“Apple” จัดงาน Apple Event “It’s Glowtime” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ไฮไลต์หนีไม่พ้น “iPhone 16” มาพร้อมชิปใหม่ “A18” จัดเต็มขุมพลัง รองรับการใช้งาน Apple Intelligence วางจำหน่าย 20 ก.ย. 2567 “ไทย” ยังอยู่ในประเทศ Tier-1
วันที่ 10 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.ย.) 00.00 น. ตามเวลาไทย “แอปเปิล” (Apple) จัดงาน Apple Event “It’s Glowtime” ตามธรรมเนียมปฏิบัติเฉกเช่นทุกปี โดยงานครั้งนี้มีการประกาศอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ในสินค้าเดิม รวมถึงเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง Apple Watch Series 10, AirPods 4 และไฮไลต์สำคัญที่สาวกแอปเปิลตั้งตารอ นั่นคือไลน์อัพ “iPhone 16” สมาร์ทโ
ฟนเรือธงของแบรนด์
แล้วผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นที่เปิดตัวในงานมีรายละเอียดสเป็ก-ราคาอย่างไร ? “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลมาสรุปไว้ดังนี้
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
รองรับฟีเจอร์ Apple Intelligence ชูจุดเด่นความปลอดภัยผ่านการประมวลผลบน Private Cloud
ตัวอย่างฟีเจอร์ Apple Intelligence ที่รองรับ เช่น ขอคำแนะนำหรือสั่งการ Siri ได้ละเอียดขึ้น และหาภาพหรือวิดีโอได้จากการเสิร์ชคีย์เวิร์ด เป็นต้น
มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ “Visual Intelligence” หรือค้นหาสิ่งที่ไม่รู้จักผ่านการถ่ายภาพ
ใช้ชิป A18 ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร มาพร้อม CPU 6-Core และ GPU 5-Core เร็วกว่าหน่วยประมวลผลของ A16 บน iPhone 15 ราว 30% และ 40%
ขนาดหน้าจอ : iPhone 16 ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 16 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว
หน้าจอได้รับการออกแบบให้มีความทนทานกว่าเดิม หน้าจอสว่างสูงสุด 2,000 nits
สามารถปรับเปลี่ยน Action Button ได้ตามความต้องการ
สามารถตั้งค่าและควบคุมการทำงานของกล้องได้ด้วยปุ่ม “Camera Control”
ความละเอียดกล้องหลัก (Fusion Camera) 48MP และกล้อง Ultra Wide 12MP
มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ น้ำเงินอัลตร้ามารีน, เขียวอมฟ้า, ชมพู, ขาว และดำ
ราคา : iPhone 16 เริ่มต้น 29,900 บาท และ iPhone 16 Plus เริ่มต้น 34,900 บาท
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
สเป็กกล้อง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
รองรับฟีเจอร์ Apple Intelligence ชูจุดเด่นความปลอดภัยผ่านการประมวลผลบน Private Cloud
ใช้ชิป A18 Pro ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร มาพร้อม CPU 16-Core และ GPU 6-Core
ขนาดหน้าจอ : iPhone 16 Pro ขนาด 6.3 นิ้ว และ iPhone 16 Pro Max ขนาด 6.9 นิ้ว ถือเป็น iPhone ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดตัวมา
สามารถปรับเปลี่ยน Action Button ได้ตามความต้องการ
สามารถตั้งค่าและควบคุมการทำงานของกล้องได้ด้วยปุ่ม “Camera Control”
รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K เฟรมเรตสูงสุด 120Hz สามารถเลือกเฟรมเรตที่ต้องการได้
ความละเอียดกล้องหลัก (Fusion Camera) 48MP และกล้อง Ultra Wide 48MP
อัพเกรดระบบเสียง และเพิ่มไมค์ 4 จุด ช่วยให้เสียงคมชัดยิ่งขึ้น
Voice Memos รองรับการอัดเสียงแบบซ้อนแทร็ก และสามารถฟังแยกกันได้
มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ไทเทเนียมทะเลทราย, ไทเทเนียมธรรมชาติ, ไทเทเนียมขาว และไทเทเนียมดำ
ราคา : iPhone 16 Pro เริ่มต้น 39,900 บาท และ iPhone 16 Pro Max เริ่มต้น 48,900 บาท
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
Apple Watch Series 10
ใช้ชิป S10
ขยายหน้าจอใหญ่ขึ้น และทำตัวเรือนให้บางลง ง่ายต่อการพิมพ์ข้อความต่าง ๆ
ความสว่างหน้าจอเพิ่มขึ้น 40%
เพิ่มลำโพง และปรับปรุงตัวรับสัญญาณด้านหลัง
รองรับการชาร์จเร็ว เมื่อชาร์จ 30 นาที จะได้ความจุแบตเตอรี่ 80%
แสดงผล Smart Stack หรือ Widget ด้วยการประมวลผลของ AI
รองรับฟีเจอร์การตรวจจับการชน หรือการเกิดอุบัติเหตุ (Crash Detection)
เพิ่มความสามารถในการตรวจวัดคุณภาพนอนหลับ (อยู่ระหว่างการทำเรื่องขออนุญาตกับ FDA)
ตัวเรือนอะลูมิเนียม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ เงิน, โรสโกลด์ และดำเจ็ตแบล็ก
ตัวเรือนไทเทเนียม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ธรรมชาติ, ทอง, เทาสเลต
ราคา : ตัวเรือนอะลูมิเนียม เริ่มต้น 14,900 บาท และ ตัวเรือนไทเทเนียม เริ่มต้น 25,900 บาท
Apple Watch Series 10
Apple Watch Ultra 2
เพิ่มสีดำ Satin Black มาเป็นตัวเลือกใหม่
เพิ่มประเภทของสายนาฬิกาให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ราคา : เริ่มต้น 29,900 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทสายนาฬิกาที่เลือก)
Apple Watch Ultra 2
AirPods 4
ปรับดีไซน์ให้เข้ากับหูของผู้ใช้ทั่วโลก
มาพร้อมชิป H2 ที่ช่วยควบคุมการทำงานของ Spatial Audio
รองรับการพูดคุยกับ Siri ผ่านการแสดงท่าทาง เช่น ส่ายหัว และพยักหน้า
รองรับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation)
เพิ่มฟีเจอร์ปรับเสียงที่ได้ยินให้เบาลงโดยอัตโนมัติ เมื่อกำลังสนทนากับผู้อื่น (Conversation Awareness)
เคสชาร์จพอร์ต USB-C ใช้ได้นาน 30 ชั่วโมง
ราคา : รุ่นปกติ 4,990 บาท และรุ่นที่มีฟีเจอร์ Active Noise Cancellation 6,490 บาท
AirPods 4
AirPods Max
เพิ่มตัวเลือก 5 สีใหม่ ได้แก่ ฟ้า, ม่วง, มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และส้ม
พอร์ตชาร์จ USB-C
ราคา : 19,900 บาท
AirPods Max
AirPods Pro 2
ใช้ชิป H2 และเพิ่มความสามารถในการเป็นอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ
สามารถลดความดังของเสียงได้อัตโนมัติ เมื่อพบว่าผู้ใช้อยู่ในภาวะเสี่ยงเมื่อได้ยินเสียงดังเกินไป (Hearing Protection)
เมื่อทำผู้ใช้ทำ Hearing Test ตรวจวัดความสามารถในการได้ยินของตนเอง หูฟังจะทำหน้าที่เป็นเครื่องช่วยฟัง โดยอิงการทำงานจากข้อมูลที่บันทึกอยู่ในแอป Health
ความสามารถเทียบเท่าอุปกรณ์ Clinic Grade (อยู่ระหว่างการทำเรื่องขออนุญาตกับ FDA)
ราคา : 8,990 บาท
AirPods Pro 2
ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดที่เปิดตัวใน Apple Event ครั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.ย. 2567 ส่วนการจำหน่าย iPhone 16 ในไทย Apple จะเปิดให้
สั่งซื้อล่วงหน้าวันที่ 13 ก.ย. 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ซึ่งไทยยังคงเป็นประเทศ Tier-1 ที่มีการจำหน่ายสินค้าพร้อมกับในสหรัฐอเมริกา...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/ict/news-1648555
เปิดสเป็ก-ราคา iPhone 16 “ไทย” จอง 13/9 19 น. รับ 20/9
วันที่ 10 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.ย.) 00.00 น. ตามเวลาไทย “แอปเปิล” (Apple) จัดงาน Apple Event “It’s Glowtime” ตามธรรมเนียมปฏิบัติเฉกเช่นทุกปี โดยงานครั้งนี้มีการประกาศอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ในสินค้าเดิม รวมถึงเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง Apple Watch Series 10, AirPods 4 และไฮไลต์สำคัญที่สาวกแอปเปิลตั้งตารอ นั่นคือไลน์อัพ “iPhone 16” สมาร์ทโ
ฟนเรือธงของแบรนด์
แล้วผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นที่เปิดตัวในงานมีรายละเอียดสเป็ก-ราคาอย่างไร ? “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลมาสรุปไว้ดังนี้
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
รองรับฟีเจอร์ Apple Intelligence ชูจุดเด่นความปลอดภัยผ่านการประมวลผลบน Private Cloud
ตัวอย่างฟีเจอร์ Apple Intelligence ที่รองรับ เช่น ขอคำแนะนำหรือสั่งการ Siri ได้ละเอียดขึ้น และหาภาพหรือวิดีโอได้จากการเสิร์ชคีย์เวิร์ด เป็นต้น
มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ “Visual Intelligence” หรือค้นหาสิ่งที่ไม่รู้จักผ่านการถ่ายภาพ
ใช้ชิป A18 ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร มาพร้อม CPU 6-Core และ GPU 5-Core เร็วกว่าหน่วยประมวลผลของ A16 บน iPhone 15 ราว 30% และ 40%
ขนาดหน้าจอ : iPhone 16 ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 16 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว
หน้าจอได้รับการออกแบบให้มีความทนทานกว่าเดิม หน้าจอสว่างสูงสุด 2,000 nits
สามารถปรับเปลี่ยน Action Button ได้ตามความต้องการ
สามารถตั้งค่าและควบคุมการทำงานของกล้องได้ด้วยปุ่ม “Camera Control”
ความละเอียดกล้องหลัก (Fusion Camera) 48MP และกล้อง Ultra Wide 12MP
มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ น้ำเงินอัลตร้ามารีน, เขียวอมฟ้า, ชมพู, ขาว และดำ
ราคา : iPhone 16 เริ่มต้น 29,900 บาท และ iPhone 16 Plus เริ่มต้น 34,900 บาท
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
สเป็กกล้อง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
รองรับฟีเจอร์ Apple Intelligence ชูจุดเด่นความปลอดภัยผ่านการประมวลผลบน Private Cloud
ใช้ชิป A18 Pro ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร มาพร้อม CPU 16-Core และ GPU 6-Core
ขนาดหน้าจอ : iPhone 16 Pro ขนาด 6.3 นิ้ว และ iPhone 16 Pro Max ขนาด 6.9 นิ้ว ถือเป็น iPhone ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดตัวมา
สามารถปรับเปลี่ยน Action Button ได้ตามความต้องการ
สามารถตั้งค่าและควบคุมการทำงานของกล้องได้ด้วยปุ่ม “Camera Control”
รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K เฟรมเรตสูงสุด 120Hz สามารถเลือกเฟรมเรตที่ต้องการได้
ความละเอียดกล้องหลัก (Fusion Camera) 48MP และกล้อง Ultra Wide 48MP
อัพเกรดระบบเสียง และเพิ่มไมค์ 4 จุด ช่วยให้เสียงคมชัดยิ่งขึ้น
Voice Memos รองรับการอัดเสียงแบบซ้อนแทร็ก และสามารถฟังแยกกันได้
มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ไทเทเนียมทะเลทราย, ไทเทเนียมธรรมชาติ, ไทเทเนียมขาว และไทเทเนียมดำ
ราคา : iPhone 16 Pro เริ่มต้น 39,900 บาท และ iPhone 16 Pro Max เริ่มต้น 48,900 บาท
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
Apple Watch Series 10
ใช้ชิป S10
ขยายหน้าจอใหญ่ขึ้น และทำตัวเรือนให้บางลง ง่ายต่อการพิมพ์ข้อความต่าง ๆ
ความสว่างหน้าจอเพิ่มขึ้น 40%
เพิ่มลำโพง และปรับปรุงตัวรับสัญญาณด้านหลัง
รองรับการชาร์จเร็ว เมื่อชาร์จ 30 นาที จะได้ความจุแบตเตอรี่ 80%
แสดงผล Smart Stack หรือ Widget ด้วยการประมวลผลของ AI
รองรับฟีเจอร์การตรวจจับการชน หรือการเกิดอุบัติเหตุ (Crash Detection)
เพิ่มความสามารถในการตรวจวัดคุณภาพนอนหลับ (อยู่ระหว่างการทำเรื่องขออนุญาตกับ FDA)
ตัวเรือนอะลูมิเนียม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ เงิน, โรสโกลด์ และดำเจ็ตแบล็ก
ตัวเรือนไทเทเนียม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ธรรมชาติ, ทอง, เทาสเลต
ราคา : ตัวเรือนอะลูมิเนียม เริ่มต้น 14,900 บาท และ ตัวเรือนไทเทเนียม เริ่มต้น 25,900 บาท
Apple Watch Series 10
Apple Watch Ultra 2
เพิ่มสีดำ Satin Black มาเป็นตัวเลือกใหม่
เพิ่มประเภทของสายนาฬิกาให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ราคา : เริ่มต้น 29,900 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทสายนาฬิกาที่เลือก)
Apple Watch Ultra 2
AirPods 4
ปรับดีไซน์ให้เข้ากับหูของผู้ใช้ทั่วโลก
มาพร้อมชิป H2 ที่ช่วยควบคุมการทำงานของ Spatial Audio
รองรับการพูดคุยกับ Siri ผ่านการแสดงท่าทาง เช่น ส่ายหัว และพยักหน้า
รองรับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation)
เพิ่มฟีเจอร์ปรับเสียงที่ได้ยินให้เบาลงโดยอัตโนมัติ เมื่อกำลังสนทนากับผู้อื่น (Conversation Awareness)
เคสชาร์จพอร์ต USB-C ใช้ได้นาน 30 ชั่วโมง
ราคา : รุ่นปกติ 4,990 บาท และรุ่นที่มีฟีเจอร์ Active Noise Cancellation 6,490 บาท
AirPods 4
AirPods Max
เพิ่มตัวเลือก 5 สีใหม่ ได้แก่ ฟ้า, ม่วง, มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และส้ม
พอร์ตชาร์จ USB-C
ราคา : 19,900 บาท
AirPods Max
AirPods Pro 2
ใช้ชิป H2 และเพิ่มความสามารถในการเป็นอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ
สามารถลดความดังของเสียงได้อัตโนมัติ เมื่อพบว่าผู้ใช้อยู่ในภาวะเสี่ยงเมื่อได้ยินเสียงดังเกินไป (Hearing Protection)
เมื่อทำผู้ใช้ทำ Hearing Test ตรวจวัดความสามารถในการได้ยินของตนเอง หูฟังจะทำหน้าที่เป็นเครื่องช่วยฟัง โดยอิงการทำงานจากข้อมูลที่บันทึกอยู่ในแอป Health
ความสามารถเทียบเท่าอุปกรณ์ Clinic Grade (อยู่ระหว่างการทำเรื่องขออนุญาตกับ FDA)
ราคา : 8,990 บาท
AirPods Pro 2
ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดที่เปิดตัวใน Apple Event ครั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.ย. 2567 ส่วนการจำหน่าย iPhone 16 ในไทย Apple จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าวันที่ 13 ก.ย. 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ซึ่งไทยยังคงเป็นประเทศ Tier-1 ที่มีการจำหน่ายสินค้าพร้อมกับในสหรัฐอเมริกา...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/ict/news-1648555