จำแนกแนวความเชื่อต่างๆ :
กลุ่ม “Theist” เชื่อในพระเจ้า
- กลุ่มศาสนาอับราฮัม (ยิว, คริสต์, อิสลาม)
- กลุ่มพหุเทวะ (เทพอียิปต์, กรีก, โรมัน, นอร์ธ, ฮินดู ฯลฯ)
- กลุ่มที่เชื่อว่ามีพระเจ้าแต่ไม่นับถือศาสนาใด เพราะเชื่อว่าศาสนานั้นผู้คนแต่งขึ้นตามแต่พื้นเพตนเอง เพื่อหาวิธีบูชาพระเจ้า หรือเพื่อประโยชน์ของชนชั้นปกครอง
- สายมู ถือว่าเป็นกลุ่ม “Theist” เพราะพระเจ้า หรือเทพเทวดาแต่ละศาสนาไม่เหมือนกัน สายมูก็ถือว่า นับถือบูชาเทพเทวดาของตน
Freemasonry (ฟรีเมสัน)
เป็นกลุ่มสมาคมชายที่มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก (คนละเรื่องกับทฤษฎีสบคมคิด อิลลูมินาติ) เปิดรับเพศชายทุกศาสนา แต่มีระเบียบเงื่อนไขคือ ทุกคนต้องวางกฎและความเชื่อของตนทิ้งไว้ และยึดในความเชื่อกลางรวมถึงระเบียบที่สมาคมตั้งขึ้นมา ซึ่งยึดถือในเรื่องเสรีภาพ อิสรภาพของมนุษย์ และฟรีเมสันนับถือพระเจ้าในคอนเสปต์ของตนเอง มีระเบียบบัญญัติเฉพาะกลุ่มโดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศาสนาใด
. . .
กลุ่ม “Atheist” ไม่นับถือพระเจ้า
ไม่ได้หมายถึงกลุ่มที่ไม่มีศาสนาเท่านั้น แต่หมายถึง กลุ่มไม่เชื่อพระเจ้า หรือไม่นับถือพระเจ้า
- กลุ่มเชื่อในพลังจักรวาล (The Secret : เบื้องบนที่มีอำนาจเหนือมนุษย์คือพลังลี้ลับของจักรวาล
- กลุ่มเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ (Darwinism)
- กลุ่มศาสนาพุทธส่วนมากเป็นอเทวะ ถึงแม้จะมีเรื่องราวของเทพเทวดาแต่ก็ไม่นับถือ (แต่มีเพียงบางนิกายย่อยที่นับถือบูชาพระพรหม)
- ความเชื่อในทฤษฎีอื่นๆ เช่น มีอารยธรรมที่เหนือกว่าสร้างโลกมนุษย์มาอีกที เหมือนที่มนุษย์สร้าง AI ฯลฯ
. . .
กลุ่ม "Irreligion" (อศาสนิก) ไม่มีศาสนา
การไม่นับถือศาสนา หรือการไม่ถือศีลถือธรรม รวมถึงความเชื่อหรือแนวคิดที่ไม่เห็นความสำคัญของศาสนาในชีวิตบุคคล โดยทั่วไปแล้ว Irreligion สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น
1. Agnosticism - การไม่แน่ใจหรือไม่สามารถรู้ได้เกี่ยวกับการมีอยู่ของพระเจ้า หรือความเชื่อทางศาสนา
2. Atheism - การไม่เชื่อในพระเจ้า หรือการปฏิเสธความเชื่อในศาสนา
3. Secularism - ความเชื่อหรือแนวทางที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับศาสนา โดยมักเน้นที่ความเชื่อทางโลก เชิดชูในระบบการปกครองที่ไม่อิงศาสนา เช่น ประชาธิปไตย , เผด็จการ (สังคมนิยม, ฟาสซิสต์)
"Agnostig" หรือ "Agnostic" (อไญยนิยม)
คือกลุ่มที่วางเฉย ไม่สรุปว่ามีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้า เนื่องจากโดยตรรกวิทยาแล้ว การไม่รู้หรือยังพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ว่ามีพระเจ้านั้น ก็ไม่สามารถสรุปว่าไม่มีเช่นกัน (และกลุ่มนี้น่าจะมีมากสุดของคนไม่นับถือศาสนา เพียงแต่ส่วนมากไม่รู้ว่าตนถูกจัดไว้อยู่ในหมวดนี้)
. . .
ลัทธิซาตาน (Satanist)
ซาตานิสต์ที่แท้จริงคือเชื่อว่ามีพระเจ้า จึงเชื่อว่ามีซาตาน แต่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบพระเจ้า จึงเลือกนับถือซาตาน (หากเรียกให้แฟร์ๆ ก็สามารถเรียกว่าเป็นศาสนาได้ ไม่ใช่เพียงลัทธิ) กลุ่มศาสนิกนี้มีพิธีกรรมในรูปแบบเฉพาะของตน จะกระทำสิ่งใดก็จะทำในนามซาตาน ขอพรจากซาตาน และมีหลายคนที่เล่าขานว่าได้พบซาตาน และทำข้อตกลงบางอย่างที่เขาต้องการ (กลุ่มนี้ต่างกับคนที่เรียกตนว่าซาตานิสต์เป็นแฟชั่น แต่ไม่ได้ศรัทธาในซาตานจริงๆ อย่างกลุ่มร็อคเกอร์บางแนว)
. . .
กลุ่มคนไม่นับถือศาสนา ยึดถือคุณธรรมดังนี้
1. ใช้เหตุผลและวิทยาศาสตร์ - เท่าที่พิสูจน์ได้ในเวลานั้นๆ เพื่อพิจารณาว่าควรทำสิ่งใด หรือไม่ทำสิ่งใด เพื่อไม่ให้เกิดโทษ เช่น การงดใช้สารเคมีหรือยาเสพติด ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและสังคม
2. ใช้จริยธรรมทางสังคม - หลักคุณธรรมที่มาจากการใช้วิจารณญาณ เช่น ความยุติธรรม ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น
3. ความเห็นอกเห็นใจ - การปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจ โดยไม่อิงหลักการทางศาสนามาเป็นแนวทาง
4. ความรับผิดชอบส่วนบุคคล - ความเชื่อในการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและผลกระทบที่มีต่อผู้อื่นและสังคม
5. เปิดรับแนวคิดที่หลากหลาย - การมีมุมมองที่เปิดกว้างต่อความเชื่อและความคิดเห็นที่แตกต่าง และยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเชื่อ เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันโดยมีความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม
. . .
ตัวอย่างคุณธรรมบางประการที่ “อศาสนิก” ยึดถือ
* การไม่ทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่น เช่น บุลลี่ การหมิ่นประมาท การนินทาว่าร้าย
*การไม่คดโกง หรือผิดสัญญาข้อตกลงทางกฎหมาย
* การต่อต้านสงครามและการเข่นฆ่า ในที่นี้คือรวมถึงวิธีการป้องกันและปราบปราม การไม่ระงับการเข่นฆ่าด้วยการทำสงคราม การไม่ยับยั้งอาชญากรด้วยการประหารอาชญกร (เพราะแนวคิดการประหารผู้กระทำความผิดคือแนวคิดเดียวกับอาชญากร) แต่ใช้กระบวนการยุติธรรมโดยนำหลักอาชญวิทยาเข้ามาจัดการแก้ไข
* การเปิดกว้างเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนทุกเชื้อชาติ ศาสนาความเชื่อ ไม่มีการเหยียดหรืออคติ เพราะการเหยียดคือต้นเหตุหนึ่งของอาชญากรรม
คุณธรรมในแบบคนไม่นับถือศาสนา - อเทวะ - และฟรีเมสัน
กลุ่ม “Theist” เชื่อในพระเจ้า
- กลุ่มศาสนาอับราฮัม (ยิว, คริสต์, อิสลาม)
- กลุ่มพหุเทวะ (เทพอียิปต์, กรีก, โรมัน, นอร์ธ, ฮินดู ฯลฯ)
- กลุ่มที่เชื่อว่ามีพระเจ้าแต่ไม่นับถือศาสนาใด เพราะเชื่อว่าศาสนานั้นผู้คนแต่งขึ้นตามแต่พื้นเพตนเอง เพื่อหาวิธีบูชาพระเจ้า หรือเพื่อประโยชน์ของชนชั้นปกครอง
- สายมู ถือว่าเป็นกลุ่ม “Theist” เพราะพระเจ้า หรือเทพเทวดาแต่ละศาสนาไม่เหมือนกัน สายมูก็ถือว่า นับถือบูชาเทพเทวดาของตน
Freemasonry (ฟรีเมสัน)
เป็นกลุ่มสมาคมชายที่มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก (คนละเรื่องกับทฤษฎีสบคมคิด อิลลูมินาติ) เปิดรับเพศชายทุกศาสนา แต่มีระเบียบเงื่อนไขคือ ทุกคนต้องวางกฎและความเชื่อของตนทิ้งไว้ และยึดในความเชื่อกลางรวมถึงระเบียบที่สมาคมตั้งขึ้นมา ซึ่งยึดถือในเรื่องเสรีภาพ อิสรภาพของมนุษย์ และฟรีเมสันนับถือพระเจ้าในคอนเสปต์ของตนเอง มีระเบียบบัญญัติเฉพาะกลุ่มโดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศาสนาใด
. . .
กลุ่ม “Atheist” ไม่นับถือพระเจ้า
ไม่ได้หมายถึงกลุ่มที่ไม่มีศาสนาเท่านั้น แต่หมายถึง กลุ่มไม่เชื่อพระเจ้า หรือไม่นับถือพระเจ้า
- กลุ่มเชื่อในพลังจักรวาล (The Secret : เบื้องบนที่มีอำนาจเหนือมนุษย์คือพลังลี้ลับของจักรวาล
- กลุ่มเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ (Darwinism)
- กลุ่มศาสนาพุทธส่วนมากเป็นอเทวะ ถึงแม้จะมีเรื่องราวของเทพเทวดาแต่ก็ไม่นับถือ (แต่มีเพียงบางนิกายย่อยที่นับถือบูชาพระพรหม)
- ความเชื่อในทฤษฎีอื่นๆ เช่น มีอารยธรรมที่เหนือกว่าสร้างโลกมนุษย์มาอีกที เหมือนที่มนุษย์สร้าง AI ฯลฯ
. . .
กลุ่ม "Irreligion" (อศาสนิก) ไม่มีศาสนา
การไม่นับถือศาสนา หรือการไม่ถือศีลถือธรรม รวมถึงความเชื่อหรือแนวคิดที่ไม่เห็นความสำคัญของศาสนาในชีวิตบุคคล โดยทั่วไปแล้ว Irreligion สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น
1. Agnosticism - การไม่แน่ใจหรือไม่สามารถรู้ได้เกี่ยวกับการมีอยู่ของพระเจ้า หรือความเชื่อทางศาสนา
2. Atheism - การไม่เชื่อในพระเจ้า หรือการปฏิเสธความเชื่อในศาสนา
3. Secularism - ความเชื่อหรือแนวทางที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับศาสนา โดยมักเน้นที่ความเชื่อทางโลก เชิดชูในระบบการปกครองที่ไม่อิงศาสนา เช่น ประชาธิปไตย , เผด็จการ (สังคมนิยม, ฟาสซิสต์)
"Agnostig" หรือ "Agnostic" (อไญยนิยม)
คือกลุ่มที่วางเฉย ไม่สรุปว่ามีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้า เนื่องจากโดยตรรกวิทยาแล้ว การไม่รู้หรือยังพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ว่ามีพระเจ้านั้น ก็ไม่สามารถสรุปว่าไม่มีเช่นกัน (และกลุ่มนี้น่าจะมีมากสุดของคนไม่นับถือศาสนา เพียงแต่ส่วนมากไม่รู้ว่าตนถูกจัดไว้อยู่ในหมวดนี้)
. . .
ลัทธิซาตาน (Satanist)
ซาตานิสต์ที่แท้จริงคือเชื่อว่ามีพระเจ้า จึงเชื่อว่ามีซาตาน แต่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบพระเจ้า จึงเลือกนับถือซาตาน (หากเรียกให้แฟร์ๆ ก็สามารถเรียกว่าเป็นศาสนาได้ ไม่ใช่เพียงลัทธิ) กลุ่มศาสนิกนี้มีพิธีกรรมในรูปแบบเฉพาะของตน จะกระทำสิ่งใดก็จะทำในนามซาตาน ขอพรจากซาตาน และมีหลายคนที่เล่าขานว่าได้พบซาตาน และทำข้อตกลงบางอย่างที่เขาต้องการ (กลุ่มนี้ต่างกับคนที่เรียกตนว่าซาตานิสต์เป็นแฟชั่น แต่ไม่ได้ศรัทธาในซาตานจริงๆ อย่างกลุ่มร็อคเกอร์บางแนว)
. . .
กลุ่มคนไม่นับถือศาสนา ยึดถือคุณธรรมดังนี้
1. ใช้เหตุผลและวิทยาศาสตร์ - เท่าที่พิสูจน์ได้ในเวลานั้นๆ เพื่อพิจารณาว่าควรทำสิ่งใด หรือไม่ทำสิ่งใด เพื่อไม่ให้เกิดโทษ เช่น การงดใช้สารเคมีหรือยาเสพติด ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและสังคม
2. ใช้จริยธรรมทางสังคม - หลักคุณธรรมที่มาจากการใช้วิจารณญาณ เช่น ความยุติธรรม ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น
3. ความเห็นอกเห็นใจ - การปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจ โดยไม่อิงหลักการทางศาสนามาเป็นแนวทาง
4. ความรับผิดชอบส่วนบุคคล - ความเชื่อในการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและผลกระทบที่มีต่อผู้อื่นและสังคม
5. เปิดรับแนวคิดที่หลากหลาย - การมีมุมมองที่เปิดกว้างต่อความเชื่อและความคิดเห็นที่แตกต่าง และยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเชื่อ เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันโดยมีความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม
. . .
ตัวอย่างคุณธรรมบางประการที่ “อศาสนิก” ยึดถือ
* การไม่ทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่น เช่น บุลลี่ การหมิ่นประมาท การนินทาว่าร้าย
*การไม่คดโกง หรือผิดสัญญาข้อตกลงทางกฎหมาย
* การต่อต้านสงครามและการเข่นฆ่า ในที่นี้คือรวมถึงวิธีการป้องกันและปราบปราม การไม่ระงับการเข่นฆ่าด้วยการทำสงคราม การไม่ยับยั้งอาชญากรด้วยการประหารอาชญกร (เพราะแนวคิดการประหารผู้กระทำความผิดคือแนวคิดเดียวกับอาชญากร) แต่ใช้กระบวนการยุติธรรมโดยนำหลักอาชญวิทยาเข้ามาจัดการแก้ไข
* การเปิดกว้างเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนทุกเชื้อชาติ ศาสนาความเชื่อ ไม่มีการเหยียดหรืออคติ เพราะการเหยียดคือต้นเหตุหนึ่งของอาชญากรรม