วันนี้เราจะมาดูกันคับว่า
ทำไม ทฤษฏีผลประโยชน์ของ พิชัย จาวลา ไม่มีความน่าเชื่อถือในการใช้งานเทรดจริง
หากใช้งาน ทฤษฏีผลประโยชน์ เพียวๆ
หรือดู กราฟเทคนิก+VI ประกอบ
แต่ไม่ยอมทำตามที่ปัจจัย กราฟเทคนิก+VI ชี้ฟ้องเป็นหลัก
*************************************************************************************************************************************
Part A : วิจารณ์ข้อเสียที่ร้ายแรงของตัว ทฤษฏีผลประโยชน์ ในแง่การใช้งานกับการเทรดจริง / ตลาดจริง ไม่ว่าจะเป็น ตลาด หุ้น คริปโต Forex
แต่ในที่นี้เราจะพูดถึง ตลาดหุ้นไทย ที่ พิชัย จาวลา อ้างตัวว่า เทรดตลาดนี้เป็นหลัก และได้กำไรมหาศาลจากตลาดนี้เป็นหลัก
ทฤษฏีผลประโยชน์ของ พิชัย จาวลา
เดิมที คือ ทฤษฏี Contrarian Investing ที่ต่างประเทศเคยแผยแพร่มาก่อน
แล้ว พิชัย จาวลา ไปหยิบเอาแนวคิดทฤษฏีนี้
มาเผยแพร่ในไทยผ่านสื่อ โดยใช้ชื่อว่า ทฤษฏีผลประโยชน์ แทน
จะได้ดูเหมือนเป็นของตัวเอง
แม้เจ้าตัวจะเคยออกมายอมรับว่า ได้ไปหยิบเอาแนวคิด ทฤษฏี Contrarian Investing ลอกจำมาแปลงโฉมเผยแพร่เป็นทฤษฏีตัวเองในไทยก็ตาม
โดยแนวคิดของทั้ง ทฤษฏีผลประโยชน์ ก็ไม่มีอะไรมาก
แค่การพยายามเป็นผู้ชนะในตลาด คนส่วนน้อย 3% ตามที่ พิชัย จาวลา ใช้ตัวเลขสถิติสมมุตินี้เป็นประจำ
ด้วยการ เทรดแบบแทงสวน เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ 97% กำลังวิเคราะห์และทำตามมันอยู่
เริ่มวิจารณ์ข้อเสียของการใช้งาน ทฤษฏีผลประโยชน์ ของ พิชัย จาวลา ในแง่การใช้กับการเทรดจริง / ตลาดจริง (หมายถึง ตลาดหุ้นไทย)
1. การวิเคราะห์เหตุผลของคนส่วนใหญ่ 97% ของ พิชัย จาวลา เวลาเขาใช้งาน ทฤษฏีผลประโยชน์ คือ การมโนแทน วอลุ่มคนส่วนใหญ่ในตลาดเอาเอง
จากสถิติ หรือ แหล่งอ้างอิงในการเก็บสถิติ / สุ่มตัวอย่าง ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ก่อนจะไปเรื่อง แหล่งอ้างอิงในการเก็บสถิติ / สุ่มตัวอย่าง ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
มาดูก่อนว่า เหตุผลของคนส่วนใหญ่ในแง่ทฤษฏีผลประโยชน์ ของ พิชัย จาวลา นั้นเป็นยังไง
สมมุติ คุณ หรือ พิชัย จาวลา กำลังหาเหตุผลมาวิเคราะห์ตลาดด้วยทฤษฏีผลประโยชน์อยู่ จะได้เหตุผลดังต่อไปนี้
(เคสสมุตินี้ ไม่ได้หมายถึง ตลาดหุ้นไทย หรือ SET ในช่วง วันเดือนปีเวลา ไหนทั้งนั้น แค่สมมุติให้เห็นภาพการวิเคราะห์ด้วยทฤษฏีผลประโยชน์)
*เหตุผลของสาย VI
1.1 ถ้าเศรษฐกิจกำลังแย่ลง / GDP ลดลง เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.2 ถ้าเศรษฐกิจกำลังแย่ลง / อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.3 ถ้าเศรษฐกิจกำลังแย่ลง / อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น / ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ส่วนทางกับ GDP ที่ลดลง ส่อแว่วเศรษฐกิจไทยจะเกิดการถดถอย
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.4 ถ้า ค่าเงินบาท USD/THB แข็งค่ามากขึ้น เสี่ยงเงินลงทุนต่างชาติไหลออกนอกไทย ไปลงทุนในประเทศอื่นแทน
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.5 ถ้า แบงค์ชาติไทย ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อใช้นโยบายการเงิน กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ส่อแว่วเศรษฐกิจไทยจะเกิดการถดถอย
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
*เหตุผลของสาย อ่านกราฟเทคนิก
1.6 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET เกิด Chart Pattern
ประเภท กลับตัวจาก เทรนขาขึ้น กลายเป็น เทรนขาลง ชัดเจนพอดี เช่น Head and Shoulder / Double Top / Triple Top / ...
หรือ
ประเภท เทรนขาลง ยังไม่จบ ยังลงต่อได้อีก ชัดเจนพอดี เช่น Descending Triangle (สามเหลี่ยงลงต่อ) / Flag (รูปธงลงต่อ) / ...
ซึ่งเป็น Chart Pattern ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.7 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET เกิด รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Pattern)
ประเภท กลับตัวจาก เทรนขาขึ้น กลายเป็น เทรนขาลง ชัดเจนพอดี เช่น Engulfing / Shooting Sar / Evening Star / ...
หรือ
ประเภท เทรนขาลง ยังไม่จบ ยังลงต่อได้อีก ชัดเจนพอดี เช่น Marubozu / Falling Three Method / ...
ซึ่งเป็น Candlestick Pattern ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.8 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET อยู่ในสถานะคลื่น Elliott Wave
เป็น Wave 5 Trending Impluse เทรนขาขึ้น แล้วใกล้จบ Wave5 เตรียมกลับตัวเป็นเทรนขาลง
หรือ
อยู่กลาง Sub Wave 5 Trending Impluse เตรียมจะลงต่อไป Wave 4 5 ให้จบเทรนขาลง พอดี
(ไม่ขอพูดถึง Pattern Wave กลับตัวจาก ขาขึ้น เป็น ขาลง / ขาลงยังไม่จบ แล้วลงต่อ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจมันดีพอนะคับ เดียวจะ งง กันหมด)
ซึ่งเป็น Pattern Wave ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.9 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET ขึ้นไปชน แนวต้านใหญ่ระดับ TF Day ขึ้นไป ที่มีความแข็งแกร่งสูงในเชิงเทคนิกคอล พอดี
มีโอกาสกลับตัวเป็นขาลงรอบใหญ่สูงมาก
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.10 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET ในอินดิเคเตอร์ ประเภทดังต่อไปนี้
- อินดิเคเตอร์ ประเภทฟ้องเทรน เช่น EMA / MACD / ... ใน TF Day ขึ้นไป เส้นบน ตัด เส้นล่าง
ฟ้องว่า SET อาจกลับตัวจาก เทรนขาขึ้น เป็น ขาลง / ขาลงยังลงไม่จบ พึงเริ่มต้นเทรนขาลง
- อินดิเคเตอร์ ประเภทฟ้องแรงซื้อแรงขายต่อสู้กันในตลาด และเหมาะกับ Sildway เช่น RSI / STO / ... ใน TF Day ขึ้นไป
เกิดสัญญาณ Overbought เช่น RSI เกินเส้น 70
ฟ้องว่า SET อาจกลับตัวจาก เทรนขาขึ้น เป็น ขาลง
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
โดยหาก ใคร หรือ พิชัย จาวลา ต้องการเทรดตาม ทฤษฏีผลประโยชน์ ตามเหตุผลทั้ง 10 ข้อ (เหตุผมสมมุติจากที่ พิชัย ชอบวิเคราะห์แนวนี้บ่อยๆ) พวกนี้
จำเป็นต้องมองเป็น Zone Buy ไม่ใช่ Zone Sell อย่างที่ เหตุผล 10 ข้อ พวกนี้ฟ้อง
หรือ อาจจะไม่จำเป็นต้องฟ้องว่า มีโอกาสกลับตัวเป็นเทรนขาลง หรือ เทรนขาลงยังลงต่อไม่จบ ลงต่อได้อีก
แบบนี้ทั้ง 10 ข้อก็ได้ ขอค่มีเหตุผลฟ้องว่า ยังไง SET ต้องลงแรง อย่างน้อยเกิน 70% หรือ 7 ใน 10 ข้อนี้ ขึ้นไป
ให้ คุณ สามารถมองเป็น Zone Sell และหาจังหวะเข้า Sell ได้เลย
รวมทั้งตัว พิชัย จาวลา ยังไงก็ต้อง Sell แน่ๆ ถ้าทำตามทฤษฏีผลประโยชน์ของเขาละก็นะคับ
โอเคผมวิเคราะห์ให้ทุกคนดูจบละ
ที่นี้มาถึงเหตุผลที่ ทฤษฏีผลประโยชน์ไม่เหมาะกับใช้งานกับการเทรดจริง / ตลาดจริง บ้างแล้วคับ
เพื่อไม่ งง กัน ข้อต่อข้อ 2
2. (จากข้อ 1) การวิเคราะห์จากกฏ 70% ของเหตุผลทั้งหมด หรือ 7 ใน 10 ข้อ ไปในทิศทางไหน แล้วให้แทงสวนเหตุผลพวกนั้น
แล้วอ้างว่านี้เป็น วอลุ่มคนส่วนใหญ่ / พอร์ตคนส่วนใหญ่ ในตลาดใช้ตัดสินใจในการเทรด นั้น เป็นการแหล่งข้อมูลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
จากตัวอย่างสมมุติ ข้อ 1 คุณก็น่าจะได้เห็นแล้วว่า ต่อให้มีเหตุผลฟ้องว่า SET จะลงแรง 7 ใน 10 ข้อ
แต่ข้อมูลที่ พิชัย จาวลา ไปเสพ / หยิบยก มานั้น มาจากแหล่งดังนี้
ข้อมูลสาย VI มาจาก Facebook / Youtube / ... / Social Media เว็ปต่างๆ / หรือแม้แต่ คนรอบตัวในชีวิตจริงของเขา
(เพราะเขาชอบอ้างว่า ไปนำข้อมุลมาจากแหล่งพวกนี้ประจำ)
ซึ่งข้อมูลตามแหล่งพวกนี้ เป็นเพียง พอร์ตหุ้นไทยของคนส่วนน้อย ไม่ถึง ครึ่งหนึ้งของทั้งหมด 100% ด้วยซ้ำ
ในแง่การเก็บข้อมูลสถิติแล้วนี้ถึง ว่า ไม่มีความน่าเชื่อถือในการนำมาบอกว่า กราฟ SET จะต้องเป็นไปตามนี้อย่างรุนแรง
ข้อมูลสาย กราฟเทคนิก มาจาก กราฟใน Trading View / Steamming โดยการที่ พิชัย จาวลา จะมโนเอาเองว่า
คนส่วนใหญ่จะต้องมองว่า กราฟ SET จะลงแรง เพราะเหตุผลข้อ 1.6 - 1.10 ตามที่บอกไป
ซึ่งเป็นการมโนเอาเอง ไม่มีทางรู้ได้ว่า คนส่วนใหญ่เขามองแบบนั้นจริงๆกันเกินครึ่งของตลาดหรือไม่
เพราะไม่ได้เห็นวอลุ่มการซื้อขายของทั้งตลาดซะหน่อย
แถมยังไม่นับรวม เรื่อง ที่สายเทคนิกเหมือนกันแต่สามารถมอง ข้อ 1.6 - 1.10 ต่างกันได้อีก
หรือ
จำนวนเงินไหล่เข้าออกไทยจากโบรคเกอร์ ก็ไปหยิบของที่โบรกหุ้นวิเคราะห์แล้วมาใช้งาน
ก็มีโอกาสที่จะโดนโบรกเตรียมกับเจ้ามือปลอมข้อมูลได้บางส่วนอยู่ดี
3. (จากข้อ 1-2) ทฤษฏีผลประโยชน์ จึงมี Bias สูงมากจากการวิเคราะห์ลักษณะนี้ ทั้งวิเคราะห์จาก VI+เทคนิก
มีโอกาสคลาดเคลื่อนจากค่าสถิติที่ถูกต้องจริงๆ สูงมาก
เพราะวิเคราะห์แล้วมโนแทนคนส่วนใหญ่ แบบนี้ ไม่ต่างจากการ มโน แทนคนส่วนใหญ่เอาเอง
นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ไม่มีใครสามารถใช้ ทฤษฏีผลประโยชน์ เพียงอย่างเดียว ในการเทรดได้จริงๆ
สุดท้ายคุณเชื่อไหมว่า คุณต้องใช้ ปัจจัย สาย VI หรือ สาย เทคนิก เป็นหลัก แล้วสามารถอยู่รอด ทำกำไรจากตลาดหุ้นไทย ได้อย่างยั่งยืนอยู่ดี
ไม่ใช่ การวิเคราะห์ทฤษฏีผลประโยชน์ สุดมโน เพียงอย่างเดียว แล้วจะทำกำไรจากตลาดหุ้นไทยได้อย่างยั่งยืนแน่นอน
ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงทำให้ ทฤษฏีผลประโยชน์ เป็นการวิะคราห์ที่ เลือนลอย "จับต้องไม่ได้ในการใช้งานจริงเลย"
ผมจึงไม่แนะนำให้ใครเอา ทฤษฏีผลประโยชน์ ไปใช้งานจริงเพียงอย่างเดียวโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของพอร์ตทุกคนด้วย
*************************************************************************************************************************************
Part B : วิจารณ์ตัว พิชัย จาวลา และการพูดออกสื่อ รวมทั้งพฤติกรรมของเขา ในการเผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ มาเกิน 10 ปี
เกรินก่อนว่า พิชัย จาวลา ได้มีการเผยแพร่และโม้ถึงความทรงพลังของ ทฤษฏีผลประโยชน์ ออกสื่อมาเกิน 10 ปีแล้ว
แถมยังโม้ว่า ตนเอง รวยจากการทำ อสังหา + เทรดหุ้นไทย ด้วยทฤษฏีผลประโยชน์ มาก่อนหน้าที่จะเผยแพร่แล้ว
และเขาบอกว่า มาเผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ เพราะอยากช่วยเหลือ เม่ารายย่อยคนไทย ให้มากที่สุด
1. ตั้งแต่ พิชัย จาวลา เผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ ออกสื่อ มาเกิน 10 ปี จนถึงปัจจุบัน
เราจะแทบไม่เคยเห็นเขา โชว์ พอร์ตหุ้น ของเขาเลยซักครั้ง ว่า ได้กำไรหุ้นตัวไหน กี่ % บ้าง ได้ Buy ที่ราคา เท่าไหร่บ้าง
มีแต่โม้ถึงว่า ทรงพลัง และวิเคราะห์ตลาดด้วย ทฤษฏีผลประโยชน์ ให้ทุกคนฟัง
ซึ่งนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะเท่ากับ เขาไม่มีหลักฐาน ว่า ตัวเขาเอง ได้กำไรจาก ทฤษฏีผลประโยชน์ จริงๆ
ถ้าตัวเจ้าของ ทฤษฏีผลประโยชน์ ยังไม่มีผลงานการเทรดโชว์ให้เห็นชัดเจนออกสื่อ
แล้วจะพิสูจน์ได้ยังไงว่า ทฤษฏีผลประโยชน์ มันนำไปเทรดได้เทพจริง ?
2. เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา อยู่ๆ
พิชัย จาวลา ก็เปิดขายคอร์ส ทฤษฏีผลประโยชน์ หัวละเกือบ 30000 บาท/หัว ขึ้นมา
https://www.facebook.com/SuperTraderRepublic/photos/a.1708057572782268/3340026819585327/?paipv=0&eav=AfavgV5FCTLTWLACdU7_a8CP5DnO6naQIGoConiGbxff7C3OGVYiLdTK5guV02KA-04&_rdr
คนรวยจาก การทำอสังหา + เทรดหุ้น จริง จะมาขายคอร์สราคาแพงขนาดนี้หรอคับ
แถมเขายังเคยบอกอีกว่า อยากมาเผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ เพราะอยากช่วยเหลือ เม่ารายย่อยคนไทย ให้มากที่สุด
มันจึงย้อนแย้งกับสิ่งที่เขาพูดมาตลอดอย่างมาก
นั้นทำให้เกิดข้อสงสัยใน ทฤษฏีผลประโยชน์ ไปด้วยว่า ใช้งานกับการเทรดจริงได้ดีไหม
เพราะขนาดตัวเจ้าของทฤษฏี ปัจจุบันยังมาขายคอร์สเลยคับ ทั้งๆที่เผยแพร่และอ้างว่า ใช้ทฤษฏีนี้มาตั้งนาน
3. พิชัย จาวลา เวลาออกสื่อ
วิเคราะห์ตลาดด้วย ทฤษฏีผลประโยชน์
ชอบพูดแต่คำคม และ น้ำซะส่วนใหญ่ ไม่สามารถทำให้รายย่อยไทยส่วนใหญ่ นำไปลอกจำทำตามคำสอนเขาได้
เช่น คิดแบบครอนตัม / ลงทุนด้วยใจว่าง / กราฟซ้อนกราฟ (ที่แทบไม่อ่านกราฟให้ดูเนี่ยนะ)
@@@@@@@@@@@@
ทำไมถึงเชื่อ ทฤษฏี ของคนแบบนี้คับ
ทฤษฏีผลประโยชน์ของ พิชัย จาวลา ไม่มีความน่าเชื่อถือในการใช้งานเทรดจริง หากใช้งานเพียวๆ ไม่ทำตาม เทคนิก+VI เป็นหลัก
ทำไม ทฤษฏีผลประโยชน์ของ พิชัย จาวลา ไม่มีความน่าเชื่อถือในการใช้งานเทรดจริง
หากใช้งาน ทฤษฏีผลประโยชน์ เพียวๆ
หรือดู กราฟเทคนิก+VI ประกอบ
แต่ไม่ยอมทำตามที่ปัจจัย กราฟเทคนิก+VI ชี้ฟ้องเป็นหลัก
*************************************************************************************************************************************
Part A : วิจารณ์ข้อเสียที่ร้ายแรงของตัว ทฤษฏีผลประโยชน์ ในแง่การใช้งานกับการเทรดจริง / ตลาดจริง ไม่ว่าจะเป็น ตลาด หุ้น คริปโต Forex
แต่ในที่นี้เราจะพูดถึง ตลาดหุ้นไทย ที่ พิชัย จาวลา อ้างตัวว่า เทรดตลาดนี้เป็นหลัก และได้กำไรมหาศาลจากตลาดนี้เป็นหลัก
ทฤษฏีผลประโยชน์ของ พิชัย จาวลา
เดิมที คือ ทฤษฏี Contrarian Investing ที่ต่างประเทศเคยแผยแพร่มาก่อน
แล้ว พิชัย จาวลา ไปหยิบเอาแนวคิดทฤษฏีนี้
มาเผยแพร่ในไทยผ่านสื่อ โดยใช้ชื่อว่า ทฤษฏีผลประโยชน์ แทน
จะได้ดูเหมือนเป็นของตัวเอง
แม้เจ้าตัวจะเคยออกมายอมรับว่า ได้ไปหยิบเอาแนวคิด ทฤษฏี Contrarian Investing ลอกจำมาแปลงโฉมเผยแพร่เป็นทฤษฏีตัวเองในไทยก็ตาม
โดยแนวคิดของทั้ง ทฤษฏีผลประโยชน์ ก็ไม่มีอะไรมาก
แค่การพยายามเป็นผู้ชนะในตลาด คนส่วนน้อย 3% ตามที่ พิชัย จาวลา ใช้ตัวเลขสถิติสมมุตินี้เป็นประจำ
ด้วยการ เทรดแบบแทงสวน เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ 97% กำลังวิเคราะห์และทำตามมันอยู่
เริ่มวิจารณ์ข้อเสียของการใช้งาน ทฤษฏีผลประโยชน์ ของ พิชัย จาวลา ในแง่การใช้กับการเทรดจริง / ตลาดจริง (หมายถึง ตลาดหุ้นไทย)
1. การวิเคราะห์เหตุผลของคนส่วนใหญ่ 97% ของ พิชัย จาวลา เวลาเขาใช้งาน ทฤษฏีผลประโยชน์ คือ การมโนแทน วอลุ่มคนส่วนใหญ่ในตลาดเอาเอง
จากสถิติ หรือ แหล่งอ้างอิงในการเก็บสถิติ / สุ่มตัวอย่าง ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ก่อนจะไปเรื่อง แหล่งอ้างอิงในการเก็บสถิติ / สุ่มตัวอย่าง ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
มาดูก่อนว่า เหตุผลของคนส่วนใหญ่ในแง่ทฤษฏีผลประโยชน์ ของ พิชัย จาวลา นั้นเป็นยังไง
สมมุติ คุณ หรือ พิชัย จาวลา กำลังหาเหตุผลมาวิเคราะห์ตลาดด้วยทฤษฏีผลประโยชน์อยู่ จะได้เหตุผลดังต่อไปนี้
(เคสสมุตินี้ ไม่ได้หมายถึง ตลาดหุ้นไทย หรือ SET ในช่วง วันเดือนปีเวลา ไหนทั้งนั้น แค่สมมุติให้เห็นภาพการวิเคราะห์ด้วยทฤษฏีผลประโยชน์)
*เหตุผลของสาย VI
1.1 ถ้าเศรษฐกิจกำลังแย่ลง / GDP ลดลง เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.2 ถ้าเศรษฐกิจกำลังแย่ลง / อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.3 ถ้าเศรษฐกิจกำลังแย่ลง / อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น / ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ส่วนทางกับ GDP ที่ลดลง ส่อแว่วเศรษฐกิจไทยจะเกิดการถดถอย
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.4 ถ้า ค่าเงินบาท USD/THB แข็งค่ามากขึ้น เสี่ยงเงินลงทุนต่างชาติไหลออกนอกไทย ไปลงทุนในประเทศอื่นแทน
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.5 ถ้า แบงค์ชาติไทย ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อใช้นโยบายการเงิน กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ส่อแว่วเศรษฐกิจไทยจะเกิดการถดถอย
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
*เหตุผลของสาย อ่านกราฟเทคนิก
1.6 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET เกิด Chart Pattern
ประเภท กลับตัวจาก เทรนขาขึ้น กลายเป็น เทรนขาลง ชัดเจนพอดี เช่น Head and Shoulder / Double Top / Triple Top / ...
หรือ
ประเภท เทรนขาลง ยังไม่จบ ยังลงต่อได้อีก ชัดเจนพอดี เช่น Descending Triangle (สามเหลี่ยงลงต่อ) / Flag (รูปธงลงต่อ) / ...
ซึ่งเป็น Chart Pattern ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.7 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET เกิด รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Pattern)
ประเภท กลับตัวจาก เทรนขาขึ้น กลายเป็น เทรนขาลง ชัดเจนพอดี เช่น Engulfing / Shooting Sar / Evening Star / ...
หรือ
ประเภท เทรนขาลง ยังไม่จบ ยังลงต่อได้อีก ชัดเจนพอดี เช่น Marubozu / Falling Three Method / ...
ซึ่งเป็น Candlestick Pattern ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.8 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET อยู่ในสถานะคลื่น Elliott Wave
เป็น Wave 5 Trending Impluse เทรนขาขึ้น แล้วใกล้จบ Wave5 เตรียมกลับตัวเป็นเทรนขาลง
หรือ
อยู่กลาง Sub Wave 5 Trending Impluse เตรียมจะลงต่อไป Wave 4 5 ให้จบเทรนขาลง พอดี
(ไม่ขอพูดถึง Pattern Wave กลับตัวจาก ขาขึ้น เป็น ขาลง / ขาลงยังไม่จบ แล้วลงต่อ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจมันดีพอนะคับ เดียวจะ งง กันหมด)
ซึ่งเป็น Pattern Wave ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.9 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET ขึ้นไปชน แนวต้านใหญ่ระดับ TF Day ขึ้นไป ที่มีความแข็งแกร่งสูงในเชิงเทคนิกคอล พอดี
มีโอกาสกลับตัวเป็นขาลงรอบใหญ่สูงมาก
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
1.10 ถ้าในช่วง วันเดือนปีเวลา นั้น กราฟ SET ในอินดิเคเตอร์ ประเภทดังต่อไปนี้
- อินดิเคเตอร์ ประเภทฟ้องเทรน เช่น EMA / MACD / ... ใน TF Day ขึ้นไป เส้นบน ตัด เส้นล่าง
ฟ้องว่า SET อาจกลับตัวจาก เทรนขาขึ้น เป็น ขาลง / ขาลงยังลงไม่จบ พึงเริ่มต้นเทรนขาลง
- อินดิเคเตอร์ ประเภทฟ้องแรงซื้อแรงขายต่อสู้กันในตลาด และเหมาะกับ Sildway เช่น RSI / STO / ... ใน TF Day ขึ้นไป
เกิดสัญญาณ Overbought เช่น RSI เกินเส้น 70
ฟ้องว่า SET อาจกลับตัวจาก เทรนขาขึ้น เป็น ขาลง
ทำให้ เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่ มองว่า SET อาจเข้าสู่เทรนขาลงเต็มตัว อาจมีผลทำให้ ดัชนี้ตลาดหุ้นไทย SET ลดลง
โดยหาก ใคร หรือ พิชัย จาวลา ต้องการเทรดตาม ทฤษฏีผลประโยชน์ ตามเหตุผลทั้ง 10 ข้อ (เหตุผมสมมุติจากที่ พิชัย ชอบวิเคราะห์แนวนี้บ่อยๆ) พวกนี้
จำเป็นต้องมองเป็น Zone Buy ไม่ใช่ Zone Sell อย่างที่ เหตุผล 10 ข้อ พวกนี้ฟ้อง
หรือ อาจจะไม่จำเป็นต้องฟ้องว่า มีโอกาสกลับตัวเป็นเทรนขาลง หรือ เทรนขาลงยังลงต่อไม่จบ ลงต่อได้อีก
แบบนี้ทั้ง 10 ข้อก็ได้ ขอค่มีเหตุผลฟ้องว่า ยังไง SET ต้องลงแรง อย่างน้อยเกิน 70% หรือ 7 ใน 10 ข้อนี้ ขึ้นไป
ให้ คุณ สามารถมองเป็น Zone Sell และหาจังหวะเข้า Sell ได้เลย
รวมทั้งตัว พิชัย จาวลา ยังไงก็ต้อง Sell แน่ๆ ถ้าทำตามทฤษฏีผลประโยชน์ของเขาละก็นะคับ
โอเคผมวิเคราะห์ให้ทุกคนดูจบละ
ที่นี้มาถึงเหตุผลที่ ทฤษฏีผลประโยชน์ไม่เหมาะกับใช้งานกับการเทรดจริง / ตลาดจริง บ้างแล้วคับ
เพื่อไม่ งง กัน ข้อต่อข้อ 2
2. (จากข้อ 1) การวิเคราะห์จากกฏ 70% ของเหตุผลทั้งหมด หรือ 7 ใน 10 ข้อ ไปในทิศทางไหน แล้วให้แทงสวนเหตุผลพวกนั้น
แล้วอ้างว่านี้เป็น วอลุ่มคนส่วนใหญ่ / พอร์ตคนส่วนใหญ่ ในตลาดใช้ตัดสินใจในการเทรด นั้น เป็นการแหล่งข้อมูลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
จากตัวอย่างสมมุติ ข้อ 1 คุณก็น่าจะได้เห็นแล้วว่า ต่อให้มีเหตุผลฟ้องว่า SET จะลงแรง 7 ใน 10 ข้อ
แต่ข้อมูลที่ พิชัย จาวลา ไปเสพ / หยิบยก มานั้น มาจากแหล่งดังนี้
ข้อมูลสาย VI มาจาก Facebook / Youtube / ... / Social Media เว็ปต่างๆ / หรือแม้แต่ คนรอบตัวในชีวิตจริงของเขา
(เพราะเขาชอบอ้างว่า ไปนำข้อมุลมาจากแหล่งพวกนี้ประจำ)
ซึ่งข้อมูลตามแหล่งพวกนี้ เป็นเพียง พอร์ตหุ้นไทยของคนส่วนน้อย ไม่ถึง ครึ่งหนึ้งของทั้งหมด 100% ด้วยซ้ำ
ในแง่การเก็บข้อมูลสถิติแล้วนี้ถึง ว่า ไม่มีความน่าเชื่อถือในการนำมาบอกว่า กราฟ SET จะต้องเป็นไปตามนี้อย่างรุนแรง
ข้อมูลสาย กราฟเทคนิก มาจาก กราฟใน Trading View / Steamming โดยการที่ พิชัย จาวลา จะมโนเอาเองว่า
คนส่วนใหญ่จะต้องมองว่า กราฟ SET จะลงแรง เพราะเหตุผลข้อ 1.6 - 1.10 ตามที่บอกไป
ซึ่งเป็นการมโนเอาเอง ไม่มีทางรู้ได้ว่า คนส่วนใหญ่เขามองแบบนั้นจริงๆกันเกินครึ่งของตลาดหรือไม่
เพราะไม่ได้เห็นวอลุ่มการซื้อขายของทั้งตลาดซะหน่อย
แถมยังไม่นับรวม เรื่อง ที่สายเทคนิกเหมือนกันแต่สามารถมอง ข้อ 1.6 - 1.10 ต่างกันได้อีก
หรือ
จำนวนเงินไหล่เข้าออกไทยจากโบรคเกอร์ ก็ไปหยิบของที่โบรกหุ้นวิเคราะห์แล้วมาใช้งาน
ก็มีโอกาสที่จะโดนโบรกเตรียมกับเจ้ามือปลอมข้อมูลได้บางส่วนอยู่ดี
3. (จากข้อ 1-2) ทฤษฏีผลประโยชน์ จึงมี Bias สูงมากจากการวิเคราะห์ลักษณะนี้ ทั้งวิเคราะห์จาก VI+เทคนิก
มีโอกาสคลาดเคลื่อนจากค่าสถิติที่ถูกต้องจริงๆ สูงมาก
เพราะวิเคราะห์แล้วมโนแทนคนส่วนใหญ่ แบบนี้ ไม่ต่างจากการ มโน แทนคนส่วนใหญ่เอาเอง
นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ไม่มีใครสามารถใช้ ทฤษฏีผลประโยชน์ เพียงอย่างเดียว ในการเทรดได้จริงๆ
สุดท้ายคุณเชื่อไหมว่า คุณต้องใช้ ปัจจัย สาย VI หรือ สาย เทคนิก เป็นหลัก แล้วสามารถอยู่รอด ทำกำไรจากตลาดหุ้นไทย ได้อย่างยั่งยืนอยู่ดี
ไม่ใช่ การวิเคราะห์ทฤษฏีผลประโยชน์ สุดมโน เพียงอย่างเดียว แล้วจะทำกำไรจากตลาดหุ้นไทยได้อย่างยั่งยืนแน่นอน
ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงทำให้ ทฤษฏีผลประโยชน์ เป็นการวิะคราห์ที่ เลือนลอย "จับต้องไม่ได้ในการใช้งานจริงเลย"
ผมจึงไม่แนะนำให้ใครเอา ทฤษฏีผลประโยชน์ ไปใช้งานจริงเพียงอย่างเดียวโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของพอร์ตทุกคนด้วย
*************************************************************************************************************************************
Part B : วิจารณ์ตัว พิชัย จาวลา และการพูดออกสื่อ รวมทั้งพฤติกรรมของเขา ในการเผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ มาเกิน 10 ปี
เกรินก่อนว่า พิชัย จาวลา ได้มีการเผยแพร่และโม้ถึงความทรงพลังของ ทฤษฏีผลประโยชน์ ออกสื่อมาเกิน 10 ปีแล้ว
แถมยังโม้ว่า ตนเอง รวยจากการทำ อสังหา + เทรดหุ้นไทย ด้วยทฤษฏีผลประโยชน์ มาก่อนหน้าที่จะเผยแพร่แล้ว
และเขาบอกว่า มาเผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ เพราะอยากช่วยเหลือ เม่ารายย่อยคนไทย ให้มากที่สุด
1. ตั้งแต่ พิชัย จาวลา เผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ ออกสื่อ มาเกิน 10 ปี จนถึงปัจจุบัน
เราจะแทบไม่เคยเห็นเขา โชว์ พอร์ตหุ้น ของเขาเลยซักครั้ง ว่า ได้กำไรหุ้นตัวไหน กี่ % บ้าง ได้ Buy ที่ราคา เท่าไหร่บ้าง
มีแต่โม้ถึงว่า ทรงพลัง และวิเคราะห์ตลาดด้วย ทฤษฏีผลประโยชน์ ให้ทุกคนฟัง
ซึ่งนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะเท่ากับ เขาไม่มีหลักฐาน ว่า ตัวเขาเอง ได้กำไรจาก ทฤษฏีผลประโยชน์ จริงๆ
ถ้าตัวเจ้าของ ทฤษฏีผลประโยชน์ ยังไม่มีผลงานการเทรดโชว์ให้เห็นชัดเจนออกสื่อ
แล้วจะพิสูจน์ได้ยังไงว่า ทฤษฏีผลประโยชน์ มันนำไปเทรดได้เทพจริง ?
2. เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา อยู่ๆ
พิชัย จาวลา ก็เปิดขายคอร์ส ทฤษฏีผลประโยชน์ หัวละเกือบ 30000 บาท/หัว ขึ้นมา
https://www.facebook.com/SuperTraderRepublic/photos/a.1708057572782268/3340026819585327/?paipv=0&eav=AfavgV5FCTLTWLACdU7_a8CP5DnO6naQIGoConiGbxff7C3OGVYiLdTK5guV02KA-04&_rdr
คนรวยจาก การทำอสังหา + เทรดหุ้น จริง จะมาขายคอร์สราคาแพงขนาดนี้หรอคับ
แถมเขายังเคยบอกอีกว่า อยากมาเผยแพร่ ทฤษฏีผลประโยชน์ เพราะอยากช่วยเหลือ เม่ารายย่อยคนไทย ให้มากที่สุด
มันจึงย้อนแย้งกับสิ่งที่เขาพูดมาตลอดอย่างมาก
นั้นทำให้เกิดข้อสงสัยใน ทฤษฏีผลประโยชน์ ไปด้วยว่า ใช้งานกับการเทรดจริงได้ดีไหม
เพราะขนาดตัวเจ้าของทฤษฏี ปัจจุบันยังมาขายคอร์สเลยคับ ทั้งๆที่เผยแพร่และอ้างว่า ใช้ทฤษฏีนี้มาตั้งนาน
3. พิชัย จาวลา เวลาออกสื่อ
วิเคราะห์ตลาดด้วย ทฤษฏีผลประโยชน์
ชอบพูดแต่คำคม และ น้ำซะส่วนใหญ่ ไม่สามารถทำให้รายย่อยไทยส่วนใหญ่ นำไปลอกจำทำตามคำสอนเขาได้
เช่น คิดแบบครอนตัม / ลงทุนด้วยใจว่าง / กราฟซ้อนกราฟ (ที่แทบไม่อ่านกราฟให้ดูเนี่ยนะ)
@@@@@@@@@@@@
ทำไมถึงเชื่อ ทฤษฏี ของคนแบบนี้คับ