ขอรบกวนช่วยแนะนำโรงพยาบาลที่รักษาดี ให้หน่อยคะ เราเป็นผู้ประกันตน ม.39 อยู่โซนหนองแขม และต่องการเปลี่ยนสถานพยาบาล เลยต้องการคำแนะนำจากหลายๆท่านช่วยแนะนำ
เดิมทีแล้วใช้โรงพยาบาลหนึ่ง (ตรงเส้นเอกชัยบางบอน ด้านข้างสพาน) มาหลายปี แต่ครั้งนี้คิดจะเปลี่ยนเพราะประสพมากับตนเองและรับไม่ได้กับที่นี้
และอยากเตือนคนที่คิดจะเลือรพ. นี้ด้วย เราป่วยหนักแต่ครั้งแรกๆอาการบ่งชี้แต่ไม่หนักเหมือนตอนนี้ และที่ไปตรวจที่นี่ตรวจหาสาเหตุไม่เจอและวินิจฉัยโรคไปทางอื่น ไปตรวจหมอ ตาหูคอจมูกวินิจฉัยเราเป็นกรดไหลย้อน และวินิจฉัยเราเป้นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
จนทำให้ปัจจุบันเรามีอาการเยอะและรับการรักษาช้าไป เราเป็นเนื้องอกปมประสาทในครั้งนี้รพ.ต้นทางรักษาไม่ได้ และได้ทำเรื่องเราส่งต่อ
ไปโรงพยาบาลในเครือที่contact แต่ไม่มีรพ.ไหนรับเรารักษาเพราะเป็นเคลสยากและต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็ว
สุดท้ายได้รพ.จุฬาฯ รับไว้รักษาคะ จนผ่าตัดเรียบร้อยแต่เคสเราไมาสามารถผ่าตัดก้อนเนื้อออกได้หมด กาการตอนนี้คือเหมือนคนลิ้นไก่สั้นพูดไม่ชัด ลิ้นเบี้ยวดีขึ้นกว่าเดิมบ้างหลังจากผ่าตัด เสียงแหบแห้ง บางวันก็พูดไม่ค่อยมีเสียงเลย ทานอาหารต้องระวังไม่ให้สำลัก
แต่จู่ๆรพ.ต้นทางจะไม่ส่งต่อและบอกจะดูเคสเราเอง ซึ่งเราเคยได้ไปนั่งคุยกับผอ.ของรพ.ต้นทาง เป็นผอ.ที่ดูส่วนประกันสังคมของรพ. นี้
ใจความว่า เหมือนค่ารักษาของเราที่เสียให้กับรพ.จุฬาฯนั้นมีหลายอย่าง ขอขยายความตรงคำว่าหลายอย่างจริง
เป็นการตรวจเพื่อจะผ่าตัดเราเคสยาดต้องพบคุณหมอผุ้เชี่ยวชาญหลายด้านเนื้องอกๆออกมาจากเส้นประสาทและติดกับเส้นเหลือใหย่ตรงคอ
จะไม่สามารถพลาดได้เลยถ้าพลาดหมายถึงชีวิตเราเลย ต้องมีการสอดท่ออุตเส้นเลือดบริเวณรอบๆจุดที่จะทำการผ่าตัดเพราะเราเลือดน้อยหรือเลือจางนั้นเองตรงนี้สำคัญเช่นกันป้องกันไม่ให้คนไข้เสียเลือดมาก เราทึ่งกันรพ.จุฬาฯมากจุดนี้ เพราะวันที่ทำการอุตเส้นเลือดต้องลุ้นอีกว่าทำสำเร็จไหมหากไม่สำเร็จเราก็ไม่ได้ผ่าตัด
ผอ.เขาพูดมาประมาณไม่อยากจะเสียให้รพ.อื่น เพราะก่อนหน้าไม่ว่ารพ.จุฬาฯ จะมีให้เราทำหัตถการ
โรงพยาบาลต้นทางจะไม่ยอมให้เราไปทำที่นั้นจะขอทำเองแล้วเอาผลต่างๆถือไปรพ.จุฬาฯ เราเข้าใจว่าผลประโยชน์
แต่การที่เรารักษาเกี่ยวพันอยู่แล้วจะไม่ให้ไปต่อเกินไปคุณไม่ได้คำนึงถึงคนไข้และเราเองก็ยังคงเฝ้าดูอาการและติดตามอาการทุก3เดือน
อีกทั้งรพ.ต้นทางไม่มีศักยภาพในการดูแลเคสเราแต่ต้องการรั้งคนไข้ไว้รักษาเองไม่ถูกต้องขนาดคุณหมอเจ้าของไข้เดิมเราที่รักษาของรพ.ต้นทางนั้น
ยังไม่เห็นด้วยเลย บอกจะส่งต่อเราให้คุณหมอมะเร็งดู แต่เราไม่ได้เป็นมะเร็งทุกคนเราเป็นเนื้องอกปมประสาทและมีอีกเยอะมาก
เราไม่ต้องการใช้สิทธิ์รักษาที่นี่แล้ว ถึงที่ใหม่ที่จะเลือกอาจจะไม่ดีมากแต่ก็ขอเปลี่ยนดีกว่าเพราะรับไม่ได้กับผอ.ศูนย์นี้ค่ะจากการที่เรียกเราเข้าไปคุยถึง2รอบ พูดวนๆซ้ำๆไม่รุมาเป็นผอ.ได้ยังไง
การรักษาควรคำนึงถึงคนไข้เป็นหลัก แถมยังให้เราไปขอรพ.จุฬาฯเป็นเคสศึกษาอีกจะได้ไม่ต้องเสียงเงิน แต่เคสเรารพ.จุฬาฯก็ขอไว้แล้วและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขอทำวิจัยต่อแล้วโดยทางสภากาชาดไทยเป็นผู้ออกให้ทั้งสิ้นด้วย เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
คุณหมอทางรพ.จุฬาฯ ยังคงให้เราคอบพบ
1)อจ.หมอไทรอยด์เพื่อดูฮอร์โมนถึงความผิดปกตืของเนื้องอกหรือไม่
2)คุณหมอรังสีรักษาดูผล MRT ทุก3เดือน
3)อจ.หมอศัลกรรมประสาทเจ้าของไข้ที่ผ่าตัดรักษาให้เรา ติดตามอาการทุก1ปี
4)หมอนิทราเวชศาสตร์ จะพบดูอาการครั้งแรกนี้มีนัดต้นปี 68 ตรวจผลกระทบจากการผ่าตัดมีอาการนอนกรนมากทุกการนอน กรนจนเสียงแหบ
แต่ทั้งหมดนี้ต้นทางไม่ให้ไปรักษาต่อที่รพ.จุฬาฯแล้วค่ะ
ช่วยแนะนำโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมหน่อยคะ ต้องการเปลี่ยนสิทธิ์สถานพยาบาล
เดิมทีแล้วใช้โรงพยาบาลหนึ่ง (ตรงเส้นเอกชัยบางบอน ด้านข้างสพาน) มาหลายปี แต่ครั้งนี้คิดจะเปลี่ยนเพราะประสพมากับตนเองและรับไม่ได้กับที่นี้
และอยากเตือนคนที่คิดจะเลือรพ. นี้ด้วย เราป่วยหนักแต่ครั้งแรกๆอาการบ่งชี้แต่ไม่หนักเหมือนตอนนี้ และที่ไปตรวจที่นี่ตรวจหาสาเหตุไม่เจอและวินิจฉัยโรคไปทางอื่น ไปตรวจหมอ ตาหูคอจมูกวินิจฉัยเราเป็นกรดไหลย้อน และวินิจฉัยเราเป้นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
จนทำให้ปัจจุบันเรามีอาการเยอะและรับการรักษาช้าไป เราเป็นเนื้องอกปมประสาทในครั้งนี้รพ.ต้นทางรักษาไม่ได้ และได้ทำเรื่องเราส่งต่อ
ไปโรงพยาบาลในเครือที่contact แต่ไม่มีรพ.ไหนรับเรารักษาเพราะเป็นเคลสยากและต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็ว
สุดท้ายได้รพ.จุฬาฯ รับไว้รักษาคะ จนผ่าตัดเรียบร้อยแต่เคสเราไมาสามารถผ่าตัดก้อนเนื้อออกได้หมด กาการตอนนี้คือเหมือนคนลิ้นไก่สั้นพูดไม่ชัด ลิ้นเบี้ยวดีขึ้นกว่าเดิมบ้างหลังจากผ่าตัด เสียงแหบแห้ง บางวันก็พูดไม่ค่อยมีเสียงเลย ทานอาหารต้องระวังไม่ให้สำลัก
แต่จู่ๆรพ.ต้นทางจะไม่ส่งต่อและบอกจะดูเคสเราเอง ซึ่งเราเคยได้ไปนั่งคุยกับผอ.ของรพ.ต้นทาง เป็นผอ.ที่ดูส่วนประกันสังคมของรพ. นี้
ใจความว่า เหมือนค่ารักษาของเราที่เสียให้กับรพ.จุฬาฯนั้นมีหลายอย่าง ขอขยายความตรงคำว่าหลายอย่างจริง
เป็นการตรวจเพื่อจะผ่าตัดเราเคสยาดต้องพบคุณหมอผุ้เชี่ยวชาญหลายด้านเนื้องอกๆออกมาจากเส้นประสาทและติดกับเส้นเหลือใหย่ตรงคอ
จะไม่สามารถพลาดได้เลยถ้าพลาดหมายถึงชีวิตเราเลย ต้องมีการสอดท่ออุตเส้นเลือดบริเวณรอบๆจุดที่จะทำการผ่าตัดเพราะเราเลือดน้อยหรือเลือจางนั้นเองตรงนี้สำคัญเช่นกันป้องกันไม่ให้คนไข้เสียเลือดมาก เราทึ่งกันรพ.จุฬาฯมากจุดนี้ เพราะวันที่ทำการอุตเส้นเลือดต้องลุ้นอีกว่าทำสำเร็จไหมหากไม่สำเร็จเราก็ไม่ได้ผ่าตัด
ผอ.เขาพูดมาประมาณไม่อยากจะเสียให้รพ.อื่น เพราะก่อนหน้าไม่ว่ารพ.จุฬาฯ จะมีให้เราทำหัตถการ
โรงพยาบาลต้นทางจะไม่ยอมให้เราไปทำที่นั้นจะขอทำเองแล้วเอาผลต่างๆถือไปรพ.จุฬาฯ เราเข้าใจว่าผลประโยชน์
แต่การที่เรารักษาเกี่ยวพันอยู่แล้วจะไม่ให้ไปต่อเกินไปคุณไม่ได้คำนึงถึงคนไข้และเราเองก็ยังคงเฝ้าดูอาการและติดตามอาการทุก3เดือน
อีกทั้งรพ.ต้นทางไม่มีศักยภาพในการดูแลเคสเราแต่ต้องการรั้งคนไข้ไว้รักษาเองไม่ถูกต้องขนาดคุณหมอเจ้าของไข้เดิมเราที่รักษาของรพ.ต้นทางนั้น
ยังไม่เห็นด้วยเลย บอกจะส่งต่อเราให้คุณหมอมะเร็งดู แต่เราไม่ได้เป็นมะเร็งทุกคนเราเป็นเนื้องอกปมประสาทและมีอีกเยอะมาก
เราไม่ต้องการใช้สิทธิ์รักษาที่นี่แล้ว ถึงที่ใหม่ที่จะเลือกอาจจะไม่ดีมากแต่ก็ขอเปลี่ยนดีกว่าเพราะรับไม่ได้กับผอ.ศูนย์นี้ค่ะจากการที่เรียกเราเข้าไปคุยถึง2รอบ พูดวนๆซ้ำๆไม่รุมาเป็นผอ.ได้ยังไง
การรักษาควรคำนึงถึงคนไข้เป็นหลัก แถมยังให้เราไปขอรพ.จุฬาฯเป็นเคสศึกษาอีกจะได้ไม่ต้องเสียงเงิน แต่เคสเรารพ.จุฬาฯก็ขอไว้แล้วและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขอทำวิจัยต่อแล้วโดยทางสภากาชาดไทยเป็นผู้ออกให้ทั้งสิ้นด้วย เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
คุณหมอทางรพ.จุฬาฯ ยังคงให้เราคอบพบ
1)อจ.หมอไทรอยด์เพื่อดูฮอร์โมนถึงความผิดปกตืของเนื้องอกหรือไม่
2)คุณหมอรังสีรักษาดูผล MRT ทุก3เดือน
3)อจ.หมอศัลกรรมประสาทเจ้าของไข้ที่ผ่าตัดรักษาให้เรา ติดตามอาการทุก1ปี
4)หมอนิทราเวชศาสตร์ จะพบดูอาการครั้งแรกนี้มีนัดต้นปี 68 ตรวจผลกระทบจากการผ่าตัดมีอาการนอนกรนมากทุกการนอน กรนจนเสียงแหบ
แต่ทั้งหมดนี้ต้นทางไม่ให้ไปรักษาต่อที่รพ.จุฬาฯแล้วค่ะ