- พอดีกลับไปทำธุระ ที่สุราษฎร์ธานี บ้านแฟน ซึ่งโดยปกติ พอกลับไปที่นั่น ก็จะหยิบรถเก๋งของพ่อตา นั่นคือ TOYOTA ALTIS 2.0G ปี 12 ออกมาใช้ทุกที เพราะพ่อตาแก ไม่ขับแล้ว และรถก็จอดทิ้งไว้เฉยๆ ไม่มีแม้แต่สตาร์ทเครื่องครับ รอบนี้ได้ขับไกลหน่อย ถือโอกาสรีวิวคร่าวๆ เผื่อมีคนสนใจรถรุ่นนี้ครับ
- ขึ้นขับปุ๊บ จามไม่หยุดเลยครับ .. เลยจับเข้าคาแคร์ล้างสักหน่อย ไม่ได้ล้างมาน่าจะเกือบ 2 ปี ครับ (จริงๆนะ)

- รถคันนี้ เป็นตัวก่อน MC ดังนั้น จะมากับ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (ตัว MC ได้ CVT ที่วิ่งกว่า ประหยัดกว่า) จับคู่กับเครื่องยนต์ รหัส 3ZR-FE พิกัด 2.0 ลิตร พร้อม Dual VVT-i ผลิตม้าออกมาได้ 145 ตัว
- รูปลักษณ์ภายนอก พวกสเกิร์ตรอบคัน เป็นของแถม sale ตอนซื้อครับ ซึ่งสภาพก็อย่างที่เห็น ครับ เสื่อมไปตามกาลเวลา (สำหรับผม ถ้าจะติด ผมติดแท้ ถ้าไม่แท้ ผมไม่ติด)
- รถคันนี้ มีทำสีแค่กันชนท้ายชิ้นเดียว กับ แก้มท้าย ที่มีคนฝากรอยเอาไว้ แล้วยังไม่ได้ซ่อมครับ .. นอกจากนั้น ความน่าสนของรถคันนี้จะอยู่ที่เลขไมล์ครับ ผมจับมันครั้งแรก ไมล์แค่ 9 หมื่นกม.เองครับ ที่วิ่งทะลุแสนก็ ฝีมือผมเองแหละ แหะแหะ

แถมรถจอดในร่มตลอดด้วย (ยกเว้น ตอน แตงโม ไป ก็จะโดนไล่มาตากแดดข้างนอก .. ให้มันรู้ว่า ใครใหญ่ 55+)

กลับมาเข้าเรื่อง ..
Option โล้นๆ
จับรถครั้งแรก เอิ่มมม โรงงานลืมใส่ option มาให้หรือนี่ ?
- ไฟหน้า Halogen
- กล้องมองถอย / เซนเซอร์ ไม่มี
- เบาะหนัง ปรับมือ
- ระบบช่วยการทรงตัวไม่มี
ถ้าจะพอมี ที่ต่างหน่อยก็
- พวงมาลัย 3 ก้าน ทรงสปอร์ต
- Paddle Shift
- ลายไม้
- ทวีตเตอร์ที่หูช้าง
- ล้อ 16 ยาง 205/55-16 แต่ลายไม่หล่อเลย
บ่นเยอะละ มาลองขับกันดีกว่า ..
เครื่องยนต์ และ สมรรถนะ
- ต้องบอกว่า นิสัย Toyota คือ คันเร่งไว แต่คงไม่ไวแบบ vios เห็บหมา แต่แตะปุ๊บ มันก็ขึ้นตามเท้าดี ขับในเมืองคล่องแคล่วว่องไว ครับ แต่ก็นิสัย Toyota อีกนั่นแหละ พอรอบกลาง จะเร่งแซง มันไม่พุ่งแบบตอนออกตัวครับ ยังรอจังหวะ พอสมควร ซึ่งอันนี้ ถ้าเทียบ Civic FD 1.8 ที่เคยใช้ รายนั้น คันเร่งแข็ง ออกตัวหนืดๆ (นี่ก็นิสัย HONDA) แต่พอต้องแซง กระแทกคันเร่งลงไป .. ดึงหลังติดเบาะครับ วิ่งกว่าคนละเรื่อง
- ลองขึ้นเขาพลายดำ แรงบิดจากเครื่องยนต์ค่อนข้างดีครับ ไม่ต้องใช้รอบสูง ขึ้นสบายๆ ไม่ต้องเค้น
- สรุปว่า ในเมือง คล่องตัว ตอบสนองไว การเร่งแซงเฉื่อยลง แต่ก็มาตรฐานของเครื่อง 2.0 ในยุคนั้น วิ่งดีกว่า 4G63 SOHC ใน space wagon คันเก่าผม แต่สู้ R18A ใน civic fd ไม่ได้ครับ
เกียร์
- ถ้าใช้งานธรรมดา เกียร์ทำงานนุ่มนวลดีครับ แต่ .. ยังรู้สึกว่า เกียร์ตอบสนองช้าไปหน่อย จังหวะเร่งแซง กว่าเกียร์จะยอม kick down ให้ และลงให้ทีละเกียร์ ไม่ลากลง 2 เกียร์ ทำให้ อัตราเร่งไม่ทันใจเท่าที่ควรครับ
- รวมถึง ตอนลงทางชัน ตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ D ตบ paddle shift รัวๆ พวกโวยวาย และลงให้เกียร์เดียวครับ แถมลากคาอีก แอบแปลกใจ เพราะกลายเป็นว่า ถ้าจะให้มันกลับเข้าโหมดปกติ ต้องผลักมา S แล้วผลักกลับ D หรือ รถหยุดสนิท ครับ
- ตรงนี้ พูดตรงๆ เกียร์ Jazz GE / Civic FD ฉลาดกว่า ครับ
อัตราสิ้นเปลือง
- ขับมันครั้งแรก วิ่งทางไกล นั่ง 4 คน ขับ 100 - 110 (สุราษ ไปกลับ นครศรี) ทำได้ราวๆ 13.5 กม/ลิตร เอิ่มม CR-V G3 2.0 2WD ที่คนด่าว่าซด ขับปกติ ก็ได้เท่ากันนะ !!!
- แต่รอบล่าสุดที่ไปขับ อัตราสิ้นเปลือง หล่นมาแถว 10 - 11 กม/ลิตร (ทางไกล) มาเจอสาเหตุ ตอนคืนรถให้เจ้าของละ นั่นคือ กรองอากาศดำมาก .. อ้าว ก็รอบที่แล้ว เค้าศูนย์เช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง ผมเอาเข้าไปเอง พวกถ่ายแต่น้ำมันเครื่อง ไม่เป่ากรองให้เลย หุหุ TOYOTA สุราษ !!!
ช่วงล่าง และ เบรค
- พิมพ์นิยม หน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท / หลังทอร์ชั่นบีม .. มาเจอล้อ 16 ยาง 205/55-16 ก็เลยติดไปทางตึงตังหน่อย ไม่นุ่มย้วยแบบหน้าหมู ครับ
- การทรงตัว ถ้าขับระดับใช้งาน 100 - 110 ก็ถือว่า ใช้ได้ครับ รถนิ่งดี การเข้าโค้ง รถค่อนข้างเป็นกลางครับ อาการเอียงไม่เยอะ ถ้าเทียบกับ Pulsar คันเก่าผม รวมถึง พวงมาลัย แม้จะไม่ดีเลิศแบบพวก civic แต่ก็ไม่ได้ยาน ย้วย จนต้องคัดพวงมาลัยตลอด แบบ Pulsar ครับ
ข้อนี้ ผมให้ผ่านแหละ ในระดับใช้งานธรรมดา ไม่ได้เอาไปซ่าส์ที่ไหน มันมั่นใจพอสมควร มาตรฐาน C-Segment.. อ่อ ยางใส่ T005a อายุ 4 ปี นะครับ ยางยังไม่แตกลายงา ไม่โวยวาย เกาะดี รีดน้ำ เหมือนตอนใส่ใหม่ๆเลย ของเค้าดีจริง
- เบรค .. คันนี้ ผมใส่ผ้าเบรค EBC Ultimax 2 .. ก็ตามนิสัยผ้าเบรคยี่ห้อนี้ครับ ช่วงแรกระยะฟรีจะมากนิดนึง จับแบบนุ่มๆ ไม่แรง พอเริ่มจับ ก็จะเริ่มค่อยๆดูด ทีนี้ ถ้าต้องเบรคกระทันหัน เน้นเท้าลงไป มันก็อยู่สบายๆครับ ข้อเสียเดียว ของผ้าเบรคตัวนี้ คือ ฝุ่นเยอะ ล้อดำง่าย และถ้าไม่สนใจ จะล้างมัน มันก็จะเป็นคราบฝัง ต้องใช้น้ำยาจัดการครับ
ภายใน
- เบาะนั่ง .. อารมณ์เบาะ vios เห็บหมา ที่ตัวโตขึ้น .. ผมชินกับเบาะ HONDA ที่พนักพิงของมัน เวลาพิงลงไป มันจะเข้ารูปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของหลัง ตลอดจน แม้บางรุ่นจะปรับดันหลังไม่ได้ แต่มันจะมีดันในตัวมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่ปวดหลังครับ
- แต่เบาะรถคันนี้ ตัวโตขึ้นจริง แต่ พอพิงลงไป มันเหมือนพิงลงบนก้อนอะไรสักอย่าง ไม่ค่อยรับหลัง แต่ ก็ไม่ถึงกับจมเป็นแอ่งแบบ Tiida / Pulsar (ปวดหลังมาก)
- ตำแหน่งเบาะ วางกำลังดี ไม่เตี้ยแบบ Civic แต่ไม่สูงแบบ Pulsar ดังนั้น คนแก่ ขึ้นลงสะดวกพอสมควรครับ
- การเก็บเสียง .. ก็กลางๆ ไม่ได้เงียบ (Pulsar เงียบกว่า) แต่ไม่หนวกหูแบบ HONDA Civic FD / City Turbo
- แอร์ .. ก็ Toyota เย็นหนาว เย็นฉ่ำ เย็นจัด มาเจอฟิล์มที่หมดสภาพอีก แดดส่องมาร้อนจัด เจอแอร์หนาว ไข้จะรับประทานเอา รวมถึง ฝนตกปุ๊บ ฝ้าเต็มรถเลย
- ช่องใส่ของจุกจิก .. ยังชอบ HONDA มากกว่า ผมว่า ช่องเค้าเยอะกว่า ใช้สะดวกกว่า แต่ Altis ไม่ได้แย่ครับ ดีกว่า Pulsar มากมาย
ปัญหาที่พบ
1. แร็คพังแล้วจ้า
.. ต้นปียังขับดีๆ แล้วก็จอดเฉยๆ พอกลางปีมาขับ อ้าว พวงมาลัยฝืด หนัก ให้ร้านศูนย์ล้อแถวนั้นดูก็บอกปกติ ศูนย์ก็บอกปกติ จนต้องจี้หนักๆ เช็คไปครึ่งวัน พร้อมกับบอกว่า แร็คพัง ค่าแร็ค 2.5 หมื่นบาท !!! ก็เท่า Pulsar DIG Turbo นะ ไม่ได้ถูกนะ
2. แอร์รั่วแล้วจ้า
.. ทักตั้งแต่ต้นปีละว่า วาล์วมันดัง มารอบนี้ เจอแดดจัด แอร์ไม่สู้แดดเลย ดูตาแมวก็เรียบร้อย น้ำยาขาด ถามศูนย์ก็บอก ไม่มีอะไหล่ ต้องสั่ง ร้านแอร์ที่นั่นก็ไม่รู้จัก ยังคิดอยู่ว่า จะเอายังไง รอบหน้ากลับไป น่าจะไม่มีความเย็นละ
3. ไดชาร์จพัง .. อันนี้ พังปีก่อน ตอนพ่อตายังขับรถอยู่ เข้าศูนย์เบิกยกลูก ก็หมื่นกว่า
4. บู๊ชปีกนกแตก .. ผมเจอตอนเอาไปถ่ายน้ำมันเครื่องร้านหน้าปากซอย ให้เค้าเอาเข้าศูนย์ ศูนย์ดันใจดี เบิกปีกนกเปลี่ยนข้างเดียวอีก !!! ตำราไหนสอนมันมาฟะ รถสิบปี หุหุ
5. ไฟส่องป้ายขาดข้างนึง .. จริงๆปัญหาไม่ได้อยู่ที่มันขาด เพราะตามอายุก็เกิดได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ศูนย์ .. ไม่รู้สิ ปกติ HONDA ที่ กทม ที่เข้าประจำ พวกเดินวนรอบรถ เปิดไฟ เช็คทุกอย่าง แล้วแจ้งขอเปลี่ยนตลอด แต่นี่ .. สั่งเช็คระยะ มันเช็คอะไรบ้างฟะเนี่ย !!!
6. คอนโซลแตก .. ปัญหาประจำรุ่นครับ แตกยับเลย พอแตกแล้ว พ่อตา ดันเอาพรมไปปิดอีก จะดึงออกก็ไม่ได้ .. รถมี airbag นะคร้าบบบ

7. เลี้ยวพร้อมออกตัว มีเสียงดัง ที่ช่วงล่างหน้าซ้าย .. เพิ่งเจอรอบนี้ ยุ่งๆ แล้วก็ลืมมุดดูครับว่า เพลาขับหรือป่าว แต่ถ้าพวงมาลัยตรง มันไม่ดัง
8. ฟิล์มหมดสภาพ .. ตามอายุครับ ร่อนเป็นผงเลย (ผงๆตรงแผงประตูนั่นแหละ) .. Lamina POP 20 นะนั่น เสื่อมจนใสแจ๋วเลย

9. หนังพวงมาลัยถลอก .. ป่าวครับ ไม่ได้เกิดจาก TOYOTA แต่เกิดจาก ใส่ล็อคพวงมาลัยกันขโมย เห็นแล้วก็สงสารรถ อยากจะบอก พ่อตา ว่า "รุ่นนี้ ไม่มีใครเอาแล้ว" ก็กลัวจะโดนเตะ 55+

10. วิทยุ น่าจะเล่น CD ได้ 6 แผ่น .. ไม่โหลดแผ่น ไม่คายแผ่น / ลำโพงฝั่งซ้ายดังเบา
ครับ คร่าวๆก็ประมาณนี้ เครื่องยังแห้งๆ ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่เยิ้ม ครับ
ปล. ตอนนี้ มีแผนร้าย ว่าจะยึดรถคันนี้ เพราะทิ้งไว้สุราษ มันก็พังลงเรื่อยๆ ไม่มีคนใช้มัน .. แถมถ้าบ่นว่า ไม่เอาออกมาใช้ เดี๋ยวก็จะมีผู้ไม่ประสงค์ดี มายืมไปใช้ ให้พังหนักกว่าเดิมอีก ดังนั้น ยึดมาปรับปรุง ไว้ขับขำๆน่าจะดี เอาไว้ไปห้าง ไปตลาด จอดไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวเป็นรอย
ปล.1 ไล่ซื้อเครื่องเสียง เตรียมใส่รถคันนี้ เกือบครบละ
- Front .. มี JVC V620BT ที่ถอดจาก City อยู่
- แอมป์ .. มี Precision Power 4CH ที่ถอดจาก City อยู่
- ลำโพง .. จริงๆมี Boston FS60 ที่ถอดจาก Jazz GE อยู่นะ แต่ไปสอย German Maestro AS6511 มาละ
- Sub .. สอย Diamond DE104 10 นิ้ว มาละ (1,920 บาท จาก 6,7XX บาท ใครจะทนไหว 55+)
- สายสัญญาณกลางแหลม .. หิ้ว Straight wire ตัวเริ่มต้นมาละ
- สายไฟ / กระบอกฟิวส์ .. มีเหลือพอ
น่าจะขาดแค่ แอมป์ขับ Sub กับ สายสัญญาณ Sub และ สายลำโพง ค่อยๆหา เดี๋ยวก็ได้ อิอิ


ของเกือบครบ แต่รถจะมาเมื่อไหร่ ยังไม่รู้เลย .. ไปยึดรถเค้ามา เค้าจะเตะเอาไหมเนี่ย
................
แถมอีกนิด
- เมื่อคืน ลองเอาสาย Straight Wire เส้นข้างบนนี่แหละ ไปลองต่อฟังเสียงในห้องฟังเพลงที่บ้านดูครับ เพราะหลังซื้อมาส่งรูปไปอวดพ่อ โดนพ่อขู่อยู่ว่า "Straight Wire กลางแหลม มันหยาบ น่ารำคาญ นะโว้ยยย" เพราะสมัยก่อน พ่อผมก็แฟนคลับยี่ห้อนี้แหละ เล่นรุ่นแพงๆเค้ามาตลอด (ซึ่งผมนี่แหละ ก็ตัวเกลียดสายยี่ห้อนี้เลย .. แต่ดันซื้อ ???)
- เปิดเบิร์นไป 5 - 6 ช.ม. ครับ แล้วมาลองฟัง เทียบกับสายปกติ ที่ใช้อยู่ Tara Labs space&time the entity .. อย่าเพิ่งด่าเน้อออ รู้ครับว่า มันเทียบกันไม่ได้
1. เสียงนักร้อง ไม่หยาบนะ ไม่มีเกรนหยาบเข้ามา เสียงติดไปทางอวบเล็กๆ
2. เสียงแหลม รายละเอียด ยังปานกลาง ทอดตัวไม่ได้ไกล ยังเหมือนมีม่านหมอกคลุมอยู่ (อันนี้ ว่าไม่ได้ สายยังไม่เบิร์นนะ)
แต่ ... 2 ข้อนี้ ได้แบบนี้ ผมพอใจละว่า เสียงของสายมันไม่จัด ไม่หยาบ อย่างน้อย มันจะช่วยเบรค ลำโพง German Maestro ซึ่งก็คือ โรงงาน MB-Quart เก่า ซึ่งถ้าใครเคยฟังค่ายนี้ ยุคเก่า (สมัยที่บ้านใช้ W124 ก็ยี่ห้อนี้ยกคัน) เสียงมันจะค่อนข้างสด ครับ ลำโพงที่ซื้อก็แหลม ไทเทเนี่ยม ดังนั้น ไปแนวนั้นแน่นอน (นิสัย เครื่องเสียงจาก เยอรมัน จะแนวนี้ด้วยครับ)
ขอบคุณครับ
[CR] * * * ลองขับรถเก่า TOYOTA ALTIS 2.0 G (หน้าแบน ก่อน MC) * * *
- ขึ้นขับปุ๊บ จามไม่หยุดเลยครับ .. เลยจับเข้าคาแคร์ล้างสักหน่อย ไม่ได้ล้างมาน่าจะเกือบ 2 ปี ครับ (จริงๆนะ)
- รถคันนี้ เป็นตัวก่อน MC ดังนั้น จะมากับ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (ตัว MC ได้ CVT ที่วิ่งกว่า ประหยัดกว่า) จับคู่กับเครื่องยนต์ รหัส 3ZR-FE พิกัด 2.0 ลิตร พร้อม Dual VVT-i ผลิตม้าออกมาได้ 145 ตัว
- รูปลักษณ์ภายนอก พวกสเกิร์ตรอบคัน เป็นของแถม sale ตอนซื้อครับ ซึ่งสภาพก็อย่างที่เห็น ครับ เสื่อมไปตามกาลเวลา (สำหรับผม ถ้าจะติด ผมติดแท้ ถ้าไม่แท้ ผมไม่ติด)
- รถคันนี้ มีทำสีแค่กันชนท้ายชิ้นเดียว กับ แก้มท้าย ที่มีคนฝากรอยเอาไว้ แล้วยังไม่ได้ซ่อมครับ .. นอกจากนั้น ความน่าสนของรถคันนี้จะอยู่ที่เลขไมล์ครับ ผมจับมันครั้งแรก ไมล์แค่ 9 หมื่นกม.เองครับ ที่วิ่งทะลุแสนก็ ฝีมือผมเองแหละ แหะแหะ
แถมรถจอดในร่มตลอดด้วย (ยกเว้น ตอน แตงโม ไป ก็จะโดนไล่มาตากแดดข้างนอก .. ให้มันรู้ว่า ใครใหญ่ 55+)
กลับมาเข้าเรื่อง ..
Option โล้นๆ
จับรถครั้งแรก เอิ่มมม โรงงานลืมใส่ option มาให้หรือนี่ ?
- ไฟหน้า Halogen
- กล้องมองถอย / เซนเซอร์ ไม่มี
- เบาะหนัง ปรับมือ
- ระบบช่วยการทรงตัวไม่มี
ถ้าจะพอมี ที่ต่างหน่อยก็
- พวงมาลัย 3 ก้าน ทรงสปอร์ต
- Paddle Shift
- ลายไม้
- ทวีตเตอร์ที่หูช้าง
- ล้อ 16 ยาง 205/55-16 แต่ลายไม่หล่อเลย
บ่นเยอะละ มาลองขับกันดีกว่า ..
เครื่องยนต์ และ สมรรถนะ
- ต้องบอกว่า นิสัย Toyota คือ คันเร่งไว แต่คงไม่ไวแบบ vios เห็บหมา แต่แตะปุ๊บ มันก็ขึ้นตามเท้าดี ขับในเมืองคล่องแคล่วว่องไว ครับ แต่ก็นิสัย Toyota อีกนั่นแหละ พอรอบกลาง จะเร่งแซง มันไม่พุ่งแบบตอนออกตัวครับ ยังรอจังหวะ พอสมควร ซึ่งอันนี้ ถ้าเทียบ Civic FD 1.8 ที่เคยใช้ รายนั้น คันเร่งแข็ง ออกตัวหนืดๆ (นี่ก็นิสัย HONDA) แต่พอต้องแซง กระแทกคันเร่งลงไป .. ดึงหลังติดเบาะครับ วิ่งกว่าคนละเรื่อง
- ลองขึ้นเขาพลายดำ แรงบิดจากเครื่องยนต์ค่อนข้างดีครับ ไม่ต้องใช้รอบสูง ขึ้นสบายๆ ไม่ต้องเค้น
- สรุปว่า ในเมือง คล่องตัว ตอบสนองไว การเร่งแซงเฉื่อยลง แต่ก็มาตรฐานของเครื่อง 2.0 ในยุคนั้น วิ่งดีกว่า 4G63 SOHC ใน space wagon คันเก่าผม แต่สู้ R18A ใน civic fd ไม่ได้ครับ
เกียร์
- ถ้าใช้งานธรรมดา เกียร์ทำงานนุ่มนวลดีครับ แต่ .. ยังรู้สึกว่า เกียร์ตอบสนองช้าไปหน่อย จังหวะเร่งแซง กว่าเกียร์จะยอม kick down ให้ และลงให้ทีละเกียร์ ไม่ลากลง 2 เกียร์ ทำให้ อัตราเร่งไม่ทันใจเท่าที่ควรครับ
- รวมถึง ตอนลงทางชัน ตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ D ตบ paddle shift รัวๆ พวกโวยวาย และลงให้เกียร์เดียวครับ แถมลากคาอีก แอบแปลกใจ เพราะกลายเป็นว่า ถ้าจะให้มันกลับเข้าโหมดปกติ ต้องผลักมา S แล้วผลักกลับ D หรือ รถหยุดสนิท ครับ
- ตรงนี้ พูดตรงๆ เกียร์ Jazz GE / Civic FD ฉลาดกว่า ครับ
อัตราสิ้นเปลือง
- ขับมันครั้งแรก วิ่งทางไกล นั่ง 4 คน ขับ 100 - 110 (สุราษ ไปกลับ นครศรี) ทำได้ราวๆ 13.5 กม/ลิตร เอิ่มม CR-V G3 2.0 2WD ที่คนด่าว่าซด ขับปกติ ก็ได้เท่ากันนะ !!!
- แต่รอบล่าสุดที่ไปขับ อัตราสิ้นเปลือง หล่นมาแถว 10 - 11 กม/ลิตร (ทางไกล) มาเจอสาเหตุ ตอนคืนรถให้เจ้าของละ นั่นคือ กรองอากาศดำมาก .. อ้าว ก็รอบที่แล้ว เค้าศูนย์เช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง ผมเอาเข้าไปเอง พวกถ่ายแต่น้ำมันเครื่อง ไม่เป่ากรองให้เลย หุหุ TOYOTA สุราษ !!!
ช่วงล่าง และ เบรค
- พิมพ์นิยม หน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท / หลังทอร์ชั่นบีม .. มาเจอล้อ 16 ยาง 205/55-16 ก็เลยติดไปทางตึงตังหน่อย ไม่นุ่มย้วยแบบหน้าหมู ครับ
- การทรงตัว ถ้าขับระดับใช้งาน 100 - 110 ก็ถือว่า ใช้ได้ครับ รถนิ่งดี การเข้าโค้ง รถค่อนข้างเป็นกลางครับ อาการเอียงไม่เยอะ ถ้าเทียบกับ Pulsar คันเก่าผม รวมถึง พวงมาลัย แม้จะไม่ดีเลิศแบบพวก civic แต่ก็ไม่ได้ยาน ย้วย จนต้องคัดพวงมาลัยตลอด แบบ Pulsar ครับ
ข้อนี้ ผมให้ผ่านแหละ ในระดับใช้งานธรรมดา ไม่ได้เอาไปซ่าส์ที่ไหน มันมั่นใจพอสมควร มาตรฐาน C-Segment.. อ่อ ยางใส่ T005a อายุ 4 ปี นะครับ ยางยังไม่แตกลายงา ไม่โวยวาย เกาะดี รีดน้ำ เหมือนตอนใส่ใหม่ๆเลย ของเค้าดีจริง
- เบรค .. คันนี้ ผมใส่ผ้าเบรค EBC Ultimax 2 .. ก็ตามนิสัยผ้าเบรคยี่ห้อนี้ครับ ช่วงแรกระยะฟรีจะมากนิดนึง จับแบบนุ่มๆ ไม่แรง พอเริ่มจับ ก็จะเริ่มค่อยๆดูด ทีนี้ ถ้าต้องเบรคกระทันหัน เน้นเท้าลงไป มันก็อยู่สบายๆครับ ข้อเสียเดียว ของผ้าเบรคตัวนี้ คือ ฝุ่นเยอะ ล้อดำง่าย และถ้าไม่สนใจ จะล้างมัน มันก็จะเป็นคราบฝัง ต้องใช้น้ำยาจัดการครับ
ภายใน
- เบาะนั่ง .. อารมณ์เบาะ vios เห็บหมา ที่ตัวโตขึ้น .. ผมชินกับเบาะ HONDA ที่พนักพิงของมัน เวลาพิงลงไป มันจะเข้ารูปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของหลัง ตลอดจน แม้บางรุ่นจะปรับดันหลังไม่ได้ แต่มันจะมีดันในตัวมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่ปวดหลังครับ
- แต่เบาะรถคันนี้ ตัวโตขึ้นจริง แต่ พอพิงลงไป มันเหมือนพิงลงบนก้อนอะไรสักอย่าง ไม่ค่อยรับหลัง แต่ ก็ไม่ถึงกับจมเป็นแอ่งแบบ Tiida / Pulsar (ปวดหลังมาก)
- ตำแหน่งเบาะ วางกำลังดี ไม่เตี้ยแบบ Civic แต่ไม่สูงแบบ Pulsar ดังนั้น คนแก่ ขึ้นลงสะดวกพอสมควรครับ
- การเก็บเสียง .. ก็กลางๆ ไม่ได้เงียบ (Pulsar เงียบกว่า) แต่ไม่หนวกหูแบบ HONDA Civic FD / City Turbo
- แอร์ .. ก็ Toyota เย็นหนาว เย็นฉ่ำ เย็นจัด มาเจอฟิล์มที่หมดสภาพอีก แดดส่องมาร้อนจัด เจอแอร์หนาว ไข้จะรับประทานเอา รวมถึง ฝนตกปุ๊บ ฝ้าเต็มรถเลย
- ช่องใส่ของจุกจิก .. ยังชอบ HONDA มากกว่า ผมว่า ช่องเค้าเยอะกว่า ใช้สะดวกกว่า แต่ Altis ไม่ได้แย่ครับ ดีกว่า Pulsar มากมาย
ปัญหาที่พบ
1. แร็คพังแล้วจ้า .. ต้นปียังขับดีๆ แล้วก็จอดเฉยๆ พอกลางปีมาขับ อ้าว พวงมาลัยฝืด หนัก ให้ร้านศูนย์ล้อแถวนั้นดูก็บอกปกติ ศูนย์ก็บอกปกติ จนต้องจี้หนักๆ เช็คไปครึ่งวัน พร้อมกับบอกว่า แร็คพัง ค่าแร็ค 2.5 หมื่นบาท !!! ก็เท่า Pulsar DIG Turbo นะ ไม่ได้ถูกนะ
2. แอร์รั่วแล้วจ้า .. ทักตั้งแต่ต้นปีละว่า วาล์วมันดัง มารอบนี้ เจอแดดจัด แอร์ไม่สู้แดดเลย ดูตาแมวก็เรียบร้อย น้ำยาขาด ถามศูนย์ก็บอก ไม่มีอะไหล่ ต้องสั่ง ร้านแอร์ที่นั่นก็ไม่รู้จัก ยังคิดอยู่ว่า จะเอายังไง รอบหน้ากลับไป น่าจะไม่มีความเย็นละ
3. ไดชาร์จพัง .. อันนี้ พังปีก่อน ตอนพ่อตายังขับรถอยู่ เข้าศูนย์เบิกยกลูก ก็หมื่นกว่า
4. บู๊ชปีกนกแตก .. ผมเจอตอนเอาไปถ่ายน้ำมันเครื่องร้านหน้าปากซอย ให้เค้าเอาเข้าศูนย์ ศูนย์ดันใจดี เบิกปีกนกเปลี่ยนข้างเดียวอีก !!! ตำราไหนสอนมันมาฟะ รถสิบปี หุหุ
5. ไฟส่องป้ายขาดข้างนึง .. จริงๆปัญหาไม่ได้อยู่ที่มันขาด เพราะตามอายุก็เกิดได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ศูนย์ .. ไม่รู้สิ ปกติ HONDA ที่ กทม ที่เข้าประจำ พวกเดินวนรอบรถ เปิดไฟ เช็คทุกอย่าง แล้วแจ้งขอเปลี่ยนตลอด แต่นี่ .. สั่งเช็คระยะ มันเช็คอะไรบ้างฟะเนี่ย !!!
6. คอนโซลแตก .. ปัญหาประจำรุ่นครับ แตกยับเลย พอแตกแล้ว พ่อตา ดันเอาพรมไปปิดอีก จะดึงออกก็ไม่ได้ .. รถมี airbag นะคร้าบบบ
7. เลี้ยวพร้อมออกตัว มีเสียงดัง ที่ช่วงล่างหน้าซ้าย .. เพิ่งเจอรอบนี้ ยุ่งๆ แล้วก็ลืมมุดดูครับว่า เพลาขับหรือป่าว แต่ถ้าพวงมาลัยตรง มันไม่ดัง
8. ฟิล์มหมดสภาพ .. ตามอายุครับ ร่อนเป็นผงเลย (ผงๆตรงแผงประตูนั่นแหละ) .. Lamina POP 20 นะนั่น เสื่อมจนใสแจ๋วเลย
9. หนังพวงมาลัยถลอก .. ป่าวครับ ไม่ได้เกิดจาก TOYOTA แต่เกิดจาก ใส่ล็อคพวงมาลัยกันขโมย เห็นแล้วก็สงสารรถ อยากจะบอก พ่อตา ว่า "รุ่นนี้ ไม่มีใครเอาแล้ว" ก็กลัวจะโดนเตะ 55+
10. วิทยุ น่าจะเล่น CD ได้ 6 แผ่น .. ไม่โหลดแผ่น ไม่คายแผ่น / ลำโพงฝั่งซ้ายดังเบา
ครับ คร่าวๆก็ประมาณนี้ เครื่องยังแห้งๆ ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่เยิ้ม ครับ
ปล. ตอนนี้ มีแผนร้าย ว่าจะยึดรถคันนี้ เพราะทิ้งไว้สุราษ มันก็พังลงเรื่อยๆ ไม่มีคนใช้มัน .. แถมถ้าบ่นว่า ไม่เอาออกมาใช้ เดี๋ยวก็จะมีผู้ไม่ประสงค์ดี มายืมไปใช้ ให้พังหนักกว่าเดิมอีก ดังนั้น ยึดมาปรับปรุง ไว้ขับขำๆน่าจะดี เอาไว้ไปห้าง ไปตลาด จอดไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวเป็นรอย
ปล.1 ไล่ซื้อเครื่องเสียง เตรียมใส่รถคันนี้ เกือบครบละ
- Front .. มี JVC V620BT ที่ถอดจาก City อยู่
- แอมป์ .. มี Precision Power 4CH ที่ถอดจาก City อยู่
- ลำโพง .. จริงๆมี Boston FS60 ที่ถอดจาก Jazz GE อยู่นะ แต่ไปสอย German Maestro AS6511 มาละ
- Sub .. สอย Diamond DE104 10 นิ้ว มาละ (1,920 บาท จาก 6,7XX บาท ใครจะทนไหว 55+)
- สายสัญญาณกลางแหลม .. หิ้ว Straight wire ตัวเริ่มต้นมาละ
- สายไฟ / กระบอกฟิวส์ .. มีเหลือพอ
น่าจะขาดแค่ แอมป์ขับ Sub กับ สายสัญญาณ Sub และ สายลำโพง ค่อยๆหา เดี๋ยวก็ได้ อิอิ
ของเกือบครบ แต่รถจะมาเมื่อไหร่ ยังไม่รู้เลย .. ไปยึดรถเค้ามา เค้าจะเตะเอาไหมเนี่ย
................
แถมอีกนิด
- เมื่อคืน ลองเอาสาย Straight Wire เส้นข้างบนนี่แหละ ไปลองต่อฟังเสียงในห้องฟังเพลงที่บ้านดูครับ เพราะหลังซื้อมาส่งรูปไปอวดพ่อ โดนพ่อขู่อยู่ว่า "Straight Wire กลางแหลม มันหยาบ น่ารำคาญ นะโว้ยยย" เพราะสมัยก่อน พ่อผมก็แฟนคลับยี่ห้อนี้แหละ เล่นรุ่นแพงๆเค้ามาตลอด (ซึ่งผมนี่แหละ ก็ตัวเกลียดสายยี่ห้อนี้เลย .. แต่ดันซื้อ ???)
- เปิดเบิร์นไป 5 - 6 ช.ม. ครับ แล้วมาลองฟัง เทียบกับสายปกติ ที่ใช้อยู่ Tara Labs space&time the entity .. อย่าเพิ่งด่าเน้อออ รู้ครับว่า มันเทียบกันไม่ได้
1. เสียงนักร้อง ไม่หยาบนะ ไม่มีเกรนหยาบเข้ามา เสียงติดไปทางอวบเล็กๆ
2. เสียงแหลม รายละเอียด ยังปานกลาง ทอดตัวไม่ได้ไกล ยังเหมือนมีม่านหมอกคลุมอยู่ (อันนี้ ว่าไม่ได้ สายยังไม่เบิร์นนะ)
แต่ ... 2 ข้อนี้ ได้แบบนี้ ผมพอใจละว่า เสียงของสายมันไม่จัด ไม่หยาบ อย่างน้อย มันจะช่วยเบรค ลำโพง German Maestro ซึ่งก็คือ โรงงาน MB-Quart เก่า ซึ่งถ้าใครเคยฟังค่ายนี้ ยุคเก่า (สมัยที่บ้านใช้ W124 ก็ยี่ห้อนี้ยกคัน) เสียงมันจะค่อนข้างสด ครับ ลำโพงที่ซื้อก็แหลม ไทเทเนี่ยม ดังนั้น ไปแนวนั้นแน่นอน (นิสัย เครื่องเสียงจาก เยอรมัน จะแนวนี้ด้วยครับ)
ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้