สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
คิดอีกด้าน นั่นบ้านแม่ที่แม่ดาวน์และผ่อนมาพักนึงแล้ว เขาก็ตั้งใจจะให้ลูก
แต่ตั้งใจเฉย ๆ ยังไม่ได้ให้ขาด
ลูกจะย้ายเข้าหรือไม่เข้าแม่ก็ไม่เดือดร้อน คนเดือนร้อนอยากย้ายคือลูก
มันก็ถูกแล้วที่แม่จะอ้างขอไม่จ่ายต่อ เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่ลูกที่จะใช้ประโยชน์
แต่มีเมียด้วย ซึ่งแม่ก็คงคิดว่าก็ยังไม่ใช่ลูกเค้าอยู่ดี
ถ้าเป็นเรา จะคุยกับสามี ว่าไม่ต้องเอาบ้านแม่ ปล่อยมันอย่างงั้นแหละ
ไปซื้อใหม่ เอาที่คุณกับสามีจ่ายไหว และแน่นอนคือเป็นชื่อทั้งสองคน
ถ้าสามียังยืนยันจะเอาบ้านแม่ โดยไม่เดือดร้อนที่มันไม่เป็นชื่อเรา
เราก็จะขอช่วยแค่ค่าน้ำไฟ
แต่ตั้งใจเฉย ๆ ยังไม่ได้ให้ขาด
ลูกจะย้ายเข้าหรือไม่เข้าแม่ก็ไม่เดือดร้อน คนเดือนร้อนอยากย้ายคือลูก
มันก็ถูกแล้วที่แม่จะอ้างขอไม่จ่ายต่อ เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่ลูกที่จะใช้ประโยชน์
แต่มีเมียด้วย ซึ่งแม่ก็คงคิดว่าก็ยังไม่ใช่ลูกเค้าอยู่ดี
ถ้าเป็นเรา จะคุยกับสามี ว่าไม่ต้องเอาบ้านแม่ ปล่อยมันอย่างงั้นแหละ
ไปซื้อใหม่ เอาที่คุณกับสามีจ่ายไหว และแน่นอนคือเป็นชื่อทั้งสองคน
ถ้าสามียังยืนยันจะเอาบ้านแม่ โดยไม่เดือดร้อนที่มันไม่เป็นชื่อเรา
เราก็จะขอช่วยแค่ค่าน้ำไฟ
ความคิดเห็นที่ 62
ผมลองมองอีกมุมที่ไม่ได้ชี้ประเด็นถึงนะ
- ดูจากยอดผ่อน 4 หมื่นแสดงว่ายอดบ้านเต็มราคาไม่ต่ำกว่า 6 ล้าน ตอนซื้อถ้าไม่ใช่หลังแรกแม่น่าจะต้องวางเงินดาวน์ 10-20% ด้วย
ไม่แน่ใจว่าค่าแต่งบ้านใครเป็นคนออก ถ้าแม่สามีหรือสามีเป็นคนออก มูลค่าบ้านน่าจะเกิน 8 ล้าน หรือเผลอๆตีเป็นเงินปัจจุบัน ดอกเบี้ยที่เสียไปอาจจะถึง 10 ล้าน
- ลูกแต่งงานกับจขกท ย้ายเข้ามาอยู่บ้านโดยยังไม่จดทะเบียน ช่วงแรกแม่ก็ผ่อนต่อเดือนละ 4 หมื่นโดยที่แม่ไม่ได้อยู่แถมยังรับผิดชอบอีกหลังที่แม่อยู่คนเดียวเต็มๆ
- ค่าใช้จ่ายในบ้านหรือค่าน้ำไฟที่จขกทจ่าย แม่ก็คงมองว่าคุณอยู่คุณก็ต้องจ่ายเองอยู่แล้ว
- ใช้บ้านที่แม่ผ่อน 4 หมื่นเป็นที่ทำงาน หาเงินเข้ากระเป๋า
- แม่ก็คงมองว่าจ่ายไม่ไหว + ทำไมจขกทกับสามีควรจะเป็นคนผ่อนแทนแม่หรือเปล่านะ ใช้บ้านทำงานด้วย ขนาดออฟฟิศยังต้องเสียค่าเช่าเลย
- พอต้องช่วยค่าผ่อน จขกทก็ขอกู้ใหม่มีชื่อตัวเอง (เข้าใจว่าจะขอกู้ 4 ล้านใช่ไหม) มุมมองแม่ที่ผ่อนมาหลายล้าน ไม่แปลกที่จะไม่ยอม
- ประโยคที่ว่าขอให้ผ่อนไปก่อน ปลายทางอาจจะโอนชื่อให้แหละ แต่คงจะดูด้วยว่าจะทำยังไงต่อ
ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้ว่าจขกทผิดนะ เรื่องความไม่แน่นอน สุดท้ายจะผ่อนฟรี เรื่องที่จขกทจะเอาเงินไปซื้อบ้านใหม่เอง เป็นประเด็นที่มีคนพูดถึงเยอะแล้ว
เรื่องเงินทองคิดแบบตัดความสัมพันธ์ออกไปก่อน ซึ่งเจ้าจขกทเสนอดีลแรกที่คุณได้เปรียบเกินไป แต่พอเป็นดีลนี้ก็เป็นดีลที่จขกทเสียเปรียบอีก
ควรหาทางตรงกลาง ตกลงร่วมกันใหม่อีกทีครับ เช่น
- ทำเป็นสัญญาซื้อขาย กู้ใหม่ชื่อจขกทกับสามี ยอดหนี้เต็มมูลค่าบ้าน เงินที่เหลือให้แม่ไป
หรือไม่ก็ทำสัญญาระหว่างจขกทกับแม่สามีก็ได้ แต่แบ่งหนี้สิน ทรัพย์สินให้ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
- ถ้าสามีหรือแม่สามีไม่ยอม คุณรู้สึกไม่แฟร์ก็อาจจะไปทางว่าจะซื้อบ้านใหม่ อยากมีทรัพย์สินของตัวเอง อนาคตจะขยายเป็นโฮมออฟฟิศ จดเป็นที่อยู่บริษัทก็ว่าไป
- ดูจากยอดผ่อน 4 หมื่นแสดงว่ายอดบ้านเต็มราคาไม่ต่ำกว่า 6 ล้าน ตอนซื้อถ้าไม่ใช่หลังแรกแม่น่าจะต้องวางเงินดาวน์ 10-20% ด้วย
ไม่แน่ใจว่าค่าแต่งบ้านใครเป็นคนออก ถ้าแม่สามีหรือสามีเป็นคนออก มูลค่าบ้านน่าจะเกิน 8 ล้าน หรือเผลอๆตีเป็นเงินปัจจุบัน ดอกเบี้ยที่เสียไปอาจจะถึง 10 ล้าน
- ลูกแต่งงานกับจขกท ย้ายเข้ามาอยู่บ้านโดยยังไม่จดทะเบียน ช่วงแรกแม่ก็ผ่อนต่อเดือนละ 4 หมื่นโดยที่แม่ไม่ได้อยู่แถมยังรับผิดชอบอีกหลังที่แม่อยู่คนเดียวเต็มๆ
- ค่าใช้จ่ายในบ้านหรือค่าน้ำไฟที่จขกทจ่าย แม่ก็คงมองว่าคุณอยู่คุณก็ต้องจ่ายเองอยู่แล้ว
- ใช้บ้านที่แม่ผ่อน 4 หมื่นเป็นที่ทำงาน หาเงินเข้ากระเป๋า
- แม่ก็คงมองว่าจ่ายไม่ไหว + ทำไมจขกทกับสามีควรจะเป็นคนผ่อนแทนแม่หรือเปล่านะ ใช้บ้านทำงานด้วย ขนาดออฟฟิศยังต้องเสียค่าเช่าเลย
- พอต้องช่วยค่าผ่อน จขกทก็ขอกู้ใหม่มีชื่อตัวเอง (เข้าใจว่าจะขอกู้ 4 ล้านใช่ไหม) มุมมองแม่ที่ผ่อนมาหลายล้าน ไม่แปลกที่จะไม่ยอม
- ประโยคที่ว่าขอให้ผ่อนไปก่อน ปลายทางอาจจะโอนชื่อให้แหละ แต่คงจะดูด้วยว่าจะทำยังไงต่อ
ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้ว่าจขกทผิดนะ เรื่องความไม่แน่นอน สุดท้ายจะผ่อนฟรี เรื่องที่จขกทจะเอาเงินไปซื้อบ้านใหม่เอง เป็นประเด็นที่มีคนพูดถึงเยอะแล้ว
เรื่องเงินทองคิดแบบตัดความสัมพันธ์ออกไปก่อน ซึ่งเจ้าจขกทเสนอดีลแรกที่คุณได้เปรียบเกินไป แต่พอเป็นดีลนี้ก็เป็นดีลที่จขกทเสียเปรียบอีก
ควรหาทางตรงกลาง ตกลงร่วมกันใหม่อีกทีครับ เช่น
- ทำเป็นสัญญาซื้อขาย กู้ใหม่ชื่อจขกทกับสามี ยอดหนี้เต็มมูลค่าบ้าน เงินที่เหลือให้แม่ไป
หรือไม่ก็ทำสัญญาระหว่างจขกทกับแม่สามีก็ได้ แต่แบ่งหนี้สิน ทรัพย์สินให้ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
- ถ้าสามีหรือแม่สามีไม่ยอม คุณรู้สึกไม่แฟร์ก็อาจจะไปทางว่าจะซื้อบ้านใหม่ อยากมีทรัพย์สินของตัวเอง อนาคตจะขยายเป็นโฮมออฟฟิศ จดเป็นที่อยู่บริษัทก็ว่าไป
ความคิดเห็นที่ 12
บอกแม่สามีไปเลยว่า เพื่อกันคนครหาว่าแม่สามีจะให้ลูกสะใภ้ผ่อนบ้านแล้วอมบ้าน ลูกสะใภ้เลยตัดปัญหาโดยขอซื้อบ้านนี้ต่อเลยแล้วกัน เดี๋ยวไปทำสัญญาธนาคารใหม่ แต่ถ้าแม่ไม่อยากขาย หรือขายแพง สู้ราคาไม่ไหว เดี๋ยวไปซ์้อบ้านใหม่อยู่เองกับสามี
ถ้าบ้านนี้ แม่สามีลูกสะใภ้ถูกกัน ไม่เอาเปรียบกัน และเข้าใจกัน ปัญหานี้จะไม่เกิด แต่นี่ต่างคนต่างระแวง หรือไม่ก็ ใช้ความเหนือเรียกร้องโดยไม่ดูว่าคนอื่นคิดอย่างไร ซึ่ง ก็เข้าใจนะ อยู่กันแบบระแวง แล้วไม่สบายใจ สู้เปิดหน้าชน ใช้ความเป็นกลาง ทำอะไรแบบเปิดเผยยุติธรรมไปเลยดีกว่า ใครเอาเปรียบจะได้เห็นไปเลย
ถ้าบ้านนี้ แม่สามีลูกสะใภ้ถูกกัน ไม่เอาเปรียบกัน และเข้าใจกัน ปัญหานี้จะไม่เกิด แต่นี่ต่างคนต่างระแวง หรือไม่ก็ ใช้ความเหนือเรียกร้องโดยไม่ดูว่าคนอื่นคิดอย่างไร ซึ่ง ก็เข้าใจนะ อยู่กันแบบระแวง แล้วไม่สบายใจ สู้เปิดหน้าชน ใช้ความเป็นกลาง ทำอะไรแบบเปิดเผยยุติธรรมไปเลยดีกว่า ใครเอาเปรียบจะได้เห็นไปเลย
แสดงความคิดเห็น
แต่งงานเข้าอยู่บ้านที่เป็นชื่อแม่สามี แม่สามีต้องการให้ผ่อนต่อ
ซื้อก่อนที่เราจะรู้จักกับสามี บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ค่ะและแม่สามีก็ผ่อนบ้านมาตลอด
พอหลังจากที่เราและสามีตกลงจะแต่งงานกัน สามีต้องการขยับขยายและได้ขอย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังที่ไม่มีคนอยู่
แม่สามีก็โอเค หลังจากเราอยู่บ้านนี้กันซักพัก แม่สามีเริ่มผ่อนบ้านไม่ไหว ได้มาพูดคุยกับสามีเราว่าช่วยผ่อนบ้านได้ไหม
เหลือยอดเงินกู้อีกประมาณ4M โดยผ่อนเดือนละสี่หมื่น ผ่อนในที่นี้คือเงินเราด้วยให้ช่วยกัน เราก็แจ้งสามีไปว่า สามารถช่วยผ่อนได้
แต่อยากให้กรรมสิทธิ์บ้านมีชื่อเราด้วย แบบว่าให้กู้ใหม่เป็นชื่อเราและสามี เพราะถ้าให้ผ่อนตลอดไปยอดเงินก็ค่อนข้างเยอะ
โดยที่ยอดนี้เราสามารถไปซื้อบ้านใหม่ได้ที่เป็นบ้านเรา สามีก็ได้ทำข้อตกลงการผ่อนกับแม่สามี แต่สามีไม่ยอมให้มีชื่อเรา โดยบอกให้ช่วยผ่อนไปก่อน ไหนๆก็มาอยู่กันแล้ว โดยบ้านหลังนี้ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าภาษีโรงเรือน เราจ่ายเองทั้งหมด เพราะทำงานที่บ้านด้วย แม่สามีก็บอกว่าใช้บ้านเค้าทำงานหาเงิน
อยากสอบถามว่า ถ้าเพื่อนๆเจอปัญหาแบบเรา ควรแก้ไขปัญหายังไงดีคะให้กระทบความสัมพันธ์ลบน้อยที่สุด