ดำริว่าอยากทำบุญตักบาตร ดำริแล้วก็จัดแจงเลือกวัตถุดิบหุงหาอาหาร
วางจิตด้วยความปราณีตบรรจงทำด้วยความสะอาด รุ่งเช้าหมู่สงฆ์ออกบิณฑบาตร
วางจิตว่าเราจักถวายให้หมู่สงฆ์ที่มาจากจตุรทิศ ทั้งรู้จักและไม่รู้จักภิกษุนั้น
วางจิตว่าเราจักทำความเคารพในการให้ทานสูงสุด ประนมมือเหนือหัว
สายตามองไปในภาชนะที่ว่าง บรรจงวางอาหารลงไปภายใน ประนมมือจบ
ภิกษุรูปถัดไปเดินมา จัดแจงสิ่งของวางลงบาตรกระทำแบบเดิม
ระหว่างที่ใส่ ปิติเกิด น้ำตาไหล
จบกระบวนความ กรวดน้ำผ่านการแผ่เมตตา ฟังเทศน์ ฟังธรรม กลับบ้าน
วันถัดมา สายตาเหลือบไปเห็นวิหารกำลังก่อสร้าง จิตเกิดศรัทธา
ดำริว่าชักชวนญาติสนิท มิตรสหาย มาร่วมกันกระทำจาคะบริจาค
วางจิตว่าเราร่วมสร้างวิหารถวายแก่สงฆ์ที่มาจากจตุรทิศ
บริจาคตามกำลังทรัพย์ ไม่เบียดเบียนตัวเอง
หลวงปู่ท่านเห็นว่าญาตโยมมาร่วมบริจาค ถึงแม้ทุนทรัพย์น้อยนิด จึงเมตตารดน้ำ
ก่อนเคย คิดว่าธรรมต้องธรรมแท้ เติบโตจึงได้รู้ความจริง ท่านเมตตาจิตเราก็อ่อนน้อมรับความเมตตา
วาจาใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์แต่ไม่เป็นที่พึงใจของผู้อื่นก็ยังไม่ควรกล่าววาจานั้น
น้อมธรรมในภายใน มีปัญญาเป็นเครื่องสละออก พึงไหว้รับ ความเมตานั้น
กรวดน้ำผ่านจิต แผ่เมตตา
เมื่อระลึกถึงกุศลที่ได้กระทำ ระลึกเมื่อไร จิตก็เกิดปราโมทย์ อมยิ้มนิดๆ
ก็เป็นอันว่า ทานที่ให้แก่ภิกษุสงฆ์ในศาสนานี้เราก็ได้กระทำแล้ว
ทานที่ร่วมสร้างวิหารถวายแก่ภิกษุสงฆ์ที่มาจากจตุรทิศก็ได้กระทำแล้ว
มีจิตเลื่อมใสในไตรสรณะคมก็ได้กระทำแล้ว
เจริญเมตตาจิต ด้วยการแผ่เมตตาจิตเนืองๆ ก็ได้กระทำแล้ว
เห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งหลายอยู่เนืองๆ หมั่นประกอบวันละลัดนิ้วมือ ก็ได้กระทำแล้ว
เมื่อระลึกถึงการกระทำเหล่านี้ ที่ได้กระทำ ก็ยิ้มมุมปาก ระลึกอยู่เนืองๆ
ก็แต่... เมื่อระลึกมากๆ ก็เหนื่อยล้า ฟุ้งซ่าน จิตก็ห่างจากสมาธิ
พึงดำริว่า เราจักประกอบกุศลธรรม ด้วยสมาธิเพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต
บุญกิริยา
วาจาใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์แต่ไม่เป็นที่พึงใจของผู้อื่นก็ยังไม่ควรกล่าววาจานั้น
พึงดำริว่า เราจักประกอบกุศลธรรม ด้วยสมาธิเพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต