อยากสอบถามค่ะ พอดีว่าตัวเราได้มีการทะเลาะกับคู่กรณี ซึ้งก่อนหน้านี้ได้มีปัญหากันมาสักพักเมื่อวันเกิดเรื่อง เราเป็นหัวหน้า ส่วนคู่กรณีเป็นน้องพนักงาน ก่อนหน้านี้เราได้มีการบอกงานและตักเตือนงาน แต่น้องดูไม่พอใจ เป็นแบบนี้มานานพอสมควร เพราะปกติเราจะไม่ค่อยพูดหรือสอนบอกงานเขาเท่าไหร่ เพราะก่อนที่เราจะไม่ค่อยคุยกับน้องเพราะส่วนตัวน้องได้มีทำพฤติกรรมแสดงต่อต้าน เวลาสอนงานก็หันหน้าหนี ไม่มีเสียงตอบรับ ซึ้งทำให้ตัว้ราที่เป็นหัวหน้าพูดตรงๆเลยค่ะ ว่าไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่กับการกระทำแบบนี้ ส่วนตัวเราคิดว่าน้องไม่โอเครเรื่องส่วนตัวของเราค่ะ แต่เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว เราไม่เคยไปทำอะไรให้เขาเลย เพราะเราทำงานที่นี้มาพอสมควร แต่น้องพึ่งเข้ามา จากที่เก่าประวัติน้องก็ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผจก.ของเรา ก็เลือกลองรับเขามาดู เพราะไม่อยากตัดสินว่าเขาเป็นแบบนั้นจริงมั้ย แต่พอตั้งแต่รับเข้ามาน้องเริ่มจับกลุ่ม เราไม่รู้หรอกว่าน้องจะเอาใครไปพูดบ้างค่ะ แต่เราพอจะรู้ว่าเขาไม่โอเครกับเรื่องส่วนตัวด้วยเลยเอามารวมกับงาน เพราะเรามั่นใจค่ะว่าเเทบจะไม่ได้บด่าเรื่องงานเลย มีแต่เหมือนต้องร้องขอให้ทำงาน ผจก.น้องก็ต่อต้าน อยากถามว่าใครจะอยากสอนหรือตักเตือนคนแบบนี้ค่ะ นั้นแหละค่ะ ที่ทำงานของเรา มีผจก.1คน มีเรารองผจก.1และพี่อีกคนรองผจก.1คน หัวหน้ามี3คน วันก่อนเกิดเหตุ วันนั้นเราเข้ากะเดียวกับน้องเลิกพร้อมกัน แล้วเราเป็นหัวหน้าคุมงานช่วงดึก ต้องบอกก่อนว่า มี3กะ ของหัวหน้าค่ะ มีกะเช้า กะกลาง และกะดึกค่ะ เราอยู่กะดึก และวันนั้นเราอยู่กับน้อง น้องเตรียมปิดร้านก่อน3ทุ่ม เริ่มเก็บตั้งแต่ 5โมง ต้องบอกก่อนว่า น้องทราบว่าปิดร้านก่อนเวลาไม่ได้ และห้ามเตรียมเก็บก่อน3ทุ่ม และวันนั้นมีพี่รองผจก.คนที่เข้ากะกลาง ได้ถามน้องไปว่าทำไหมเก็บเร็วจัง ซึ้งน้องได้ยิน แหละก็หยุดชั่วคราว และพอพี่รองผจก.กะกลางกลับ น้องก็ได้ทำต่อ เก็บเตรียมปิดร้าน ซึ้งจริงๆเราเห็นก่อนหน้านั้นเหมือนกันว่าน้องเตรียมเก็บ5โมง เเต่เราก็ไม่อยากพูดเพราะน้องต่อต้านแน่ๆกับเราเพราะเราอายุห่างกับน้องเพียงแค่1ปี และเราก็เห็นว่าพี่อีกคนบอกแล้ว เราก็โอเครไม่ติดอะไร แต่พอพี่คนนั้นกลับน้องทำต่อเราก็รู้สึกว่าไม่โอเคร ตอนนั้นเรากำลังจะไปเข้าห้องน้ำ เราเห็นน้องล้างของที่ไม่ควรที่จะทำเวลานั้นเพราะของต้องนำมาใช้อีกถ้าลูกค้าเข้า เรามองว่ามันจะเป็นการทำงานซ้ำซ้อน แต่เราก็เดินออกจากร้านเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ เราเลยคิดทำไงถึงจะบอกเขาให้ไม่ปะทะต่อหน้า เพราะพูดตรงๆไม่อยากมีปัญหาเดิมเกิดขึ้นที่ไม่สนใจหรือหันหน้าหนี เราเลยทักลงกลุ่มไลน์พนักงานที่มีแต่พนักงานและหัวหน้า ทักไปว่า ยังไม่3ทุ่มไม่ควรเก็บของก่อนนะ มันก็เป็นแบบเดิมค่ะ น้องไม่พอใจ ถ้าน้องพอใจมันจะไม่เป็นประเด็น เพราะหลังจากนั้นน้องพยายามพิมพ์อธิบายในส่วนของเขาลงในกลุ่ม ซึ้งเรามองว่าน้องไม่ได้มีความสำนึกและยังพูดย้อนแย้ง เราเลยขอไม่ฟังเพราะมันผิดตั้งแต่คุณรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ทำแล้ว ค่ะ พอวันถัดจากวันนั้น เราก็ทำงานปกติ ไม่มีไรเพราะเราพยายามมองผ่านไป พูดเรื่องงานก็คือจบ เรามาทำงานต่างคนต่างทำงาน ในเมื่อมันคุยกันไม่ได้ก็เลี่ยงให้มากที่สุดเราคิดแค่นั้น เราโดนน้องทำตัวประพฤติแบบนี้มาบ่อยจนบ้างครั้งไม่ไหวมาระบายให้คนในครอบครัวฟัง ร้องไห้กับคำว่า เราไปทำอะไรให้ เพราะเราไม่เคยรู้จักกันเลยมาก่อน เราเคลียดเราเบื่อ ผจก.น้องก็ไม่ให้เกียรติ น้องจับกลุ่มหาพวก เอาจริงๆก่อนไม่มีน้องเข้ามาเราอยู่กันแบบมีความสุขมากค่ะ ทำงานกันไม่มีปัญหา แล้วสรุปเลยค่ะ วันนั้นเราก็จะพักทานข้าว เราพัก4โมง แต่น้องพัก3โมง และมีเวลาพักกัน1ชั่วโมง และน้องกำลังจะเข้างาน ส่วนเรากำลังจะพัก เราก็ออกไปซื้อข้าวเข้ามา จะมาทานให้ร้านที่โต๊ะ เราก็เดินเฉียงหลบให้น้อง ส่วนน้องเอาศอกดันหลังเราจนเราเซไปข้างหน้า ณ ตอนนั้นเราไม่โอเครมากๆเลยค่ะ เลยเดินไปถามเป็นอะไร ทำมั้ยต้องมาเดินชน น้องบอกว่าก็ยืนอยู่ ตอนนั้นเราโมโห และผลักไหล่น้อง ขอพูดตรงนี้เลยว่า ผลักไม่แรง แต่สุดท้ายก็คือผลัก ก็ผิดอยู่ดี แล้วน้องก็พุ่งเข่ามา กระชากหัวเราทันที เราก็กระชากกลับดึงกันไปดึงกันมา สุดท้ายมีคนจับแยก ผจก.นั่งคุยเรียกคุย สุดท้ายไปจบที่เข้าใจผิดกัน และเราก็ขอโทษน้องที่ผลักก่อน ส่วนน้องดูปกติ เครียกันตรงนั้นแล้ว พูดถึงอาการบาดเจ็บเจ็บทั้งคู่ ไม่ถึงสาหัสทั้งคู่ เพราะแค่จิกผมกัน ยังไม่ได้ทำอย่างอื่นเพิ่ม หลังจากวันนั้น น้องไปแจ้งความว่าเราทำร้ายร่างกาย จนถึงวันนี้ น้องจะเรียกค่าชดเชยของน้อง คิด1 แสนบาท แบบนี้เราควรทำยังไงค่ะ เราปรึกษาทนายมาตลอดตั้งแต่แรกๆแหล่ะค่ะ แต่ว่าไม่คิดว่าจะขนาดนี้
ทะเลาะวิวาทกันต่างฝ่ายต่างลงมือ แต่เราเริ่ม แล้วเขาก็ลงมือคืนและกระชากหัวกันไปมา แบบนี้เรียกว่าเราทำร้ายร่างกายหรือไม่ค่