ผมรู้สึกว่าครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนของผม

เรื่องนี้ผมคิดมาตั้งแต่ช่วงผมอายุ16แล้ว ปัจจุบันผมอายุ23

ผมขอเล่าตั้งแต่ตอนผมอายุ16
ตอนนั้นผมตัดสินใจที่จะเข้าโรงเรียนเตรียมทหารหรืออย่างน้อยก็ไปสอบนายสิบได้
แต่การที่จะเข้าเตรียมทหารผมต้องมีวุฒิ ม.4 ถ้าผมจำไม่ผิดนะ
ผมเลยตัดสินใจเข้าเรียนม.4ห้องทั่วไป จากนั้นผมก็ไปเรียนปรับพื้นฐาน พอไปๆมาๆ โรงเรียนประกาศยุบห้องทั่วไปผมเลยต้องเลือกห้องเรียนใหม่
มันมีห้อง ญีปุ่น จีน ฝรั่งเศส ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกเลยเข้าเรียนห้องญี่ปุ่น
พอเรียนไปได้1ปี ผมรู้สึกได้เลยว่าผมตามไม่ทันใครเลยเหมือนทุกคนเขามีพื้นฐานกันหมดแล้วผมต้องมานั่งท่องตัวอักษรตั้งแต่ต้นผมพยามเต็มที่แล้ว สุดท้ายก็ตาม ไม่ทันพอผมเริ่มได้ ฮิรากานะ เขาก็เริ่ม คาตาคานะ ผ่านไป1อาทิตย์เขาก็ขึ้น คันจิ ซึ่งนั่นมันทำให้ผมตามไม่ทันเลย
ผมเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับแม่ ว่าอยากย้ายโรงเรียน เขาก็พูดออกมาว่า "จะไปเรียนไหน สายอาชีพอะหรอไม่ต้องไป"
จากนั้นเขาก็บ่นๆผมไปเรื่อยผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้เพราะมันผ่านมานานแล้ว
รื่องนั้นทำให้ผมเริ่มไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาแล้วเพราะเวลาหยิบอะไรมาคุยเขาเหมือนไม่อยากให้ผมออกความเห็นแล้วเรื่องการเป็นทหารเขาก็ยัดความคิดพวกนี้มาให้ผมเองทั้งนั้นแต่ตอนนั้นผมเต็มใจที่จะทำให้ ผมทนเรียนมาเรื่อยๆเกรดก็แย่เลยเพราะผมไม่สามารถเรียนได้จริงๆ การเก็บคะแนนส่วนใหญ่ของวิชาญี่ปุ่นคือการเขียนแล้วผมไม่ได้อะไรเลย แค่พออ่านฮิรางานะแต่แปลไม่ได้ เกรดผม0ทุกปี ผมพยามคุยเรื่องนี้ทุกรอบแต่คำตอบก็เหมือนว่าประมาณว่า แล้วจะไปเรียนไหน(ขึ้นเสียง) แล้วก็บ่นอีกว่าผมเรียนแย่ 
ผมก็คิดกับตัวเองนะว่า เออเราจะไปเรียนไหนที่ผ่านมาเราก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะเป็นไร
ทำไมเขามาถามเราแบบนั้น เขาช่วยเราตัดสินใจหน่อยไม่ได้หรอที่ไม่ใช่ที่นี่ ผมแค่อยากเปลี่ยนที่เรียนทำเกรดใหม่อีกรอบเอง
จนผมเรียนจบม.6ด้วยกรดรวม1.4 ผมรู้มันน้อย ส่วนนึงผมคือรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้เพราะผมเอาเวลาเรียนส่วนใหญ่ของผมไปทำงานพาสไทม์
หาเงินให้ตัวเอง แล้วอีกส่วนผมก็อยากให้แม่เขารู้ด้วยว่าผมเคยเอาเรื่องนี้มาคุยหลายรอบแล้ว แล้วนี่ก็คือผลลัพธ์ของการที่เขาตัดสินใจของเขา

ช่วงอายุ18-19 ผมเคยตั้งกระทู้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วเพราะเล่าส่วนดีๆที่ผมไปทำงานพอ
ช่วงนี้ผมก็หางานทำร้านอาหารจนไปทำงานร้านขนมปังร้านนึง ผมได้เรียนทำขนมปังได้ประการณ์ใหม่ๆมากมายที่ร้านเขาเป็นธุรกิจครอบครัว
ผมชอบไปทำงานที่นี่มากๆเพราะเขาดูมีความอบอุ่นมากกว่าครอบครัวของผมมากๆถึงมันจะมีการทะเลาะอะไรกันในนั้นสุดท้ายเขาก็คุยกันดีๆจนจบ พอผ่านมา1-2ปีเขาเสนอให้ผมเป็น ผู้จัดการร้านขนมปังนี้ แต่ตอนนั้นผมอยากออกไปลองอะไรใหม่ๆที่ตัวเองอยากทำแล้วก็ไม่เคยลองเพราะแต่ก่อนถูกกรอบบางอย่างกันไว้ นั่นคือการวาดรูป แล้วต่อจากนี้ก็จะเป็นช่วงที่ผมโดนแม่บ่นมากที่สุด

**อ่อผมลืมบอกแม่ผมเขาจะชอบเปลี่ยนผช.บ่อย ถ้าให้ผมนับตั้งแต่อายุ16-20 ก็ราวๆ6คนได้แล้ว ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเสียงดัง บางครั้งก็รถไฟชนกัน ผู้ชายบางคนก็หัวร้อนง่ายพังข้าวของ ทุบประตูกระจกพัง 
ทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆเพราะมันดูเหมือนครอบครัวไม่อบอุ่นเลย
บางครั้งก็สะดุ้งตื่นอะไรพวกนี้ ผมต้องจมอยู่อะไรแบบนี้นานมาก

ตอนนี้ผมอายุ19
ผมตัดสินใจเรียนวาดรูปด้วยเงินที่ตัวเองหามา แน่นอนผมเรียนวาดรูปตามคอสสอนวาดรูปออนไลน์ทั่วไป เท่ากับว่าผมจะไม่มีรายรับเข้ามาแต่ผมเองก็ยังมีเงินเก็บแต่มันก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น สุดท้ายก็ต้องกินข้าวที่บ้าน ผมเองก็ไม่อยากลำบากอะไรเขาหรอกแต่ว่าผมจำเป็นต้องเรียนแล้วเขาก็พูดมาตอนตลอดว่า ให้ผมไปเรียนต่อ นี่ไงผมเรียนแล้ว ผมใช้เวลา1ปีในการเรียนผมภูมิใจตัวเองมากเพราะผมก็เพิ่งรู้ว่าผมเองก็มีพรสรรค์ในการวาดรูปเหมือนกันแต่ตอนเด็กผมตอนหลายๆอย่างกดทับจนไม่กล้าที่จะทำ แต่คนที่ผมอยากให้มายินดีด้วยที่สุดคือ แม่ แต่เขากลับถามคำถามแทนว่า "เมื่อไหร่จะได้เงิน" แค่คำนั้นทำให้ผมรู้สึกแย่มากเพราะผมเองแค่ต้องการคำติชม ยินดี หรืออะไรก็ได้ 

ตอนนี้ผมอายุ20
ผมได้เริ่มทำงานด้วยการวาดรูปขาย มันก็ไม่รอดหรอกเพราะมันก็แค่นักวาดปลายแถวที่เพิ่งเข้าวงการมา แต่หลายๆอย่างก็เปลี่ยนไป
เพราะผมได้รู้จักNFTผมไม่ได้มาขายอะไรนะ ผมจะไม่ลงรายละเอียดอะไรนะ
ผมได้วาดรูปขายในNFTเงินมันเยอะกว่าเงินเดือนที่ผมได้ตอนทำงานร้านขนมปัง
ในช่วงนี้แม่เขาได้ผู้ชายใหม่ แต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะทำงานตจว.เขาเลยย้ายตามไปทำให้ผมต้องดูแลน้องคนเดียว
เขาคอยส่งเงินให้เดือนละราวๆ1000 ให้ผมและน้อง แต่1000มันจะไปพออะไรกับค่าครองชีพขนาดนี้สุดท้ายก็ต้องใช้เงินตัวเองในการเลี้ยงดูน้อง

ตอนนี้ผมอายุ21
ผมก็ทำงานไปเรื่อยๆไปๆมาๆ ไฟบ้านดับ ยังจำกันได้ไหมว่าช่วงมี2020หรืออะไรสักอย่างเขาไม่ตัดไฟเพราะเขาอยากให้คนตั้งตัวจากโควิด19ได้ก่อน
สรุปแม่ผมไม่จ่ายค่าไฟเลย12เดือน ค่าไฟราวๆ4หมื่น5 ผมบอกเรื่องนี้กับแม่แล้วเขาก็บอกให้อยู่ไปก่อน ผ่านไป3วันผมทำงานไม่ได้เลยตัดสินใจไปอยู่ห้องเช่าก่อน แต่มันก็ดูวี่แววเลย ผมอยู่อย่างนั้นราวๆ3เดือนได้ ผมเลยทนไม่ไหวแล้วเลยถามเขาตรงๆว่าทำไมไม่จ่ายแล้วทำไมไม่ยอมกลับบ้านมาสักทีเขาตอบว่า เขาหนีหนี้ ค่าไฟ ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าแชร์ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดราวๆ1แสน ผมก็คิดกับตัวเองนะว่า ถ้าผมจ่ายเงินก้อนนี้ไปผมคงได้ครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกับใครๆเขาบ้างผมเลยตัดสินใจให้เขายืมไปก่อนอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องจ่ายดอกแล้ว ผมก็ถามชัดเจนนะจะคืนตอนไหน
เขาบอกได้ได้แชร์มาช่วงประมาณ2-3เดือนจะถยอยคืนให้ก้อนแรก4หมื่น ผมก็โอเคอย่างน้อยก็ได้ช่วย 
ผมเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆให้ ทำให้เงินเก็บ เงินลงทุนในชีวิตผมตลอด1ปีมันหายไปกับเขา แต่อย่างที่บอกผมโอเคเพราะผมอยากให้ครอบครัวอบอุ่น
จากนั้นก็กลับมาอยู่ด้วยกันเขาก็ดีกับผมนะแต่ได้แค่3เดือน หลังจากที่คืนเงินผมแค่2หมื่นเขาก็ขอยืมไปอีก1หมื่น แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เงินคืนอีกเลย 
ผมเลยตัดสินใจว่าไม่ต้องคืนแล้ว เอาเงินที่ต้องคืนไปจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าส่วนกลาง เพราะยังไงแม่ก็ไม่อยู่บ้านอยู่แล้ว ใช่แล้วครับเขาได้ผช.ใหม่อีกคนเขาเลยย้ายไปอยู่อีกแล้ว เขาก็ยอมรับข้อเสนอผมนะ แต่ผ่านไป3เดือน ไฟดับ อีกแล้ว รอบนี้ผมตังเหลือน้อยมากเพราะNFTมันขายยากมากแล้ว จากนั้นผมก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่ากับน้องอีกรอบ  เขาก็ไม่จ่ายค่าไฟไปราวๆ1อาทิตย์ได้ ผมเองก็ตังหมดแล้วเลยกลับบ้านขอพ่วงไฟจากข้างบ้านใช้เอา3วันได้เขาก็จ่ายไฟ

ตอนนี้ผมอายุ22
ผมได้งานใหม่ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่ผมก็ต้องเจอความจริงอีกอย่างคือแม่ไม่จ่ายค่าบ้านเลย2ปี ทำให้ผมเกิดคำถามมากมายในหัวเลยว่าเงินมันหายไปไหนวะ ผมเลยทำงานจนประสบความสำเร็จพอตัว แล้วทุกๆเดือนเขาจะโทรมาหาผมไม่ใช่เรื่องจะให้กำลังใจอะไรแค่จะมาขอเงิน มันทำให้ผมหงุดหงิดยังไม่รู้เเพราะที่ผ่านมา เขาไม่ได้สนับสนุนอะไรผมเลย แล้วทำไมตอนนี้มาขอเงินแบบนี้ทุกเดือน แต่ผมก็ให้นะแต่มันก็ยังเจ็บอยู่เพราะเขาไม่ได้กำลังใจเลยมีแต่มาให้พลังลบกับอย่างเดียว 

ตอนนี้ผมอายุ23
ผมทำงานที่บ้านตามปกติ แต่ส่วนใหญ่เขาชอบบ่นผมว่าใช้ไฟเยอะ(ค่าไฟ3500)อยู่สองคน พอเขาบ่นมางี้ทำให้ผมอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้จริงๆว่าที่ผ่านเขาคิดว่าจ่ายค่าไฟเองมาตลอดเลยหรอ บ้านในตอนนี้ก็โดนธนาคารยึดไปแล้วแค่อยู่ไปจนกว่าเขาจะมาไล่นี่อะนะผมไม่รู้จริงๆว่าเขาไปติดเงินอะไรเยอะขนาดนั้นเพราะถ้าฟังที่ผมเล่ามา ผมแทบไม่ใช้เงินเขาไม่ขอเงินเขาเลยตลอด4ปีที่ผ่านมา ทำไมเงินมันดูจมไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ผมก็รู้ว่าเกิดจากนี้หนี้นอกระบบที่เขาไปกู้มาผมก็ถามไปว่าทำไมไปกู้เขาก็เลือกจะบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ มันทำให้ผมเหนื่อยใจมากๆตอนนี้ ผมอยากย้ายออกจากบ้านนี้ ผมพยามให้โอกาสเขาเปลี่ยนตัวเองแล้ว ทำไมเขาไม่เห็นหัวผมที่เป็นลูกเขาบ้าง เขาเห็นผมเป็นลูกอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ ผมแค่เหนื่อยมากๆตอนนี้ตอนนี้ที่พิมพ์กระทู้นี้ผมก็น้ำตาไหลไปพิมพ์ไป ผมแค่อยากได้ครอบครัวที่เข้าใจกันคุยกันดีๆ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่รับฟังอะไรผมเลย มีแต่จะบ่นอะไรไม่พอใจก็ด่า นี่คือการเลี้ยงดูลูกอย่างถูกต้องจริงๆหรอ ถ้าผมไม่ภูมิคุ้มกันที่ดีผมคงแย่กว่านี้แน่ๆ ตอนนี้ผมกำลังวางแผนย้ายออกไปอยู่คนเดียว ผมพอจะตั้งตัวได้แล้วจากที่ผมไม่มีเงินเก็บในตอนนั้น น่าอีก3เดือนนี้ผมจะออกจากที่นี่ 

แล้วที่ผมตัดสินใจมาเขียนกระทู้นี้เพราะล่าสุดเขามาขอให้ผมกู้ซื้อรถให้เขาแล้วเขาจะผ่อนเอง ผมตอบว่า ไม่ เขาบอกก็ทำไมไม่ช่วยแม่บ้าง แม่ก็ไปกู้ไม่ได้เครดิตเสียหมดแล้ว แม่แค่อยากได้รถซื้อมาซื้อของใช้คือผมต้องอธิบายก่อนว่าช่วง1ปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งหางานทำด้วยการขายกับข้าว ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าเขาทำงานไร แล้วการที่ผมไม่ยอมกู้ให้เขาเพราะที่ผ่านผมเห็นเครดิตเขามาตลอดว่าเขาเป็นคนยังไง ผมยังจำเป็นที่จะต้องกู้ให้เขาอีกจริงๆหรอ
ทีผ่านมาชีวิตผมก็แย่เหมือนกัน เขาจะหัวผมก็ต่อเมื่อให้เงินเท่านั้น  ไม่สามารถคุยเรื่องอะไรต่างๆได้อย่างเปิดเผย ไม่สามารถทำอะไรได้เลยทุกวันนี้จะลงไปกินข้าวยังกลัวโดนบ่นเลย ผมไม่ค่อยพูดเรื่องนี้กับใครผมอยากคุยกับเพื่อนๆพี่ๆมีความคิดเห็นยังไงกันบ้างครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่