
🐭🐭🐭
เป็นหนังที่ถูกแปะหัวว่าน่าดูที่สุดเรื่องหนึ่งในครึ่งปีหลังตามที่หลายๆ สำนักแนะนำ ด้วยชื่อของ M. Night Shyamalan ที่มาทีไรก็ไม่ค่อยน่าผิดหวัง และมักจะมีอะไรดีๆ ให้พูดถึงอยู่ตลอด กับการกลับมาอีกครับของ Josh Hartnett ที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่เหมือนกัน ด้วยเรื่องราวที่มัถูกเฉลยตั้งแต่กลางเรื่อง แต่ก็ยังพลิกไปพลิกมาชวนให้คาดเดา

🐭🐭🐭
เรื่องราวของพ่อและลูกสาววัยรุ่นไปคอนเสิร์ตเพลงป๊อปไอดอลชื่งดัง เลดี้ เรเวน แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็ค้นพบว่า พวกเขาดันมาอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันน่ากลัว เมื่อตำรวจกำลังปิดพื้นที่ล้อมจับตัวฆาตกรต่อเนื่องที่ชื่อว่า บุชเชอร์

🐭🐭🐭
หนังเรื่องนี้เปิดหัวมาตอนแรกด้วยการสร้างภาพลักษณ์ของคูเปอร์ให้เหมือนกับเป็นพระเอกที่คนดูจะต้องเชื่อว่าเขาต้องเป็นฮีโร่ของเรื่องแน่ๆ เพราะภาพที่หนังสื่อออกมาในตอนแรกดูเป็นพ่อที่รักลูกสาวและพร้อมจะทำทุกอย่างให้กับเธอ แต่ในภาพของความเป็นพระเอกนั้น กลับซ่อนบางสิ่งที่น่าสงสัยไว้นการกระทำหลายๆ อย่างของเขาแต่มันก็สื่อให้คนดูเข้าใจไปว่า เขาทำเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาและลูกสาวเท่านั้น
🐭🐭🐭
แต่แล้วพอมาถึงช่วงเกือบๆ จะกลางเรื่อง

หนังก็เปิดตัวตนที่แท้จริงของคูเปอร์ออกมา ไม่ได้สปอยล์นะเพราะน่าจะรู้กันอยู่แล้ว ซึ่งความเก่งกาจของ M. Night Shyamalan และความดีงามของเรื่องนี้คือ การที่หนังสามารถสร้างความอึดอัดและสถานการณ์หลายๆ อย่างที่ทำให้ตัวละครต้องเหมือนหนูติดจั่นในสถานที่ปิดอย่างงานคอนเสิร์ท ให้ออกมาน่าติดตามและลุ้นไปด้วย การที่ตัวละครเอกกลับกลายเป็นคนร้าย หนังก็ทำอีกมุมมองหนึ่งให้คนดูลุ้นตามไปได้ว่าตัวเอกของเราจะหลบหนีออกมาได้ยังไง

🐭🐭🐭
แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากๆ ก็อยู่ในฉากคอนเสิร์ทอีกนั่นแหละ ทั้งๆ ที่เหมือนกับว่าฉากนี้จะเป็นองก์หลักของเรื่องแล้ว แต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากฉากหลักนี้เลย กลายเป็นว่าสถานการณ์ไม่ได้บีบบังคับให้ตัวละครต้องทำอะไรที่เป็นการเอาตัวรอดมากเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าเสียดายเพราะฉากนี้มันค่อนข้างจะเกือบครอบคลุมทั้งเรื่อง

🐭🐭🐭
สิ่งดีงามที่สุดอีกอย่างของเรื่องต้องยกให้การแสดงของ Josh Hartnett ที่แสดงออกเป็นคนสองบุคลิกได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวละครคูเปอร์อาจจะไม่ได้เป็นตัวละครที่แสดงออกถึงบุคลิกแต่ละด้านอย่างชัดเจนเหมือนตัวละครในเรื่อง Spilt ของ James McAvoy แต่กลับแสดงออกทางสีหน้าและแววตาที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณพ่อที่แสนดีได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วพอตอนท้ายที่บุคลิกของ Butcher ถูกปลดปล่อยออกมา ก็กลายเป็นหลุดไปเป็นอีกกนเลย ซึ่ง Josh Hartnett ทำได้เจ๋งมากๆ
🐭🐭🐭
เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไรคนดูเยอะเท่ากับเรื่องที่ผ่านๆ มาของ M. Night Shyamalan แต่ก็มีดีให้ลุ้นและติดตามไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง กับหนังที่มีความยาวเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถือว่าคุ้มที่จะดูครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] TRAP - กับดักของ M. Night Shyamalan ที่เฉลยตั้งแต่กลางเรื่องแต่ก็ยังน่าติดตาม
🐭🐭🐭
เป็นหนังที่ถูกแปะหัวว่าน่าดูที่สุดเรื่องหนึ่งในครึ่งปีหลังตามที่หลายๆ สำนักแนะนำ ด้วยชื่อของ M. Night Shyamalan ที่มาทีไรก็ไม่ค่อยน่าผิดหวัง และมักจะมีอะไรดีๆ ให้พูดถึงอยู่ตลอด กับการกลับมาอีกครับของ Josh Hartnett ที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่เหมือนกัน ด้วยเรื่องราวที่มัถูกเฉลยตั้งแต่กลางเรื่อง แต่ก็ยังพลิกไปพลิกมาชวนให้คาดเดา
🐭🐭🐭
เรื่องราวของพ่อและลูกสาววัยรุ่นไปคอนเสิร์ตเพลงป๊อปไอดอลชื่งดัง เลดี้ เรเวน แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็ค้นพบว่า พวกเขาดันมาอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันน่ากลัว เมื่อตำรวจกำลังปิดพื้นที่ล้อมจับตัวฆาตกรต่อเนื่องที่ชื่อว่า บุชเชอร์
🐭🐭🐭
หนังเรื่องนี้เปิดหัวมาตอนแรกด้วยการสร้างภาพลักษณ์ของคูเปอร์ให้เหมือนกับเป็นพระเอกที่คนดูจะต้องเชื่อว่าเขาต้องเป็นฮีโร่ของเรื่องแน่ๆ เพราะภาพที่หนังสื่อออกมาในตอนแรกดูเป็นพ่อที่รักลูกสาวและพร้อมจะทำทุกอย่างให้กับเธอ แต่ในภาพของความเป็นพระเอกนั้น กลับซ่อนบางสิ่งที่น่าสงสัยไว้นการกระทำหลายๆ อย่างของเขาแต่มันก็สื่อให้คนดูเข้าใจไปว่า เขาทำเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาและลูกสาวเท่านั้น
🐭🐭🐭
แต่แล้วพอมาถึงช่วงเกือบๆ จะกลางเรื่อง
🐭🐭🐭
แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากๆ ก็อยู่ในฉากคอนเสิร์ทอีกนั่นแหละ ทั้งๆ ที่เหมือนกับว่าฉากนี้จะเป็นองก์หลักของเรื่องแล้ว แต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากฉากหลักนี้เลย กลายเป็นว่าสถานการณ์ไม่ได้บีบบังคับให้ตัวละครต้องทำอะไรที่เป็นการเอาตัวรอดมากเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าเสียดายเพราะฉากนี้มันค่อนข้างจะเกือบครอบคลุมทั้งเรื่อง
🐭🐭🐭
สิ่งดีงามที่สุดอีกอย่างของเรื่องต้องยกให้การแสดงของ Josh Hartnett ที่แสดงออกเป็นคนสองบุคลิกได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวละครคูเปอร์อาจจะไม่ได้เป็นตัวละครที่แสดงออกถึงบุคลิกแต่ละด้านอย่างชัดเจนเหมือนตัวละครในเรื่อง Spilt ของ James McAvoy แต่กลับแสดงออกทางสีหน้าและแววตาที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณพ่อที่แสนดีได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วพอตอนท้ายที่บุคลิกของ Butcher ถูกปลดปล่อยออกมา ก็กลายเป็นหลุดไปเป็นอีกกนเลย ซึ่ง Josh Hartnett ทำได้เจ๋งมากๆ
🐭🐭🐭
เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไรคนดูเยอะเท่ากับเรื่องที่ผ่านๆ มาของ M. Night Shyamalan แต่ก็มีดีให้ลุ้นและติดตามไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง กับหนังที่มีความยาวเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถือว่าคุ้มที่จะดูครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้