังล้นตลิ่ง คาดท่วมเมืองลำปางวันนี้
https://www.matichon.co.th/region/news_4810379
เขื่อนกิ่วคอหมา เกินความจุ 110 % และกิ่วลม รับน้ำไม่ไหวแล้ว ปล่อยเต็มที่ 320 ลบ.ม./วินาที ตัวเมืองน้ำวังจะสูงขึ้นมากวันนี้ เทศบาลตั้งศูนย์เตรียมพร้อมช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ฝนยังตกหนัก
ลำปาง-วันที่ 25 กันยายน สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ 2 แห่งของกรมชลประทานในพื้นที่ จ.ลำปาง ในวันนี้ และสถานการณ์แม่น้ำวังในพื้นที่ ที่ไหลผ่านเขตตัวเมือง และในหลายๆ อำเภอของ จ.ลำปาง มีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก จากฝนที่ยังคงตกหนักลงมาตลอดคืนที่ผ่านมา จนถึงเช้าวันนี้ ก็ยังไม่หยุดตก ยังตกสะสมต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตอนบน ที่ผ่านมา โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ก็ทำให้น้ำทะลักลงสู่เขื่อนกิ่วคอหมา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง จนเกินความจุแล้วขณะนี้ ระดับน้ำอยู่ที่ 189 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็น 111 % ของความจุอ่าง โดยมีการเร่งระบายน้ำออกขณะนี้ มากถึง 257 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที โดยการปล่อยน้ำดังกล่าว ทางโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษากิ่วลม – กิ่วคอหมา จ.ลำปาง ประกาศว่า หากมีปริมาณฝนด้านท้ายเขื่อนไหลลงมาสมทบอีก ก็จะทำให้แม่น้ำวังเพิ่มระดับสูงขึ้น และกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ หมู่บ้านท้ายน้ำในเขต อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง 13 หมู่บ้าน กระจายใน 4 ตำบลของ อ.แจ้ห่ม ประกอบด้วย ต.ปงดอน , แจ้ห่ม , วิเชตนคร และบ้านสา ซึ่งปริมาณน้ำจะสูงในห้วงตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
สำหรับมวลน้ำดังกล่าว ที่ปล่อยระบายจากเขื่อนกิ่วคอหมา อ.แจ้ห่ม ก็จะไหลงไปยังเขื่อนกิ่วลม อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งขณะนี้เขื่อนกิ่วลม ก็มีปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากฝนที่ตกลงเหนือเขื่อน และลงมาสมทบ ทำให้มีน้ำล่าสุดขณะนี้ 88 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็น 83 % ของความจุ ทำให้ต้องมีการเร่งระบายด่วนลงสู่แม่น้ำวังในเขต อ.เมือง ในปริมาณ 320 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที มาตั้งแต่ เวลา 01.00 น. กลางดึก ที่ผ่านมา (25 ก.ย.67)
จึงส่งผลทำให้แม่น้ำวังในวันนี้ ที่ไหลผ่านเขต ต.บุญนาคพัฒนา ต.บ้านเสด็จ และ ต.พิชัย อ.เมือง รวมถึงเขตตัวเมืองลำปาง ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นแล้ว ขณะนี้กว่า 30 เซนติเมตร และมีการคาดการณ์ไว้ว่า จะสูงขึ้นถึง 85 เซนติเมตร
ซึ่งมวลน้ำที่มาดังกล่าวนั้น ทางเทศบาลนครลำปาง จึงต้องยกระดับการแจ้งเตือนภัย และการพร้อมรับมือ เพราะจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำวัง ที่ไหลผ่านตัวเมืองลำปาง อยู่ระดับสีแดง และอาจไปสู่ระดับวิกฤตล้นตลิ่งได้ หากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และมีน้ำฝน และน้ำป่าหลากลงมาสมทบอีก แต่เบื้องต้นพื้นที่ลุ่มต่ำในจุดเดิม คือ ตั้งแต่ชุมชนใต้สะพานเสตุวารี ชุมชนท่านางลอย , ชุมชนท่ามะโอ , ชุมชนริมแม่น้ำวัง เลียบถนนป่าไม้ , เลียบถนนเจริญประเทศ , ถนนปงสนุก , ถนนตลาดเก่า , ถนนทิพย์ช้าง และถนนดงไชย ทางเทศบาลคาดการณ์ไว้ ว่า ปริมาณน้ำจะสูงขึ้นถึง 1 เมตร ในวันนี้ โดยจะพีคสุด ขึ้นสูงสุดในช่วงบ่ายของวันนี้
จึงได้ประกาศให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว พร้อมรับมือขนย้ายสิ่งของมีค่า เครื่องใช้ และรถขึ้นสู่ที่สูง และที่ปลอดภัย โดยเทศบาลนครลำปาง ก็ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย และวาตภัยขึ้นที่เทศบาล พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์แม่น้ำวัง 100 % โดยขณะนี้ศูนย์อำนวยการที่ตั้งขึ้น ได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งด้านกำลังคน ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ ยารักษาโรค ถุงยังชีพ อาหาร และน้ำ เป็นต้น จึงขอให้ประชาชนขนย้ายยานพาหนะ ทรัพย์สินอุปกรณ์เครื่องใช้ขึ้นที่สูง เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งหมายเลขแจ้งเหตุสาธารณภัย เทศบาลนครลำปาง สายด่วน 199 ตลอด 24 ชั่วโมง
นันทนา โวย กมธ.กลับลำ ไม่เอา กม.ประชามติ ของสส. หวั่นได้รธน.ใหม่ไม่ทันสภาชุดนี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9429346
สว.นันทนา โวย กมธ. กลับลำ ไม่เอาร่าง กฎหมายประชามติ ของสส. เชื่อกระทบยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประวิงเวลา ไม่ทันสภาชุดนี้แน่
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภา นางนันทนา นันทวโรภาส สว. กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า สว.ประชุมกันเรื่องนี้เป็นครั้ง 5 แล้ว ที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกันเรื่องหลักการและเหตุผล ในการจะทำประชามติตามร่างการทำประชามติของสส.ที่ส่งมา คือเป็นแบบเสียงข้างมากปกติ เป็นเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์
แต่วันนี้มีการกลับมติ คือ กลับไปสนับสนุนการใช้แบบที่ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นข้อสังเกตว่าในการประชุมของกมธ.ที่ผ่านมาเราเห็นสอดคล้องกัน แล้วมาวันนี้กลับมีการให้ทบทวนมติของกมธ.ถึง 17 เสียง แต่มีเสียงเดียวคือตน ที่ให้คงร่างเดิมของสส. จึงถือเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างผิดปกติ
โดยการทำประชามตินั้น ควรเป็นการทำที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย และมีโอกาสที่จะเป็นจริงได้มากที่สุด คือการใช้เสียงข้างมากธรรมดาเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์ แต่วันนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงมติจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉะนั้น การทำพ.ร.บ.ประชามติถ้ามีเสียงค้านจากสว.ก็คงไม่สามารถทำได้ทันกับเวลาของการเลือกต้องท้องถิ่น ในเดือน ก.พ. 67
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นเกมที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่เกิดขึ้นทันสภาชุดนี้หรือไม่ นางนันทนา กล่าวว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นการทำให้กระบวนการยืดเยื้อออกไป เพราะหลังจากที่สว.ไม่เห็นชอบกับร่างของสส. ก็จะต้องมีการตั้งกมธ.ร่วมขึ้นมา
ดังนั้น นอกเหนือจากการยืดเยื้อออกไปแล้ว ความเป็นจริงที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นก็แทบไม่เห็นเลย โดยการตั้งกมธ.ร่วมก็ต้องมีการถกเถียงกันว่า จะมีมติเป็นอย่างไรในการแก้พ.ร.บ.ประชามตินี้ ซึ่งจะต้องใช้เวลามากกว่า 60 วันในการจะตั้งกมธ.ร่วม ก็จะเกินเวลาที่กำหนดไว้แล้ว
เมื่อถามว่ามองอย่างไรเมื่อตอนแรกทุกพรรคอยากให้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่มากลับมติ นางนันทนา กล่าวว่า มองในแง่ของสว. คงระบุเฉพาะเจาะจงไปที่พรรคใดพรรคหนึ่งที่มีแนวโน้มไม่อยากให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะกลุ่มของสว.จำนวนมากๆ นั้น ลงมติไปพร้อมเพรียงกันในลักษณะนั้น ก็เชื่อว่าอาจเป็นทิศทางของพรรคการเมืองนั้นที่ไม่อยากให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญภายในวาระสมัยของสภาชุดนี้
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อตั้งกมธ.ร่วมแล้วจะกลับไปใช้เสียงข้างมากแบบร่างของสส. นางนันทนา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกมธ.จะมองอย่างไร เพราะในสัดส่วนกมธ.ร่วมจะมีพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามา และพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลในส่วนของวุฒิสภาก็อาจจะกลายเป็นเสียงที่ไม่สนับสนุนแบบเสียงข้างมากธรรมดาก็ได้
เมื่อถามว่ามีบางพรรคการเมืองที่จะเริ่มถอยการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา นางนันทนา กล่าวว่า เข้าใจว่าพอมีการเสนอเรื่องนี้มาก็มีเสียงคัดค้านออกมา ก็อาจจะถอยออกมาแล้วไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้รายมาตราอาจจะเป็นอุปสรรคผ่านไปได้ยาก จึงอาจจะเป็นการถอยมาตั้งหลัก แต่ถ้าพ.ร.บ.ประชามติยืดเยื้อออกไปก็น่าจะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจจะยืดเยื้อ และไม่ทันสมัยของสภาชุดนี้