อนัตตลักขณสูตร(สรุป):
ขันธ์ 5 หมายถึง
(1)รูป=ร่างกาย
(2)เวทนา=ความรู้สึก(รับ)
(3)สัญญา=ความจำ(จำ)
(4)สังขาร=ความดำริ(คิด)
(5)วิญญาณ=รับรู้อารมณ์ทวาร6(รู้)
ตอนที่1/5:
กล่าวถึงขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5นี้ จะพึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่เพราะขันธ์5มิใช่อัตตาตัวตน ฉะนั้นขันธ์5จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็ย่อมไม่ได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนที่2/5:
พระพุทธเจ้า:ตรัสถามว่า ขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิกษุปัญจวัคคีย์:ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า:สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิกษุปัญจวัคคีย์:เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า:สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นตัวตนของเรา?
ภิกษุปัญจวัคคีย์:ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า
ตอนที่3/5:
ขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ทั้งที่เป็นส่วนอดีต อนาคต และปัจจุบันก็ดี เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ก็ดี ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูปขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา นี่ไม่เป็นเรา นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่4/5:
อริยสาวกผู้ซึ่งได้สดับและเห็นอย่างนี้แล้ว ย่อมเกิดนิพพิทาคือความเบื่อหน่ายแม้ในขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ย่อมรู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ตอนที่5/5:
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสธรรมปริยายนี้ จบลงแล้ว ภิกษุปัญจวัคคีย์ต่างมีใจยินดีชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวยากรณ์นี้อยู่ จิตของภิกษุปัญจวัคคีย์ได้หลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน ดังนี้แล.
(สรุป) อนัตตลักขณสูตรใน 5 นาที
ขันธ์ 5 หมายถึง
(1)รูป=ร่างกาย
(2)เวทนา=ความรู้สึก(รับ)
(3)สัญญา=ความจำ(จำ)
(4)สังขาร=ความดำริ(คิด)
(5)วิญญาณ=รับรู้อารมณ์ทวาร6(รู้)
ตอนที่1/5:
กล่าวถึงขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5นี้ จะพึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่เพราะขันธ์5มิใช่อัตตาตัวตน ฉะนั้นขันธ์5จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็ย่อมไม่ได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนที่2/5:
พระพุทธเจ้า:ตรัสถามว่า ขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิกษุปัญจวัคคีย์:ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า:สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิกษุปัญจวัคคีย์:เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า:สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นตัวตนของเรา?
ภิกษุปัญจวัคคีย์:ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า
ตอนที่3/5:
ขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ทั้งที่เป็นส่วนอดีต อนาคต และปัจจุบันก็ดี เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ก็ดี ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูปขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา นี่ไม่เป็นเรา นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่4/5:
อริยสาวกผู้ซึ่งได้สดับและเห็นอย่างนี้แล้ว ย่อมเกิดนิพพิทาคือความเบื่อหน่ายแม้ในขันธ์5 คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ย่อมรู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ตอนที่5/5:
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสธรรมปริยายนี้ จบลงแล้ว ภิกษุปัญจวัคคีย์ต่างมีใจยินดีชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวยากรณ์นี้อยู่ จิตของภิกษุปัญจวัคคีย์ได้หลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน ดังนี้แล.