
- ดูจบ ชอบ โดยรวมก็เป็นไปตามเสียงข้างมากจากคนที่ได้สัมผัสด้วยตาเนื้อว่าตัวหนังมีจุดเด่นอยู่ตรงที่การเล่ามีความเหวี่ยงแปลกตาและมีทิศทางไม่ซ้ำชาวบ้านจึงทำให้เรื่องมีรสชาติหลากหลายและกลมกล่อมแบบอูมามิ ทั้งที่ตัวบทมีความสามัญประจำบ้านตามที่พบเห็นได้จากหนังเรื่องอื่นในแนวนี้ ซึ่งต้องยกย่องตัวผู้กำกับ JT Mollner ที่สามารถเอาวัตถุดิบรากหญ้ามาผสมให้มีรสชาติแปลกใหม่แต่คงความเดิมจากตัวตนด้วยภาพขนาด 35 มม.จากฝีมือของ Giovanni Ribishi ที่มากำกับภาพเป็นครั้งแรกให้บรรยากาศ Old School ใน Feel หนัง Thriller ยุค 70’s – 80’s คล้ายกับเรื่อง Carnage Park (2016) พอได้กินเข้าไปปรากฎว่าอร่อยเหาะ

- ถึงหนังจะเล่าวิธีแบ่งเป็น Chapters ที่ไม่แปลกใหม่แต่กูมีทีเด็ดเหนือกว่านั้นคือ กูเอา Story ที่มีความยาว 1 ชั่วโมง 35 นาที มาวางไว้บนเขียงจากนั้นจึงหยิบมีดขึ้นมาสับเป็น 6 ชิ้นแล้วรวบมาสับในมือเหมือนไพ่ทาโร่แล้วแจกตามลำดับ เปิดออกหน้าไหน ? ก็ดูไปตามนั้น เป็นไง ? อึ้งเลยดิ ถึงไม่เรียง Timeline ก็ดูง่าย เข้าไม่ยาก ถ้าตั้งใจศึกษาและคิดตามไปกับ Details ที่มาจากคำพูดให้รู้ซึ้งถึงมุมมองของแต่ละคนว่าเป็นใคร ? หรือสัญญะที่ปรากฎเป็นภาพปีศาจแวบ ๆ ให้รู้ว่าเป็นหนัง Horror ตามที่บอกไว้ ดังนั้นจึงเห็นได้ทันทีว่าหลังจากมีการบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเกิดคดีฆาตกรรมบนแฟ้มคดีอาชญากรรมเสริมความน่าเชื่อถือเสร็จสรรพ หนังก็พาเราไปสู่ Scene ไล่ล่าบนถนนพร้อมกับ Score ปลุกเร้าอารมณ์ให้ดูกันจะ ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว

- ช่วงที่ทั้งคู่นั่งเม้ามอยหอยสังข์ในรถรู้สึกว่ามันยืดไปจนเผลอหาวเป็นระยะว่าเมื่อไหร่ 2 คนจะคุยเสร็จแล้วลงจากรถซะที ? ถ้าได้ไปประกอบพิธีอย่างว่า คือขณะดูพยายามประติดประต่อกับคำพูดที่มีแต่น้ำลายโดยที่ไม่มี Flashback ประกอบนอกจากอึดอัดกับภาพสีน้ำเงินในที่ปิดแล้วยังเกิดการชั่งใจในหัวว่าไอ้ที่พล่ามมาเนี่ย อันไหนเชื่อถือได้ อันไหนโกหก แต่ด้วยความที่ทิศทางของหนังมีจังหวะการเล่าไม่เหมือนชาวบ้านแล้วบวกกับการแสดงของ Willa Fitzgerald กับ Kyle Gallner ที่มีเคมีรับ-ส่งอารมณ์กันดีเกินจนคาดเดาไม่ได้มันเลยทำให้เราตื่นเต้นกับการเปลี่ยน Chapters ต่อไปว่าหวยจะไปตกที่เลขอะไร ?

- ระหว่างกำลังมันส์กับการเล่นเกมส์จับหนูร้องเมี๊ยว หรือ บรรเลงเพลงรักบนเตียงของ 2 เรามั่วซั่ว สิ่งที่ไม่คาดคิดอีกยกคือ จู่ ๆ หนังเล่นหักมุมหน้าตาใสจนผมเอ๋อแดกไปชั่วครู่ว่า เฮ้ย จริงดิ ? พอได้สติคืนมาก็นั่งทบทวนย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นแล้วค่อย ๆ ไล่มาทีละนิด หนังได้บอกเป็นนัย ๆ แล้ว ไอ้เราก็ชั่งใจอยู่ไง ? ไม่คิดว่าหนังจะมาแบบนี้ พอมาถึงจุดนี้ปุ๊ปก็เลย อ๋อ มันเป็นอย่างนี้ หลังจากหายมึน ซึ่งนี่แหล่ะคือข้อดีของหนังที่รู้ให้น้อยที่สุดแล้วจะสนุกกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นอย่างบอกไม่ถูก

- ถึงความ Surprise จะเสื่อมคลายลงแต่ยังลุ้นเป็นระยะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ? แม้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนั้นอีกจนกระทั่งตอนจบก็รู้สึกว่าเฉย ๆ ดูเกรงใจบางอย่างจนอุทานในใจว่าแค่เนี้ย ? ทั้งที่ตอนเปิดเรื่องออกตัวอย่างแรงแต่เกิดเปลี่ยนใจชะลอเครื่องลงตอนท้ายซะงั้น พีคสุดคือในแง่ของการเล่าและดีได้อีกในส่วนของ theme ก็ดีหรือการไล่ล่าต่อสู้ที่อยากให้ดุเดือดกว่านี้เหมือนเสียงยิงจากลูกซองมาทีดังสะใจชิเป๋ง ด้วยความที่มีตัวละครไม่เยอะ Location ก็แวะไม่กี่ที่เลยสามารถโฟกัส Story ผ่านตัวละครหลักใน Area จำกัดได้เต็มที่ แต่แล้วก็มีเรื่องที่ไม่อยากให้มีจนได้คือ พฤติกรรมของตัวละครที่ดันเสร่อทำในสิ่งไม่ควรทำจนเกิดความหงุดหงิดแล้วด่าไปว่า เป็นบ้าอะไรของ ? จนนำไปสู่ความชิหายอย่างที่คิด ถึงช่วงท้ายจะจบสวย แต่ยังไม่สาแก่ใจกับสิ่งที่ทำไว้

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like & Share บทความของผม EMistique เพื่อเป็นกำลังใจในการพรรณนาครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
[CR] No.119 Strange Darling (2023) : นัดเดียว เสวทุกดอก
- ดูจบ ชอบ โดยรวมก็เป็นไปตามเสียงข้างมากจากคนที่ได้สัมผัสด้วยตาเนื้อว่าตัวหนังมีจุดเด่นอยู่ตรงที่การเล่ามีความเหวี่ยงแปลกตาและมีทิศทางไม่ซ้ำชาวบ้านจึงทำให้เรื่องมีรสชาติหลากหลายและกลมกล่อมแบบอูมามิ ทั้งที่ตัวบทมีความสามัญประจำบ้านตามที่พบเห็นได้จากหนังเรื่องอื่นในแนวนี้ ซึ่งต้องยกย่องตัวผู้กำกับ JT Mollner ที่สามารถเอาวัตถุดิบรากหญ้ามาผสมให้มีรสชาติแปลกใหม่แต่คงความเดิมจากตัวตนด้วยภาพขนาด 35 มม.จากฝีมือของ Giovanni Ribishi ที่มากำกับภาพเป็นครั้งแรกให้บรรยากาศ Old School ใน Feel หนัง Thriller ยุค 70’s – 80’s คล้ายกับเรื่อง Carnage Park (2016) พอได้กินเข้าไปปรากฎว่าอร่อยเหาะ
- ถึงหนังจะเล่าวิธีแบ่งเป็น Chapters ที่ไม่แปลกใหม่แต่กูมีทีเด็ดเหนือกว่านั้นคือ กูเอา Story ที่มีความยาว 1 ชั่วโมง 35 นาที มาวางไว้บนเขียงจากนั้นจึงหยิบมีดขึ้นมาสับเป็น 6 ชิ้นแล้วรวบมาสับในมือเหมือนไพ่ทาโร่แล้วแจกตามลำดับ เปิดออกหน้าไหน ? ก็ดูไปตามนั้น เป็นไง ? อึ้งเลยดิ ถึงไม่เรียง Timeline ก็ดูง่าย เข้าไม่ยาก ถ้าตั้งใจศึกษาและคิดตามไปกับ Details ที่มาจากคำพูดให้รู้ซึ้งถึงมุมมองของแต่ละคนว่าเป็นใคร ? หรือสัญญะที่ปรากฎเป็นภาพปีศาจแวบ ๆ ให้รู้ว่าเป็นหนัง Horror ตามที่บอกไว้ ดังนั้นจึงเห็นได้ทันทีว่าหลังจากมีการบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเกิดคดีฆาตกรรมบนแฟ้มคดีอาชญากรรมเสริมความน่าเชื่อถือเสร็จสรรพ หนังก็พาเราไปสู่ Scene ไล่ล่าบนถนนพร้อมกับ Score ปลุกเร้าอารมณ์ให้ดูกันจะ ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว
- ช่วงที่ทั้งคู่นั่งเม้ามอยหอยสังข์ในรถรู้สึกว่ามันยืดไปจนเผลอหาวเป็นระยะว่าเมื่อไหร่ 2 คนจะคุยเสร็จแล้วลงจากรถซะที ? ถ้าได้ไปประกอบพิธีอย่างว่า คือขณะดูพยายามประติดประต่อกับคำพูดที่มีแต่น้ำลายโดยที่ไม่มี Flashback ประกอบนอกจากอึดอัดกับภาพสีน้ำเงินในที่ปิดแล้วยังเกิดการชั่งใจในหัวว่าไอ้ที่พล่ามมาเนี่ย อันไหนเชื่อถือได้ อันไหนโกหก แต่ด้วยความที่ทิศทางของหนังมีจังหวะการเล่าไม่เหมือนชาวบ้านแล้วบวกกับการแสดงของ Willa Fitzgerald กับ Kyle Gallner ที่มีเคมีรับ-ส่งอารมณ์กันดีเกินจนคาดเดาไม่ได้มันเลยทำให้เราตื่นเต้นกับการเปลี่ยน Chapters ต่อไปว่าหวยจะไปตกที่เลขอะไร ?
- ระหว่างกำลังมันส์กับการเล่นเกมส์จับหนูร้องเมี๊ยว หรือ บรรเลงเพลงรักบนเตียงของ 2 เรามั่วซั่ว สิ่งที่ไม่คาดคิดอีกยกคือ จู่ ๆ หนังเล่นหักมุมหน้าตาใสจนผมเอ๋อแดกไปชั่วครู่ว่า เฮ้ย จริงดิ ? พอได้สติคืนมาก็นั่งทบทวนย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นแล้วค่อย ๆ ไล่มาทีละนิด หนังได้บอกเป็นนัย ๆ แล้ว ไอ้เราก็ชั่งใจอยู่ไง ? ไม่คิดว่าหนังจะมาแบบนี้ พอมาถึงจุดนี้ปุ๊ปก็เลย อ๋อ มันเป็นอย่างนี้ หลังจากหายมึน ซึ่งนี่แหล่ะคือข้อดีของหนังที่รู้ให้น้อยที่สุดแล้วจะสนุกกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นอย่างบอกไม่ถูก
- ถึงความ Surprise จะเสื่อมคลายลงแต่ยังลุ้นเป็นระยะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ? แม้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนั้นอีกจนกระทั่งตอนจบก็รู้สึกว่าเฉย ๆ ดูเกรงใจบางอย่างจนอุทานในใจว่าแค่เนี้ย ? ทั้งที่ตอนเปิดเรื่องออกตัวอย่างแรงแต่เกิดเปลี่ยนใจชะลอเครื่องลงตอนท้ายซะงั้น พีคสุดคือในแง่ของการเล่าและดีได้อีกในส่วนของ theme ก็ดีหรือการไล่ล่าต่อสู้ที่อยากให้ดุเดือดกว่านี้เหมือนเสียงยิงจากลูกซองมาทีดังสะใจชิเป๋ง ด้วยความที่มีตัวละครไม่เยอะ Location ก็แวะไม่กี่ที่เลยสามารถโฟกัส Story ผ่านตัวละครหลักใน Area จำกัดได้เต็มที่ แต่แล้วก็มีเรื่องที่ไม่อยากให้มีจนได้คือ พฤติกรรมของตัวละครที่ดันเสร่อทำในสิ่งไม่ควรทำจนเกิดความหงุดหงิดแล้วด่าไปว่า เป็นบ้าอะไรของ ? จนนำไปสู่ความชิหายอย่างที่คิด ถึงช่วงท้ายจะจบสวย แต่ยังไม่สาแก่ใจกับสิ่งที่ทำไว้
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like & Share บทความของผม EMistique เพื่อเป็นกำลังใจในการพรรณนาครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้