https://pantip.com/topic/42947947 (บทที่ 2 ถูกอุ้ม)
ภายในห้องปฏิบัติการบนชั้นสองของสถานีตำรวจภูธรแม่รัก พันตำรวจโทอัศวิน ขวัญมา สารวัตรสืบสวนและนายดาบตำรวจทรงสิทธิ์ ดวงวิไล ลูกน้องคู่ใจ กำลังตั้งใจรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีอุบัติเหตุรถยนต์ตกลงแม่น้ำจนมีผู้เสียชีวิตสองราย ให้ผู้กำกับการสถานีและรองผู้กำกับการกำกับดูแลงานสืบสวนและสอบสวน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหมายเลขหนึ่งและสอง ทราบ
“ผ่านมาแล้ว 38 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่าและชุดกู้ภัยทางน้ำยังไม่พบร่างของผู้ต้องสงสัยในแม่น้ำ ตามปกติแล้วศพจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว 24 ชั่วโมงหากไม่ไปติดอยู่กับกอหญ้าหรือเศษกิ่งไม้ใต้น้ำ แต่ในสภาพอุณหภูมิน้ำต่ำในหน้าหนาวแบบนี้ ศพอาจจะเน่าเปื่อยและลอยขึ้นมาช้ากว่าปกติ แต่ตราบใดที่เรายังไม่พบศพ เราสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องสงสัยยังมีชีวิตอยู่” สารวัตรอัศวินรายงาน
“ระยะการค้นหาไกลเท่าไหร่” ผู้กำกับการสถานีถาม
“สามสิบกิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุตามกระแสน้ำลงทิศใต้ไปจนถึงสะพานนครพิงค์ครับ”
“เป็นไปได้มั้ยที่ผู้ต้องสงสัยจะรอดชีวิตโดยการว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ไหนสักแห่ง”
“ผมก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ออกไปครับ ด้วยความเย็นของน้ำในเวลากลางคืนของฤดูหนาว สันนิษฐานได้ว่าผู้ต้องสงสัยจะแช่อยู่ในน้ำได้ไม่เกินสามหรือสี่ชั่วโมง ดังนั้นพื้นที่ตำบลดอนแก้วและตำบลเหมืองแก้ว ของอำเภอแม่ริม ซึ่งถัดจากตำบลแสนรักของเราไป จึงเป็นพื้นที่สนใจที่ผู้ต้องสงสัยจะขึ้นฝั่งและหาทางหลบซ่อนตัวบนบก ผมให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่หลังเกิดเหตุ ทั้งยังประสานขอการสนับสนุนจาก สภ ข้างเคียง โดยในสองพื้นที่นี้ประกอบด้วยชุมชนหมู่บ้านขนาดเล็ก ปลูกสร้างและตั้งอยู่ห่างกันกระจัดกระจาย สลับกับทุ่งนา แปลงดอกไม้ และสวนผลไม้ของชาวบ้าน แต่ก็มีเครือข่ายถนน ซอย ตรอก สลับซับซ้อนที่โยงใยถึงกัน ซึ่งแต่ละเส้นจะเชื่อมต่อกับถนนเลียบแม่น้ำปิงที่นำออกถึงถนนสายวงแหวนรอบนอก ช่วงกลางคืน คนจะไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การแอบขึ้นจากแม่น้ำและหลบซ่อนตัว ถัดจากสองตำบลนี้ไป เป็นเขตชุมชนขนาดใหญ่ของอำเภอเมือง มีผู้คน ยวดยานผ่านเข้าออกพื้นที่แทบจะตลอดเวลา ง่ายต่อการพบเห็น ถ้าผู้ต้องสงสัยยังมีชีวิตอยู่ ผมคิดว่า เราจะได้เบาะแสและร่องรอยในสองพื้นที่นี้ แห่งใดแห่งหนึ่งครับ”
“บ้านพักผู้ต้องสงสัยล่ะ ได้ส่งใครไปดูหรือยัง” รองผู้กำกับการถาม
“ผมประสานขอให้ชุดสืบของ สภ สันกำแพง เฝ้าจับตาดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พร้อมประสาน รปภ. หมู่บ้านให้รีบแจ้งนายดาบทรงสิทธิ์ หากพบความเคลื่อนไหวครับ บ้านปิดสนิท ไม่พบผู้อยู่อาศัยหลังจากวันเกิดเหตุ เราไม่มีหมายค้น จึงยังเข้าตรวจค้นข้างในบ้านไม่ได้ครับ”
“สืบค้นประวัติผู้ต้องสงสัยหรือยัง”
“ได้มาแล้วครับ เบื้องต้นพบว่า ดั้งเดิมผู้ต้องสงสัยเป็นชาวอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เคยรับราชการสำนักงานสถิติแห่งชาติ แต่ลาออกมาทำงานอิสระ เคยเปิดร้านขายเบเกอรีและกาแฟสดอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วตั้งครรภ์ เธอจึงย้ายจากสมุทรสาครมาอยู่เชียงใหม่ แต่ตรวจสอบไม่พบว่าเธอท้องกับใคร เมื่อมาอยู่เชียงใหม่ก็เคยทำงานมูลนิธิแห่งหนึ่ง คลอดลูกสาวหนึ่งคน เธอทำงานมูลนิธิอยู่หลายปี ก่อนจะเข้าทำงานบริษัททรานส์อินโดไชน่าครับ” นายดาบตำรวจทรงสิทธิ์เป็นฝ่ายรายงานบ้าง
“มีลูกสาวหนึ่งคน แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” รองผู้กำกับการซัก
“จากการสอบถามจากเพื่อนๆ ที่ทำงานและเพื่อนบ้านของผู้ต้องสงสัย ได้ข้อมูลว่า ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ทราบว่าอยู่สถาบันไหนครับ”
“ไปตามเอาตัวลูกสาวมาสอบปากคำให้ได้ และประสานกับ สภ บ้านแพ้วให้ช่วยตรวจสอบญาติพี่น้องของผู้ต้องสงสัยด้วย” ผู้กำกับการสั่ง
“กำลังรอข้อมูลจากทั้งตำรวจนครบาลและตำรวจสมุทรสาครอยู่ครับ” นายดาบทรงสิทธิ์ตอบ
“ดี ทำงานได้รวดเร็วมาก ทางฝั่งผู้ตายล่ะ ประธานบริษัทคนนั้น”
“นายอัครา ศิริไพศาลมงคลเป็นประธานบริหารกลุ่มบริษัททรานส์อินโดไชน่า อิมพอร์ต เอ็กซ์พอร์ท ในภาคเหนือของประเทศไทย กลุ่มบริษัทนี้ก่อตั้งโดยผู้ถือหุ้นชาวไทยและชาวจีน นำเข้าส่งออกสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศแถบอินโดจีน นายอัคราเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคมธุรกิจ หน้าตาดี มีภรรยาชื่อนางรุ่งระวี และลูกอีกสองคน แต่เขาก็คบหานักศึกษาระดับอุดมศึกษาหลายคน ส่งเสียเลี้ยงดู แต่ไม่ได้พาออกหน้าออกตา เบื้องต้นทราบว่า เขาไม่มีศัตรูหรือเรื่องขัดแย้งกับใครในแวดวงธุรกิจนำเข้าส่งออก ส่วนนายสุธรรม เมืองต๊ะมา คนขับรถ เป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่พบประวัติอาชญากรรม ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย มีภรรยา และลูกสองคน ไม่มีศัตรูหรือคู่ขัดแย้งส่วนตัวเช่นกันครับ” พันตำรวจโทอัศวินรายงานแทนลูกน้องเสียงดังฟังชัด
“นอกจากนายอัคราแล้ว ผู้ถือหุ้นบริษัทนี้มีใครบ้าง ขอประวัติโดยละเอียด และในกลุ่มบริษัทนี้ มีอีกกี่บริษัทและทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรบ้าง ผมต้องการรายละเอียดทุกอย่าง” ผู้กำกับการสั่งสารวัตรสืบสวน
“ได้ครับ ผมจะรีบจัดหาข้อมูลเรื่องนี้ทำรายงานส่งหลังจากสะสางคดีการเสียชีวิตของนายอัคราเสร็จสิ้นแล้วครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พันตำรวจตรีทวีวัฒน์ จันทร์สมบัติ พนักงานสอบสวน ถือแฟ้มเอกสาร ก้าวเข้ามาภายในห้อง ทำความเคารพผู้บังคับบัญชา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับพันตำรวจโทอัศวินและนายดาบตำรวจทรงสิทธิ์
สายตาทุกคู่จับจ้องมาไปที่ผู้มาใหม่ เขาดูเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ
“รายงานการผ่าชันสูตรศพโดยแพทย์นิติเวชมาแล้วครับ” สารวัตรทวีวัฒน์พูดขึ้น
“ดี เรากำลังรออยู่เลย ว่าไปสารวัตร เอาแบบสรุปรวบรัดนะ” ผู้กำกับการบอก
“ผู้เสียชีวิตคนที่หนึ่ง นายสุธรรม เมืองต๊ะมา อายุ 55 ปี ภายนอกศพมีแผลกระสุนปืนเข้าที่แผ่นหลังซ้าย ใต้กระดูกสะบักซ้าย ห่างจากรักแร้ซ้ายประมาณ 4 เซ็นติเมตร แผลค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซ็นติเมตร รอบแผลช้ำเป็นสีม่วงคล้ำ ไม่พบร่องรอยเขม่าดินปืนรอบแผล ไม่มีแผลทะลุออก วิถีกระสุนถูกยิงจากซ้ายไปขวา หลังไปหน้า ล่างขึ้นบน ส่วนภายในศพ พบรูกระสุนทะลุเข้าแผ่นหลังซ้ายระหว่างช่องซี่โครงซี่ที่ 7 กับ 8 มีเศษวัสดุประเภทหนังสัตว์ ฟองน้ำและผ้าฝ้ายตกค้างอยู่ในบาดแผล กระดูกซี่โครงด้านหน้าซ้ายซี่ที่ 5 แตกหักจากการถูกหัวกระสุนปืน กระสุนเจาะผนังด้านบนของหัวใจห้องล่างซ้ายฉีกขาดแล้วทะลุผ่านหัวใจห้องบนขวา มีหัวกระสุนตกค้างอยู่ในช่องอกขวา 1 นัด หัวกระสุนมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.9 เซ็นติเมตร ไม่พบน้ำหรือดินโคลนจากแม่น้ำที่ปาก จมูก หลอดลม ภายในปอดหรือกระเพาะอาหาร สาเหตุการตาย คือ หัวใจฉีกขาดจากบาดแผลกระสุนปืนที่ทรวงอก” สารวัตรทวีวัฒน์รายงานอย่างรวดเร็ว
“หมายความว่า คนขับรถ ถูกยิงและขาดใจตายก่อนรถตกน้ำใช่มั้ย” รองผู้กำกับฯ ถาม จ้องหน้าคนรายงานตาไม่กระพริบ
“สันนิษฐานว่าใช่ครับ รองฯ” สารวัตรทวีวัฒน์บอก แล้วเปิดน้ำในขวดรินใส่แก้วดื่ม
“ตรวจสอบได้หรือยังว่าใครเป็นคนยิง”
“จากรายงานวิถีกระสุน ปืนถูกยิงจากซ้ายไปขวา จากหลังไปหน้า และบาดแผลกระสุนปืนเข้าแผ่นหลังของผู้ตาย คนยิงต้องนั่งอยู่เบาะหลังฝั่งซ้ายครับ”
“ตอนคุณไปตรวจสถานที่เกิดเหตุหลังจากกู้ซากรถกับคนในรถขึ้นมา ใครนั่งอยู่เบาะหลังซ้าย” รองผู้กำกับฯ ซักต่อ
“นายอัครา ซึ่งเสียชีวิตแล้วตอนผมไปถึงที่เกิดเหตุ มีสายเข็มขัดนิรภัยรัดคออยู่ ปืนของกลางที่พบ ตกอยู่บนที่พักเท้าผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้ายครับ”
“แต่เราก็ยังสรุปไม่ได้ว่านายอัคราเป็นคนยิง เพราะในรถคันนั้นมีผู้ต้องสงสัยอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหลังคู่กับนายอัครา” พันตำรวจโทอัศวินพูดแทรกขึ้น
“ได้ผลการผ่าศพนายอัครามาด้วยมั้ย” ผู้กำกับการตัดบท เพื่อให้รองผู้กำกับการหยุดยิงคำถาม
“ได้มาพร้อมกันครับ..” พันตำรวจตรีทวีวัฒน์ยกน้ำขึ้นดื่มอีกหนึ่งอึก “ผู้เสียชีวิต นายอัครา ศิริไพศาลมงคล อายุ 50 ปี ศพภายนอกพบแผลกระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหน้าต้นขาข้างขวา ห่างจากหัวเข่าขึ้นไป 10 เซ็นติเมตร บาดแผลกลมๆ รีๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.3 เซ็นติเมตร รอบแผลช้ำเป็นสีดำชัดเจน มีรอยไหม้รอบบาดแผล มีเขม่าดินปืนรอบแผลและบนกางเกง พบเขม่าดินปืนบนมือขวาและมือซ้ายและบนเครื่องแต่งกาย พบแผลกระสุนปืนทะลุออกด้านหลังต้นขาข้างขวา เฉียงออกทางซ้าย ห่างจากขาหนีบ 5 เซ็นติเมตร แผลไม่มีรูปทรง กว้างประมาณ 2 เซ็นติเมตร วิถีกระสุนถูกยิงจากหน้าไปหลัง ขวาไปซ้าย และบนลงล่าง พบแผลแดงช้ำสองรอยที่เกิดจากการถูกรัดด้วยวัตถุอ่อนสองชิ้นกดทับซ้อนไขว้กันในแนวขวางรอบลำคอ แผลที่หนึ่งกว้าง 55 มิลลิเมตร แผลที่สองกว้าง 30 มิลลิเมตร แผลพาดผ่านด้านบนกล่องเสียงและบนผิวหนังรอบลำคอ ส่วนแผลภายในพบรูกระสุนทะลุกล้ามเนื้อ ตัดเนื้อเยื่อต้นขาด้านบนข้างขวาฉีกขาด พบเศษผ้าขนสัตว์ตกค้างอยู่ในบาดแผล กระสุนเฉี่ยวกระดูกต้นขาแตกหักเป็นทางยาว แฉลบไปตัดเนื้อเยื่อต้นขาด้านล่างแล้วทะลุออก ไม่พบหัวกระสุนตกค้างในร่างกาย พบเศษดินโคลนจากแม่น้ำในโพรงจมูก ปาก และหลอดลม พบดินโคลนและปริมาณน้ำอยู่ภายในปอดทั้งสองข้างรวมทั้งแขนงขั้วปอดและในกระเพาะอาหารเป็นจำนวนมาก จากการผ่าศพโดยละเอียดร่วมกับการตรวจทางพิษวิทยาในร่างกายแล้วไม่พบสาเหตุการตายที่ชัดเจน วินิจฉัยว่า เสียชีวิตขณะที่อยู่ในน้ำ”
“สรุปง่ายๆ ก็คือ จมน้ำตาย” รองผู้กำกับฯ ออกความเห็น
“อ้างอิงจากรายงาน เราอาจจะตั้งข้อสันนิษฐานได้ตามนั้นครับ” สารวัตรทวีวัฒน์ตอบ
“ญาติฝ่ายคนตาย มีใครมาแจ้งความหรือยัง”
“ยังไม่มีครับ”
ผู้กำกับการถามแทรกขึ้น “แล้วตรวจสอบต่างหูกับเส้นผมผู้หญิงที่พบในที่เกิดเหตุหรือยัง”
“ต่างหู เส้นผมและลายนิ้วมือแฝงที่พบภายในรถเมอร์ซีเดส เบนซ์ที่เกิดเหตุ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนำไปตรวจสอบแล้ว และยังส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บริษัททรานส์อินโดไชน่า เพื่อเก็บตัวอย่างเส้นผม ลายนิ้วมือ ผิวหนังกำพร้า เศษเล็บมือ ที่อาจหลุดร่วงอยู่บริเวณโต๊ะทำงานของผู้ต้องสงสัย เพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอด้วยครับ”
“จากอุบัติเหตุธรรมดา ก็อาจจะกลายมาเป็นคดีฆาตกรรมสินะ แต่เราจะยังไม่ด่วนสรุปอะไรทั้งนั้น” ผู้กำกับการน้ำเสียงเรียบเฉย
(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)
นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 3 ผู้ต้องสงสัย
ภายในห้องปฏิบัติการบนชั้นสองของสถานีตำรวจภูธรแม่รัก พันตำรวจโทอัศวิน ขวัญมา สารวัตรสืบสวนและนายดาบตำรวจทรงสิทธิ์ ดวงวิไล ลูกน้องคู่ใจ กำลังตั้งใจรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีอุบัติเหตุรถยนต์ตกลงแม่น้ำจนมีผู้เสียชีวิตสองราย ให้ผู้กำกับการสถานีและรองผู้กำกับการกำกับดูแลงานสืบสวนและสอบสวน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหมายเลขหนึ่งและสอง ทราบ
“ผ่านมาแล้ว 38 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่าและชุดกู้ภัยทางน้ำยังไม่พบร่างของผู้ต้องสงสัยในแม่น้ำ ตามปกติแล้วศพจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว 24 ชั่วโมงหากไม่ไปติดอยู่กับกอหญ้าหรือเศษกิ่งไม้ใต้น้ำ แต่ในสภาพอุณหภูมิน้ำต่ำในหน้าหนาวแบบนี้ ศพอาจจะเน่าเปื่อยและลอยขึ้นมาช้ากว่าปกติ แต่ตราบใดที่เรายังไม่พบศพ เราสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องสงสัยยังมีชีวิตอยู่” สารวัตรอัศวินรายงาน
“ระยะการค้นหาไกลเท่าไหร่” ผู้กำกับการสถานีถาม
“สามสิบกิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุตามกระแสน้ำลงทิศใต้ไปจนถึงสะพานนครพิงค์ครับ”
“เป็นไปได้มั้ยที่ผู้ต้องสงสัยจะรอดชีวิตโดยการว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ไหนสักแห่ง”
“ผมก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ออกไปครับ ด้วยความเย็นของน้ำในเวลากลางคืนของฤดูหนาว สันนิษฐานได้ว่าผู้ต้องสงสัยจะแช่อยู่ในน้ำได้ไม่เกินสามหรือสี่ชั่วโมง ดังนั้นพื้นที่ตำบลดอนแก้วและตำบลเหมืองแก้ว ของอำเภอแม่ริม ซึ่งถัดจากตำบลแสนรักของเราไป จึงเป็นพื้นที่สนใจที่ผู้ต้องสงสัยจะขึ้นฝั่งและหาทางหลบซ่อนตัวบนบก ผมให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่หลังเกิดเหตุ ทั้งยังประสานขอการสนับสนุนจาก สภ ข้างเคียง โดยในสองพื้นที่นี้ประกอบด้วยชุมชนหมู่บ้านขนาดเล็ก ปลูกสร้างและตั้งอยู่ห่างกันกระจัดกระจาย สลับกับทุ่งนา แปลงดอกไม้ และสวนผลไม้ของชาวบ้าน แต่ก็มีเครือข่ายถนน ซอย ตรอก สลับซับซ้อนที่โยงใยถึงกัน ซึ่งแต่ละเส้นจะเชื่อมต่อกับถนนเลียบแม่น้ำปิงที่นำออกถึงถนนสายวงแหวนรอบนอก ช่วงกลางคืน คนจะไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การแอบขึ้นจากแม่น้ำและหลบซ่อนตัว ถัดจากสองตำบลนี้ไป เป็นเขตชุมชนขนาดใหญ่ของอำเภอเมือง มีผู้คน ยวดยานผ่านเข้าออกพื้นที่แทบจะตลอดเวลา ง่ายต่อการพบเห็น ถ้าผู้ต้องสงสัยยังมีชีวิตอยู่ ผมคิดว่า เราจะได้เบาะแสและร่องรอยในสองพื้นที่นี้ แห่งใดแห่งหนึ่งครับ”
“บ้านพักผู้ต้องสงสัยล่ะ ได้ส่งใครไปดูหรือยัง” รองผู้กำกับการถาม
“ผมประสานขอให้ชุดสืบของ สภ สันกำแพง เฝ้าจับตาดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พร้อมประสาน รปภ. หมู่บ้านให้รีบแจ้งนายดาบทรงสิทธิ์ หากพบความเคลื่อนไหวครับ บ้านปิดสนิท ไม่พบผู้อยู่อาศัยหลังจากวันเกิดเหตุ เราไม่มีหมายค้น จึงยังเข้าตรวจค้นข้างในบ้านไม่ได้ครับ”
“สืบค้นประวัติผู้ต้องสงสัยหรือยัง”
“ได้มาแล้วครับ เบื้องต้นพบว่า ดั้งเดิมผู้ต้องสงสัยเป็นชาวอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เคยรับราชการสำนักงานสถิติแห่งชาติ แต่ลาออกมาทำงานอิสระ เคยเปิดร้านขายเบเกอรีและกาแฟสดอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วตั้งครรภ์ เธอจึงย้ายจากสมุทรสาครมาอยู่เชียงใหม่ แต่ตรวจสอบไม่พบว่าเธอท้องกับใคร เมื่อมาอยู่เชียงใหม่ก็เคยทำงานมูลนิธิแห่งหนึ่ง คลอดลูกสาวหนึ่งคน เธอทำงานมูลนิธิอยู่หลายปี ก่อนจะเข้าทำงานบริษัททรานส์อินโดไชน่าครับ” นายดาบตำรวจทรงสิทธิ์เป็นฝ่ายรายงานบ้าง
“มีลูกสาวหนึ่งคน แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” รองผู้กำกับการซัก
“จากการสอบถามจากเพื่อนๆ ที่ทำงานและเพื่อนบ้านของผู้ต้องสงสัย ได้ข้อมูลว่า ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ทราบว่าอยู่สถาบันไหนครับ”
“ไปตามเอาตัวลูกสาวมาสอบปากคำให้ได้ และประสานกับ สภ บ้านแพ้วให้ช่วยตรวจสอบญาติพี่น้องของผู้ต้องสงสัยด้วย” ผู้กำกับการสั่ง
“กำลังรอข้อมูลจากทั้งตำรวจนครบาลและตำรวจสมุทรสาครอยู่ครับ” นายดาบทรงสิทธิ์ตอบ
“ดี ทำงานได้รวดเร็วมาก ทางฝั่งผู้ตายล่ะ ประธานบริษัทคนนั้น”
“นายอัครา ศิริไพศาลมงคลเป็นประธานบริหารกลุ่มบริษัททรานส์อินโดไชน่า อิมพอร์ต เอ็กซ์พอร์ท ในภาคเหนือของประเทศไทย กลุ่มบริษัทนี้ก่อตั้งโดยผู้ถือหุ้นชาวไทยและชาวจีน นำเข้าส่งออกสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศแถบอินโดจีน นายอัคราเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคมธุรกิจ หน้าตาดี มีภรรยาชื่อนางรุ่งระวี และลูกอีกสองคน แต่เขาก็คบหานักศึกษาระดับอุดมศึกษาหลายคน ส่งเสียเลี้ยงดู แต่ไม่ได้พาออกหน้าออกตา เบื้องต้นทราบว่า เขาไม่มีศัตรูหรือเรื่องขัดแย้งกับใครในแวดวงธุรกิจนำเข้าส่งออก ส่วนนายสุธรรม เมืองต๊ะมา คนขับรถ เป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่พบประวัติอาชญากรรม ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย มีภรรยา และลูกสองคน ไม่มีศัตรูหรือคู่ขัดแย้งส่วนตัวเช่นกันครับ” พันตำรวจโทอัศวินรายงานแทนลูกน้องเสียงดังฟังชัด
“นอกจากนายอัคราแล้ว ผู้ถือหุ้นบริษัทนี้มีใครบ้าง ขอประวัติโดยละเอียด และในกลุ่มบริษัทนี้ มีอีกกี่บริษัทและทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรบ้าง ผมต้องการรายละเอียดทุกอย่าง” ผู้กำกับการสั่งสารวัตรสืบสวน
“ได้ครับ ผมจะรีบจัดหาข้อมูลเรื่องนี้ทำรายงานส่งหลังจากสะสางคดีการเสียชีวิตของนายอัคราเสร็จสิ้นแล้วครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พันตำรวจตรีทวีวัฒน์ จันทร์สมบัติ พนักงานสอบสวน ถือแฟ้มเอกสาร ก้าวเข้ามาภายในห้อง ทำความเคารพผู้บังคับบัญชา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับพันตำรวจโทอัศวินและนายดาบตำรวจทรงสิทธิ์
สายตาทุกคู่จับจ้องมาไปที่ผู้มาใหม่ เขาดูเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ
“รายงานการผ่าชันสูตรศพโดยแพทย์นิติเวชมาแล้วครับ” สารวัตรทวีวัฒน์พูดขึ้น
“ดี เรากำลังรออยู่เลย ว่าไปสารวัตร เอาแบบสรุปรวบรัดนะ” ผู้กำกับการบอก
“ผู้เสียชีวิตคนที่หนึ่ง นายสุธรรม เมืองต๊ะมา อายุ 55 ปี ภายนอกศพมีแผลกระสุนปืนเข้าที่แผ่นหลังซ้าย ใต้กระดูกสะบักซ้าย ห่างจากรักแร้ซ้ายประมาณ 4 เซ็นติเมตร แผลค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซ็นติเมตร รอบแผลช้ำเป็นสีม่วงคล้ำ ไม่พบร่องรอยเขม่าดินปืนรอบแผล ไม่มีแผลทะลุออก วิถีกระสุนถูกยิงจากซ้ายไปขวา หลังไปหน้า ล่างขึ้นบน ส่วนภายในศพ พบรูกระสุนทะลุเข้าแผ่นหลังซ้ายระหว่างช่องซี่โครงซี่ที่ 7 กับ 8 มีเศษวัสดุประเภทหนังสัตว์ ฟองน้ำและผ้าฝ้ายตกค้างอยู่ในบาดแผล กระดูกซี่โครงด้านหน้าซ้ายซี่ที่ 5 แตกหักจากการถูกหัวกระสุนปืน กระสุนเจาะผนังด้านบนของหัวใจห้องล่างซ้ายฉีกขาดแล้วทะลุผ่านหัวใจห้องบนขวา มีหัวกระสุนตกค้างอยู่ในช่องอกขวา 1 นัด หัวกระสุนมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.9 เซ็นติเมตร ไม่พบน้ำหรือดินโคลนจากแม่น้ำที่ปาก จมูก หลอดลม ภายในปอดหรือกระเพาะอาหาร สาเหตุการตาย คือ หัวใจฉีกขาดจากบาดแผลกระสุนปืนที่ทรวงอก” สารวัตรทวีวัฒน์รายงานอย่างรวดเร็ว
“หมายความว่า คนขับรถ ถูกยิงและขาดใจตายก่อนรถตกน้ำใช่มั้ย” รองผู้กำกับฯ ถาม จ้องหน้าคนรายงานตาไม่กระพริบ
“สันนิษฐานว่าใช่ครับ รองฯ” สารวัตรทวีวัฒน์บอก แล้วเปิดน้ำในขวดรินใส่แก้วดื่ม
“ตรวจสอบได้หรือยังว่าใครเป็นคนยิง”
“จากรายงานวิถีกระสุน ปืนถูกยิงจากซ้ายไปขวา จากหลังไปหน้า และบาดแผลกระสุนปืนเข้าแผ่นหลังของผู้ตาย คนยิงต้องนั่งอยู่เบาะหลังฝั่งซ้ายครับ”
“ตอนคุณไปตรวจสถานที่เกิดเหตุหลังจากกู้ซากรถกับคนในรถขึ้นมา ใครนั่งอยู่เบาะหลังซ้าย” รองผู้กำกับฯ ซักต่อ
“นายอัครา ซึ่งเสียชีวิตแล้วตอนผมไปถึงที่เกิดเหตุ มีสายเข็มขัดนิรภัยรัดคออยู่ ปืนของกลางที่พบ ตกอยู่บนที่พักเท้าผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้ายครับ”
“แต่เราก็ยังสรุปไม่ได้ว่านายอัคราเป็นคนยิง เพราะในรถคันนั้นมีผู้ต้องสงสัยอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหลังคู่กับนายอัครา” พันตำรวจโทอัศวินพูดแทรกขึ้น
“ได้ผลการผ่าศพนายอัครามาด้วยมั้ย” ผู้กำกับการตัดบท เพื่อให้รองผู้กำกับการหยุดยิงคำถาม
“ได้มาพร้อมกันครับ..” พันตำรวจตรีทวีวัฒน์ยกน้ำขึ้นดื่มอีกหนึ่งอึก “ผู้เสียชีวิต นายอัครา ศิริไพศาลมงคล อายุ 50 ปี ศพภายนอกพบแผลกระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหน้าต้นขาข้างขวา ห่างจากหัวเข่าขึ้นไป 10 เซ็นติเมตร บาดแผลกลมๆ รีๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.3 เซ็นติเมตร รอบแผลช้ำเป็นสีดำชัดเจน มีรอยไหม้รอบบาดแผล มีเขม่าดินปืนรอบแผลและบนกางเกง พบเขม่าดินปืนบนมือขวาและมือซ้ายและบนเครื่องแต่งกาย พบแผลกระสุนปืนทะลุออกด้านหลังต้นขาข้างขวา เฉียงออกทางซ้าย ห่างจากขาหนีบ 5 เซ็นติเมตร แผลไม่มีรูปทรง กว้างประมาณ 2 เซ็นติเมตร วิถีกระสุนถูกยิงจากหน้าไปหลัง ขวาไปซ้าย และบนลงล่าง พบแผลแดงช้ำสองรอยที่เกิดจากการถูกรัดด้วยวัตถุอ่อนสองชิ้นกดทับซ้อนไขว้กันในแนวขวางรอบลำคอ แผลที่หนึ่งกว้าง 55 มิลลิเมตร แผลที่สองกว้าง 30 มิลลิเมตร แผลพาดผ่านด้านบนกล่องเสียงและบนผิวหนังรอบลำคอ ส่วนแผลภายในพบรูกระสุนทะลุกล้ามเนื้อ ตัดเนื้อเยื่อต้นขาด้านบนข้างขวาฉีกขาด พบเศษผ้าขนสัตว์ตกค้างอยู่ในบาดแผล กระสุนเฉี่ยวกระดูกต้นขาแตกหักเป็นทางยาว แฉลบไปตัดเนื้อเยื่อต้นขาด้านล่างแล้วทะลุออก ไม่พบหัวกระสุนตกค้างในร่างกาย พบเศษดินโคลนจากแม่น้ำในโพรงจมูก ปาก และหลอดลม พบดินโคลนและปริมาณน้ำอยู่ภายในปอดทั้งสองข้างรวมทั้งแขนงขั้วปอดและในกระเพาะอาหารเป็นจำนวนมาก จากการผ่าศพโดยละเอียดร่วมกับการตรวจทางพิษวิทยาในร่างกายแล้วไม่พบสาเหตุการตายที่ชัดเจน วินิจฉัยว่า เสียชีวิตขณะที่อยู่ในน้ำ”
“สรุปง่ายๆ ก็คือ จมน้ำตาย” รองผู้กำกับฯ ออกความเห็น
“อ้างอิงจากรายงาน เราอาจจะตั้งข้อสันนิษฐานได้ตามนั้นครับ” สารวัตรทวีวัฒน์ตอบ
“ญาติฝ่ายคนตาย มีใครมาแจ้งความหรือยัง”
“ยังไม่มีครับ”
ผู้กำกับการถามแทรกขึ้น “แล้วตรวจสอบต่างหูกับเส้นผมผู้หญิงที่พบในที่เกิดเหตุหรือยัง”
“ต่างหู เส้นผมและลายนิ้วมือแฝงที่พบภายในรถเมอร์ซีเดส เบนซ์ที่เกิดเหตุ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนำไปตรวจสอบแล้ว และยังส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บริษัททรานส์อินโดไชน่า เพื่อเก็บตัวอย่างเส้นผม ลายนิ้วมือ ผิวหนังกำพร้า เศษเล็บมือ ที่อาจหลุดร่วงอยู่บริเวณโต๊ะทำงานของผู้ต้องสงสัย เพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอด้วยครับ”
“จากอุบัติเหตุธรรมดา ก็อาจจะกลายมาเป็นคดีฆาตกรรมสินะ แต่เราจะยังไม่ด่วนสรุปอะไรทั้งนั้น” ผู้กำกับการน้ำเสียงเรียบเฉย
(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)