สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ขอตอบในฐานะคนเป็นลูกที่เคยอายุ 12 นะคะ
คุณแม่เราเป็นเหมือนคุณแม่เลยค่ะ คือ ไม่ค่อยพูด
และที่จริง อาจจะไม่ต้องใช้คำพูดมากมายเลยนะคะคุณแม่ เพราะสิ่งที่คุณแม่ทำเป็นตัวอย่างให้น้องเห็นนั่นมันทำให้น้องเป็นอย่างที่น้องเป็นทุกวันนี้ แปลว่าคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีน้องถึงได้เป็นอย่างนี้ไงคะ
แต่คุณแม่เราเข้าใจ เหมือนคุณแม่เข้าใจ ว่าการเลี้ยงต้นไม้สักต้น มันไม่ใช่แค่การมีดินที่ดีแล้วก็แค่รดน้ำไปเรื่อยก็พอแล้ว เราเชื่อว่าคนเป็นแม่รู้เวลาที่จะต้องใส่ปุ๋ยและไม่เคยละเลยถ้าเห็นว่ามีวัชพืชที่ต้องถอนทิ้ง หรือช่วงที่มีพายุหนักแล้วจะต้องหาเอาไม้เอาเสามาค้ำมาประคองต้นไม้ต้นนี้ให้ผ่านพายุไปได้
คุณแม่เราเอง มีวิธีใส่ปุ๋ยโดยใช้วิธีขอบคุณและขอโทษเราค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป็นคำขอบคุณที่มามาพร้อมกับคำชมแบบอัตโนมัติ คนให้และคนได้รับไม่เขินอายทั้งคู่แต่ appreciate กันและกันแบบเข้าใจง่ายด้วย
เป็นการชมแบบเรียบง่ายตามความเป็นจริง เหมือนที่เราชมคุณแม่เราว่ากับข้าวอร่อยจังค่ะ คุณแม่เก่งจัง ถักผมให้หนูสวยจังเลยค่ะ หรือ ขอบคุณแม่จ๋าที่เอาก้างปลาออกให้หนูนะคะ ขอบคุณที่แม่ซื้อจ๋าที่ผลไม้อันนี้แล้วปอกไว้ให้หนูในตู้เย็นนะหนูตื่นมาเห็นหนูดีใจมากเลย
เห็นไหมคะว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแม่อาจจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ คนเป็นลูกก็อาจจะได้รับจนไม่ได้รู้สึกว่าแม่ทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องกลับมาทำนั่นนี่ให้ ต่างคนต่างสมควรได้รับคำขอบคุณค่ะ
คุณแม่เราสร้างนิสัยแบบนี้ให้เราคือ รู้จักพิจรณาในสิ่งที่เกิดรอบตัว เราถึงจะได้เรียนรู้ที่จะซาบซึ้งใจในสิ่งที่คนอื่นทำให้ทั้งที่เค้าไม่ทำก็ได้ ให้รู้จักขอบคุณบ่อย บ่อย รู้จักบอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ว่าเราดีใจแค่ไหนในสิ่งที่เขาทำและเราก็อยากทำให้เขาในสิ่งเดียวกัน
🌻
มันเป็นการสอนที่ไม่ต้องมานั่งบอกกันน่ะค่ะ รวมไปถึงการขอโทษด้วย ที่อาจจะเป็นการขอโทษที่ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดแต่หลายครั้งเป็นการขอโทษเพราะไม่ได้รักษาน้ำใจหรือเป็นการแสดงออกให้รู้ว่าเรารู้ว่าเรายังทำได้ไม่ดีพอ อยากขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจหรือทำอะไรให้ได้อย่างที่อยากจะทำให้ เช่น ขอโทษที่ไม่ได้มีเวลาให้ ขอโทษที่ไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็นด้วย ขอโทษที่ไม่สามารถทำช่วยสอนการบ้านได้
คุณแม่เราทั้งขอบคุณทั้งขอโทษแต่ไม่ได้สร้างความรำคาญหรือทำให้เรารู้สึกว่าแม่เราไม่เก่งเท่าแม่ของใครหรืออ่อนแอเลย
เรื่องพวกนี้มันต่อยอดไปถึงเรื่องที่เราไม่กลัวที่จะคุยกับคุณแม่เราทุกเรื่อง เราไม่กลัวว่าคุณแม่จะดุหรือจะตัดสินเรา ด้วยพื้นฐานความรักในครอบครัวที่หนักแน่นและแสดงออกเราให้กันและกันรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องที่เราจะชมกันแต่มันเป็นการบอกเล่าความรู้สึกและแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจซึ่งกันและกัน
•
ยกตัวอย่างที่คุณแม่เรามักจะพูดนะคะ “ขอบคุณที่ไม่เคยทำให้แม่หนักใจ,ขอบคุณที่ทำตัวดี ดีไม่ดื้อไม่เกเร,ขอบคุณที่เข้าใจแม่และไม่เรียกร้องงอแงเรื่องอะไรเลย, ขอบคุณที่อดทนกับแม่นะคะ แม่เคยเป็นแม่มาก่อนแต่แม่มีลูกสาวเป็นเราคนแรก แม่ขอบคุณที่ให้อภัยในเรื่องที่แม่ไม่ได้ทำถูกไปทุกเรื่อง แต่แม่ก็กำลังเรียนรู้อยู่นะคะ, ขอบคุณมากที่เกิดมาเป็นลูกแม่นะ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ คุณแม่เราไม่อายและไม่ลืมที่จะบอกว่าภูมิใจแค่ไหนที่มีเราและคุณแม่รักเรามากนะ” (กรณีของคุณแม่ อาจจะบอกน้องเพิ่มอีกหน่อยว่าขอบคุณที่เป็นพี่ชายที่แสนดี ขอบคุณที่เป็นสุภาพบุรุษและขอบคุณที่ช่วยแม่ดูแลน้อง)
เนี่ยค่ะ เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่กล้าดื้อไม่กล้าซน(เท่าไร)ไปด้วย โดยที่คุณแม่ไม่ต้องมาห้ามเราว่าอย่าทำแบบนั้นห้ามทำแบบนี้
คนเป็นแม่ทำให้ความรักในครอบครัวหนักแน่น และสิ่งที่คุณแม่แสดงเป็นตัวอย่างให้น้อง น้องเห็นมันสร้างความเข้มแข็งสร้างกำลังใจให้เขารู้ว่าสิ่งที่เค้าทำและเป็นอยู่นั้นมันดีงามและทำให้คนที่เ้ารักและรักเค้ามีความสุข
• •
ถึงวันที่เค้าโตขึ้นแล้วโลกข้างนอกมันจะใจร้ายกับเค้าได้มากมายหลายทางในหลายแบบ แต่สิ่งที่คุณแม่ให้เค้าในวันนี้มันจะเป็นเกราะคุ้มกันคุ้มภัยและเป็นกำลังใจที่สำคัญที่ให้เค้าจะไม่อยากเป็นคนอื่น ไม่อยากเป็นคนไม่ดี แต่เค้าจะเป็นคนที่ดีแบบที่เค้าเป็นอยู่ และโลกภายนอกนั้นจะทำอะไรเค้าไม่ได้ต่อให้วันที่คุณแม่ไม่อยู่แล้ว
คุณแม่อย่าอายที่จะกอดกอดหรือบอกรักน้องนะคะ อย่าคิดว่าการชมมันเป็นสิ่งจอมปลอมเสมอไป เพราะถ้าเรื่องที่ชมเป็นเรื่องจริงที่มามาจากน้ำใสใจจริง คนฟังเค้ารู้สึกได้มองเห็นได้ด้วยหัวใจค่ะ
สิ่งที่ดีที่สุดอีกอย่างที่คุณแม่จะให้ได้และเราคิดว่าคุณแม่ทำอยู่แล้วคือ ไม่เปรียบเทียบน้องกับใครทั้งนั้น ไม่สร้างความกดดันว่าน้องจะต้องดีเด่นจะต้องแข่งขัน หรือต้องรู้สึกว่าต้องดีกว่าคนอื่นเก่งกว่าคนอื่นต้องเอาชนะคนอื่นคุณแม่ถึงจะชมหรืออะไรก็ตาม
บางคนใช้วิธีนี้กดดันลูกแล้วคิดว่าเพื่อเป็นสร้างความทะเยอทะยานให้เด็ก
ทั้งที่น้อง น้องจะสร้างมันขึ้นเองเมื่ออยากได้อะไรซักอย่างในวันที่น้องโตขึ้นและเรียนรู้วิธีที่จะได้อะไรมาด้วยความสามารถและการไม่กดขี่หรือฉกฉวยเอามาจากคนอื่น
พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องให้เค้าเรียนรู้ถึงมันจากความคาดหวังและความกดดันเท่านั้นพอ
😟
เพราะการเปรียบเทียบ มีแต่จะสร้างนิสัยให้เป็นคนขี้อิจฉาริษยาคนอื่น แถมเด็กจะไม่นับถือและไม่ภูมิใจในตัวเอง รวมถึงจะไม่นับถือคนอื่นไปด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าอันนี้คุณแม่ก็ทราบ แต่อีกหลาย หลายครอบครัวพ่อแม่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าทำอะไรกับลูกกันลงไปบ้าง
หรือคนที่โตมาแบบที่ยังขี้อิจฉาริษยาคนอื่นทั้งแบบที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวก็มีอยู่มากในสังคม เพราะตอนเด็กถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้นก็โตมาเป็นผู้ใหญ่ในแบบนี้แล้วก็เลี้ยงลูกหลานต่อไปในแบบเดียวกัน
ถูกเปรียบเทียบจนไม่พอใจไม่ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น (ซึ่งอาจจะเกิดมาจากครอบครัวจากคนที่เลี้ยงดูหรือเกิดจากอุปนิสัยส่วนตัวตัวเองกันก็ได้ด้วย) ในความขาดแคลนคุณแม่กับน้องกลับไม่เคยเอามาเป็นเหตุผลในการไปอิจฉาคนอื่นและสามารถเปลี่ยนมันเป็นความรักความเข้มแข็งให้กันและกันได้ คุณแม่เก่งมาก มาก แล้วนะคะ

คุณแม่ลองขอบคุณน้องในเรื่องเล็กน้อยให้ได้ทุกวันนะคะ เริ่มจากวันนี้เลยค่ะ เพิ่มเป็น to do list แบบ daily ของคุณแม่ไปได้เลย ว่าอย่าลืมขอบคุณและบอกให้น้องรู้ว่าคุณแม่รักเค้า โดยที่ไม่ต้องเจาะจงหรือตั้งใจชมก็ได้ค่ะ เช่น อาจจะขอบคุณน้องที่ช่วยแม่เอาขยะไปทิ้ง ขอบคุณที่ช่วยแม่ล้างจาน แม่ทำงานกลับมาเหนื่อยแม่ไม่ต้องทำแล้วและบอกให้เค้ารู้ว่ามันแบ่งเบาภาระภาระแม่ และแม่ขอบคุณและทราบซึ้งใจแค่ไหน ต่อให้มันจะเป็นเรื่องธรรมดาเล็กน้อยแค่ไหนก้อขอบคุณได้นะคะ
เพราะคุณแม่สามารถให้ภูมิต้านทานและความแข่งแกร่งกับน้องได้มากกว่าคำชม แบบที่คุณแม่อาจจะคิดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ
ต้นไม้ทุกต้นก็คงอยากรู้ว่าคนที่เฝ้าเลี้ยงดูรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้เค้ารักเค้ามากแค่ไหนเหมือนกันค่ะ ต่อให้จะรู้ด้วยการกระทำ แต่บางทีเราก็อยากมั่นใจและได้ยินรวมถึงได้รับการสัมผัสด้วยความรักด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่นนะคะ
ขอขอบคุณคุณแม่อีกครั้งที่ผลิตประชากรที่ดีและดูแลน้องอย่างดี ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องและเราเชื่อว่าน้องจะเติบโตเป็นคนที่ดีในสังคมค่ะ (เรื่องที่คุณแม่พูดไม่เพราะ มันก็ยังสามารถแก้ไขได้ค่ะ ในเมื่อคุณแม่ทราบแล้วว่าคุณแม่พูดไม่เพราะก็พยายามใช้คำที่อ่อนโยนขึ้นไม่เลือกคำที่ไม่เพราะและใช้น้ำเสียงที่น่าฟัง น้องน้องจะใจฟูขึ้นไปอีกค่ะ)
คุณแม่ทราบใช่ไหมคะว่าความฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ของลูกนั้นส่วนใหญ่ก็มาจากคุณแม่ และการที่เด็กมีเบ้าหลอมแบบไหนเค้าก็จะ projects ออกมาแบบนั้น มัน represent ถึงการเลี้ยงดูมาได้ระดับนึงด้วยนะคะ คุณแม่เองอย่าลืมอย่าลืมขอบคุณตัวเองด้วยนะคะ 😺
หวังว่าสิ่งที่เราตั้งใจพิมพ์จะเป็นกำลังใจให้คุณแม่และเป็นไอเดียให้คุณแม่ไปใส่ปุ๋ยให้น้อง น้องนะคะ 😸
ขอตอบในฐานะคนเป็นลูกที่เคยอายุ 12 นะคะ
คุณแม่เราเป็นเหมือนคุณแม่เลยค่ะ คือ ไม่ค่อยพูด
และที่จริง อาจจะไม่ต้องใช้คำพูดมากมายเลยนะคะคุณแม่ เพราะสิ่งที่คุณแม่ทำเป็นตัวอย่างให้น้องเห็นนั่นมันทำให้น้องเป็นอย่างที่น้องเป็นทุกวันนี้ แปลว่าคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีน้องถึงได้เป็นอย่างนี้ไงคะ
แต่คุณแม่เราเข้าใจ เหมือนคุณแม่เข้าใจ ว่าการเลี้ยงต้นไม้สักต้น มันไม่ใช่แค่การมีดินที่ดีแล้วก็แค่รดน้ำไปเรื่อยก็พอแล้ว เราเชื่อว่าคนเป็นแม่รู้เวลาที่จะต้องใส่ปุ๋ยและไม่เคยละเลยถ้าเห็นว่ามีวัชพืชที่ต้องถอนทิ้ง หรือช่วงที่มีพายุหนักแล้วจะต้องหาเอาไม้เอาเสามาค้ำมาประคองต้นไม้ต้นนี้ให้ผ่านพายุไปได้
คุณแม่เราเอง มีวิธีใส่ปุ๋ยโดยใช้วิธีขอบคุณและขอโทษเราค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป็นคำขอบคุณที่มามาพร้อมกับคำชมแบบอัตโนมัติ คนให้และคนได้รับไม่เขินอายทั้งคู่แต่ appreciate กันและกันแบบเข้าใจง่ายด้วย
เป็นการชมแบบเรียบง่ายตามความเป็นจริง เหมือนที่เราชมคุณแม่เราว่ากับข้าวอร่อยจังค่ะ คุณแม่เก่งจัง ถักผมให้หนูสวยจังเลยค่ะ หรือ ขอบคุณแม่จ๋าที่เอาก้างปลาออกให้หนูนะคะ ขอบคุณที่แม่ซื้อจ๋าที่ผลไม้อันนี้แล้วปอกไว้ให้หนูในตู้เย็นนะหนูตื่นมาเห็นหนูดีใจมากเลย
เห็นไหมคะว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแม่อาจจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ คนเป็นลูกก็อาจจะได้รับจนไม่ได้รู้สึกว่าแม่ทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องกลับมาทำนั่นนี่ให้ ต่างคนต่างสมควรได้รับคำขอบคุณค่ะ
คุณแม่เราสร้างนิสัยแบบนี้ให้เราคือ รู้จักพิจรณาในสิ่งที่เกิดรอบตัว เราถึงจะได้เรียนรู้ที่จะซาบซึ้งใจในสิ่งที่คนอื่นทำให้ทั้งที่เค้าไม่ทำก็ได้ ให้รู้จักขอบคุณบ่อย บ่อย รู้จักบอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ว่าเราดีใจแค่ไหนในสิ่งที่เขาทำและเราก็อยากทำให้เขาในสิ่งเดียวกัน
🌻
มันเป็นการสอนที่ไม่ต้องมานั่งบอกกันน่ะค่ะ รวมไปถึงการขอโทษด้วย ที่อาจจะเป็นการขอโทษที่ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดแต่หลายครั้งเป็นการขอโทษเพราะไม่ได้รักษาน้ำใจหรือเป็นการแสดงออกให้รู้ว่าเรารู้ว่าเรายังทำได้ไม่ดีพอ อยากขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจหรือทำอะไรให้ได้อย่างที่อยากจะทำให้ เช่น ขอโทษที่ไม่ได้มีเวลาให้ ขอโทษที่ไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็นด้วย ขอโทษที่ไม่สามารถทำช่วยสอนการบ้านได้
คุณแม่เราทั้งขอบคุณทั้งขอโทษแต่ไม่ได้สร้างความรำคาญหรือทำให้เรารู้สึกว่าแม่เราไม่เก่งเท่าแม่ของใครหรืออ่อนแอเลย
เรื่องพวกนี้มันต่อยอดไปถึงเรื่องที่เราไม่กลัวที่จะคุยกับคุณแม่เราทุกเรื่อง เราไม่กลัวว่าคุณแม่จะดุหรือจะตัดสินเรา ด้วยพื้นฐานความรักในครอบครัวที่หนักแน่นและแสดงออกเราให้กันและกันรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องที่เราจะชมกันแต่มันเป็นการบอกเล่าความรู้สึกและแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจซึ่งกันและกัน
•
ยกตัวอย่างที่คุณแม่เรามักจะพูดนะคะ “ขอบคุณที่ไม่เคยทำให้แม่หนักใจ,ขอบคุณที่ทำตัวดี ดีไม่ดื้อไม่เกเร,ขอบคุณที่เข้าใจแม่และไม่เรียกร้องงอแงเรื่องอะไรเลย, ขอบคุณที่อดทนกับแม่นะคะ แม่เคยเป็นแม่มาก่อนแต่แม่มีลูกสาวเป็นเราคนแรก แม่ขอบคุณที่ให้อภัยในเรื่องที่แม่ไม่ได้ทำถูกไปทุกเรื่อง แต่แม่ก็กำลังเรียนรู้อยู่นะคะ, ขอบคุณมากที่เกิดมาเป็นลูกแม่นะ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ คุณแม่เราไม่อายและไม่ลืมที่จะบอกว่าภูมิใจแค่ไหนที่มีเราและคุณแม่รักเรามากนะ” (กรณีของคุณแม่ อาจจะบอกน้องเพิ่มอีกหน่อยว่าขอบคุณที่เป็นพี่ชายที่แสนดี ขอบคุณที่เป็นสุภาพบุรุษและขอบคุณที่ช่วยแม่ดูแลน้อง)
เนี่ยค่ะ เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่กล้าดื้อไม่กล้าซน(เท่าไร)ไปด้วย โดยที่คุณแม่ไม่ต้องมาห้ามเราว่าอย่าทำแบบนั้นห้ามทำแบบนี้
คนเป็นแม่ทำให้ความรักในครอบครัวหนักแน่น และสิ่งที่คุณแม่แสดงเป็นตัวอย่างให้น้อง น้องเห็นมันสร้างความเข้มแข็งสร้างกำลังใจให้เขารู้ว่าสิ่งที่เค้าทำและเป็นอยู่นั้นมันดีงามและทำให้คนที่เ้ารักและรักเค้ามีความสุข
• •
ถึงวันที่เค้าโตขึ้นแล้วโลกข้างนอกมันจะใจร้ายกับเค้าได้มากมายหลายทางในหลายแบบ แต่สิ่งที่คุณแม่ให้เค้าในวันนี้มันจะเป็นเกราะคุ้มกันคุ้มภัยและเป็นกำลังใจที่สำคัญที่ให้เค้าจะไม่อยากเป็นคนอื่น ไม่อยากเป็นคนไม่ดี แต่เค้าจะเป็นคนที่ดีแบบที่เค้าเป็นอยู่ และโลกภายนอกนั้นจะทำอะไรเค้าไม่ได้ต่อให้วันที่คุณแม่ไม่อยู่แล้ว
คุณแม่อย่าอายที่จะกอดกอดหรือบอกรักน้องนะคะ อย่าคิดว่าการชมมันเป็นสิ่งจอมปลอมเสมอไป เพราะถ้าเรื่องที่ชมเป็นเรื่องจริงที่มามาจากน้ำใสใจจริง คนฟังเค้ารู้สึกได้มองเห็นได้ด้วยหัวใจค่ะ
สิ่งที่ดีที่สุดอีกอย่างที่คุณแม่จะให้ได้และเราคิดว่าคุณแม่ทำอยู่แล้วคือ ไม่เปรียบเทียบน้องกับใครทั้งนั้น ไม่สร้างความกดดันว่าน้องจะต้องดีเด่นจะต้องแข่งขัน หรือต้องรู้สึกว่าต้องดีกว่าคนอื่นเก่งกว่าคนอื่นต้องเอาชนะคนอื่นคุณแม่ถึงจะชมหรืออะไรก็ตาม
บางคนใช้วิธีนี้กดดันลูกแล้วคิดว่าเพื่อเป็นสร้างความทะเยอทะยานให้เด็ก
ทั้งที่น้อง น้องจะสร้างมันขึ้นเองเมื่ออยากได้อะไรซักอย่างในวันที่น้องโตขึ้นและเรียนรู้วิธีที่จะได้อะไรมาด้วยความสามารถและการไม่กดขี่หรือฉกฉวยเอามาจากคนอื่น
พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องให้เค้าเรียนรู้ถึงมันจากความคาดหวังและความกดดันเท่านั้นพอ
😟
เพราะการเปรียบเทียบ มีแต่จะสร้างนิสัยให้เป็นคนขี้อิจฉาริษยาคนอื่น แถมเด็กจะไม่นับถือและไม่ภูมิใจในตัวเอง รวมถึงจะไม่นับถือคนอื่นไปด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าอันนี้คุณแม่ก็ทราบ แต่อีกหลาย หลายครอบครัวพ่อแม่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าทำอะไรกับลูกกันลงไปบ้าง
หรือคนที่โตมาแบบที่ยังขี้อิจฉาริษยาคนอื่นทั้งแบบที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวก็มีอยู่มากในสังคม เพราะตอนเด็กถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้นก็โตมาเป็นผู้ใหญ่ในแบบนี้แล้วก็เลี้ยงลูกหลานต่อไปในแบบเดียวกัน
ถูกเปรียบเทียบจนไม่พอใจไม่ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น (ซึ่งอาจจะเกิดมาจากครอบครัวจากคนที่เลี้ยงดูหรือเกิดจากอุปนิสัยส่วนตัวตัวเองกันก็ได้ด้วย) ในความขาดแคลนคุณแม่กับน้องกลับไม่เคยเอามาเป็นเหตุผลในการไปอิจฉาคนอื่นและสามารถเปลี่ยนมันเป็นความรักความเข้มแข็งให้กันและกันได้ คุณแม่เก่งมาก มาก แล้วนะคะ

คุณแม่ลองขอบคุณน้องในเรื่องเล็กน้อยให้ได้ทุกวันนะคะ เริ่มจากวันนี้เลยค่ะ เพิ่มเป็น to do list แบบ daily ของคุณแม่ไปได้เลย ว่าอย่าลืมขอบคุณและบอกให้น้องรู้ว่าคุณแม่รักเค้า โดยที่ไม่ต้องเจาะจงหรือตั้งใจชมก็ได้ค่ะ เช่น อาจจะขอบคุณน้องที่ช่วยแม่เอาขยะไปทิ้ง ขอบคุณที่ช่วยแม่ล้างจาน แม่ทำงานกลับมาเหนื่อยแม่ไม่ต้องทำแล้วและบอกให้เค้ารู้ว่ามันแบ่งเบาภาระภาระแม่ และแม่ขอบคุณและทราบซึ้งใจแค่ไหน ต่อให้มันจะเป็นเรื่องธรรมดาเล็กน้อยแค่ไหนก้อขอบคุณได้นะคะ
เพราะคุณแม่สามารถให้ภูมิต้านทานและความแข่งแกร่งกับน้องได้มากกว่าคำชม แบบที่คุณแม่อาจจะคิดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ
ต้นไม้ทุกต้นก็คงอยากรู้ว่าคนที่เฝ้าเลี้ยงดูรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้เค้ารักเค้ามากแค่ไหนเหมือนกันค่ะ ต่อให้จะรู้ด้วยการกระทำ แต่บางทีเราก็อยากมั่นใจและได้ยินรวมถึงได้รับการสัมผัสด้วยความรักด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่นนะคะ
ขอขอบคุณคุณแม่อีกครั้งที่ผลิตประชากรที่ดีและดูแลน้องอย่างดี ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องและเราเชื่อว่าน้องจะเติบโตเป็นคนที่ดีในสังคมค่ะ (เรื่องที่คุณแม่พูดไม่เพราะ มันก็ยังสามารถแก้ไขได้ค่ะ ในเมื่อคุณแม่ทราบแล้วว่าคุณแม่พูดไม่เพราะก็พยายามใช้คำที่อ่อนโยนขึ้นไม่เลือกคำที่ไม่เพราะและใช้น้ำเสียงที่น่าฟัง น้องน้องจะใจฟูขึ้นไปอีกค่ะ)
คุณแม่ทราบใช่ไหมคะว่าความฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ของลูกนั้นส่วนใหญ่ก็มาจากคุณแม่ และการที่เด็กมีเบ้าหลอมแบบไหนเค้าก็จะ projects ออกมาแบบนั้น มัน represent ถึงการเลี้ยงดูมาได้ระดับนึงด้วยนะคะ คุณแม่เองอย่าลืมอย่าลืมขอบคุณตัวเองด้วยนะคะ 😺
หวังว่าสิ่งที่เราตั้งใจพิมพ์จะเป็นกำลังใจให้คุณแม่และเป็นไอเดียให้คุณแม่ไปใส่ปุ๋ยให้น้อง น้องนะคะ 😸
สมาชิกหมายเลข 5778456 ถูกใจ, NEKKI ขำกลิ้ง
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
อยากได้คำพูดที่ลูกได้ฟังแล้วเขาภูมิใจ ให้เขามีกำลังใจ แม่ใช้คำพูดไม่เก่ง