คือผมจะเป็นพวกเครียดและแพนิคได้ง่ายมั้งครับ ทั้งความกลัวจากสถานการณ์ที่เคยเจอตอนเด็กจนทำให้ผมกลายเป็นพวกคิดมากเพื่อจินตนาการและแก้ปัญหากับสิ่งที่จะเกิดขึ้น จนตอนนี้มันก็เหมือนจะทำให้ผมมีปัญหากับตัวเองเลยมั้งครับ อย่างการที่ผมกลายเป็นพวกขี้สงสัยไปเลย จากที่เจอก็คือ ถ้าเกิดว่าผมหักนิ้วตัวเองมันจะเจ็บขนาดไหน ถ้าเอาปากกาจิ้มมือจนแทงเข้าไปจะเจ็บขนาดไหน ทั้งหลายๆอย่างที่สงสัยว่าถ้าส่วนไหนของร่างกายที่บาดเจ็บจะเจ็บขนาดไหน ไปจนถึง ถ้าลืมการหายใจจะเป็นยังไง? คือเอาง่ายๆมันไร้สาระมากมั้งครับ แต่กลับทำให้ผมยิ่งเครียดไปอีกว่าถ้าเกิดเป็นจริงผมควรจะทำไง ทั้งยิ่งการที่ผมดูโซเซียลที่เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ ผีอะไรแบบนี้ โดยที่ผมนั้นกลัวอยู่แล้ว กลับกลายเป็นว่า ผมยิ่งกลัวขึ้นอีก แต่ในตรงกันข้ามในใจผมก็สงสัยและอยากท้าทายซะงั้น ทั้งๆที่กลัวเหมือนกับตอนนี้ผมต้องห้ามตัวเองจิตใจตัวเองไม่ให้ท้าทายไปอีก
ส่วนเรื่องปัญหา อันนี้ผมไม่รู้ว่าจะเกี่ยวมั้ย
เนื่องจากที่ผมนั้นไม่กล้าเข้าสังคม และไม่มีเพื่อน ในความที่แบบ ไม่มีเลยสักคนดลยครับ ผมไม่ได้คุยกับใครเลยทั้งนั้น ไม่แม้แต่ในห้องเรียน ไปจนถึงบนโลกออนไลน์ ล่าสุดที่ผมได้คุยกับคนอื่นๆก็ช่วงปีที่แล้วก่อนจะย้ายโรงเรียนเพื่อเลื่อนชั้นเลยมั้งครับ ยิ่งความคิดเนี่ยบวกกับปัญหาที่ผมอยู่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่เลย
ทุกวันนี้ก็เพราะความกลัวตัวเองนี่แหละครับที่ทำให้วันที่ไปโรงเรียนใหม่นั้นคือวันแรกและวันเดียวของผมปีที่แล้ว ก่อนที่จะตัดขาดจากสังคมไปเลย จนถึงตอนนี้ก็เหมือนเดิมแหละครับ
บวกกับสุขภาพร่างกายตัวเองทั้งการที่หายใจไม่สะดวกโดยที่ไปกี่โรงบาลก็เหมือนจะแก้ไม่ได้ ก็คงเพราะไม่ได้ถูกจุด จนร่างกายผมชินไปเลย และท้อจัดๆจนคิดเรื่องอนาคตไม่ออกเลยครับ มันเกือบ3ปีแล้วแหละที่ผมไม่ได้หายใจแบบโล่งๆมา จนตอนนี้ก็ชินไปเลย อย่างน้อยผมก็อยากรู้อยู่แหละครับ ถ้าผมกลับมาหายใจได้โล่งตามปกติ ผมคงจะมีความสุขกว่าตอนนี้ไม่มากก็น้อยครับ
อยากรู้ว่าอาการที่ผมเป็นคือ ปัญหาทางจิตชนิดนึงรึป่าวครับ
ส่วนเรื่องปัญหา อันนี้ผมไม่รู้ว่าจะเกี่ยวมั้ย
เนื่องจากที่ผมนั้นไม่กล้าเข้าสังคม และไม่มีเพื่อน ในความที่แบบ ไม่มีเลยสักคนดลยครับ ผมไม่ได้คุยกับใครเลยทั้งนั้น ไม่แม้แต่ในห้องเรียน ไปจนถึงบนโลกออนไลน์ ล่าสุดที่ผมได้คุยกับคนอื่นๆก็ช่วงปีที่แล้วก่อนจะย้ายโรงเรียนเพื่อเลื่อนชั้นเลยมั้งครับ ยิ่งความคิดเนี่ยบวกกับปัญหาที่ผมอยู่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่เลย
ทุกวันนี้ก็เพราะความกลัวตัวเองนี่แหละครับที่ทำให้วันที่ไปโรงเรียนใหม่นั้นคือวันแรกและวันเดียวของผมปีที่แล้ว ก่อนที่จะตัดขาดจากสังคมไปเลย จนถึงตอนนี้ก็เหมือนเดิมแหละครับ
บวกกับสุขภาพร่างกายตัวเองทั้งการที่หายใจไม่สะดวกโดยที่ไปกี่โรงบาลก็เหมือนจะแก้ไม่ได้ ก็คงเพราะไม่ได้ถูกจุด จนร่างกายผมชินไปเลย และท้อจัดๆจนคิดเรื่องอนาคตไม่ออกเลยครับ มันเกือบ3ปีแล้วแหละที่ผมไม่ได้หายใจแบบโล่งๆมา จนตอนนี้ก็ชินไปเลย อย่างน้อยผมก็อยากรู้อยู่แหละครับ ถ้าผมกลับมาหายใจได้โล่งตามปกติ ผมคงจะมีความสุขกว่าตอนนี้ไม่มากก็น้อยครับ