ทริปนี้เกิดขึ้นจากความอยากลองล้วนๆ อย่างอื่นก็ทำคนเดียวมาเยอะละกับอี่เเค่เดินป่าคนเดียวมันจะสักเท่าไหร่เชียว นี่คือความคิดเเรกก่อนตัดสินใจไปนะ
เเล้วก็ไปตอนเขามีปัญหาน้ำท่วมกันอยู่เเต่ที่อุทยานไม่มีน้ำท่วมนะ ท่วมเเค่บางอำเภอกับในเมือง เราเชคก่อนไป เราเตรียมร่างกายมานิดหน่อยประมาณ1 อาทิตย์ ออกกำลังกายเเบบคาร์ดิโอ+ออกกำลังกายขาตามคลิปนี้เลย ทำได้ประมาณ1week
21:00น. ของวันที่25 สิงหาคม2023 -26 สิงหา เราเดินทางด้วยรถทัวร์จากหมอชิต-คีรีมาศ เวลาตี4 รถจะจอดตรงศาลาใกล้ๆศาลพระเเม่ย่า มีวินมอเตอร์ไซต์อยู่200บาท ไปซื้อขนม น้ำ ของจำเป็นกาอนขึ้นเขาเเล้วให้ลุงไปส่ง ยังเช้ามากๆอยู่เลยไม่รีบ
นี่คือของกินที่เราจะเอาขึ้นเขา ขนม นม เนย ไข่
เเล้วนั่งพี่วินไปอุทยาน200บาท ทางมืดมาก

ถึงหน้าอุทยานก็ทำการลงทะเบียนชื่อเข้าอุทยาน มีค่าใช้จ่า50 บาท จะได้บัตรเข้ามา ขอเบอร์ลุงวินไว้มารับขากลับด้วย

ถึงตีห้ากว่า ไม่มีคนเเละเงียบมากรอจนเช้า 6โมงค่อยไปลงทะเบียนขึ้นอุทยาน

พอ6โมงพี่เขาก็เรียกให้ไปลงทะเบียนเข้าอุทยานเลย เสียค่าประกันขยะ200+ค่าเต้นท์เเบ3คน เราบอกเอาทุกอย่างที่มี ที่รองนอน ผ้าห่ม ฟรายชีทเต้นท์ รวมกับค่าประกันขยะ475 บาท จะได้ใบประกันขยะเล็กๆเก็บไว้ดีๆขาลงเอามาเเลกเงินคืน ทำการลงทะเบียนเสร็จพี่เขาก็บอกขึ้นเขาได้เลยตอนนั้นเพิ่งหกโมงครึ่งเราเลยกินอะไรรองท้องนิดหน่อยก่อน ไข่ต้ม2ฟอง+ขนมพายสัปรดเซเว่นจุกๆ เวลา 06:40 เราเดินขึ้นเขา มีอีกคนที่มาพร้อมเราเเต่เขาเดินขึ้นไปก่อนเเล้ว เราวอมร่างกายเสร็จก็เริ่มเดิน เราเเบกเป้ขึ้นเอง เกือบ7โล เพราะไม่มีลูกหาบๆยังอยู่ด้านบนไม่ลงมา เเต่จริงๆเราก็กะจะเเบกเองอยู่เเล้ว คิดว่ามันไม่ไกลไง 3.7โลเอง เเล้วคอยดูนะ

เริ่มเดินชิวๆ เดินมาสักพัก เอาละเริ่มละ ตอนเเรกเจอพี่นักวิ่งเดินตามหลังมาทำให้กดดันไม่รู้ทำไมเริ่มเดินเร็วขึ้นจนหอบเลยปล่อยพี่เขานำไปรู้งี้ไม่น่ารีบเดินเดินละดูทางสิ มีเเต่ชันขึ้นๆหอบเเห่กๆ

เห็นเเบบนี้โครตเหนื่อยนะ ระหว่างทางเราเจอพวกพี่ๆที่วิ่งลงเขาสองสามคน นับถือเลย ขนาดเดินเฉยๆยังขาสั่นนี่วิ่งขึ้นวิ่งลง

ถึงจุดชมวิวตรงนี้เป็นที่เดียวที่มีสัญญาณนะ โทรได้เเต่โพสต์อะไรไม่ได้เลย เราใช้ Ais เดินเรื่อยๆเหนื่อยก็พักเราพักไม่เป็นจุดใช้วิธีเดินไม่เร็วมากเหนื่อยไหนพักนั่นหิวน้ำกลางทางขึ้นดอยก็กินน้ำตรงนั้นเลย เเทบไม่ได้พักที่ไหนนาน ที่เป็นจุดพักเราจะใช้เวลายืดเส้น เราพยามไม่ให้เหนื่อยจนหอบหายใจไม่ทัน เดินเรื่อยๆ อีกอย่างคือไม่ปล่อยให้น้ำตาลตกเรากินลูกอมกาเเฟสักอย่างที่ซื้อมาจากเซเว่นเเท่งเหลืองๆช่วยได้มากเลยรู้สึกมีเเรงขึ้น เระหว่างทางเจอพี่ๆน้องๆที่ลงเขามาตลอดทาง วลีเด็ดที่นักเดินป่าที่นี่ต้องเจอคือ อีกนิดเดียว(ที่ไม่มีจริง) เเล้วก็สู้ๆนะ อีกอันคือรีบขึ้นไปกินข้าวไข่เจียวนะ คนเดินจนเหนื่อยนี่บอกเลยหิว
เเละก็เดินมาถึงเนินสุดท้าย เห็นละเเสงสว่างปลายอุโมงอีกนิดเดียวจริงๆ
ถึงเเล้ว เขาหลวงสุโขทัยเราใช้เวลาเดินขึ้นตั้งเเต่ 06:40น-09:34น 3ชั่วโมงโดยประมาณ เรามาถึงคนเเรก นทท เมื่อวานบางคนยังไม่ลงเขาเลย เรามาถึงก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เอาใบจองที่ได้มาจากข้างล่างให้พี่เขาดูเเล้วเลือกเต้นม์เองเลย เราเลือกเต้นท์นี้เเล้วก็เลือกถูกสะด้วยตอนเเรกกลัวฝนตกเเล้วเต้นท์จะรั่วมากเลย เเต่ทดลองเเล้ว ฝนตกไม่รั่วเลย โชคดีไป


เต้นท์เรามีทุกอย่างยกเว้นหมอนเขาไม่มีให้ ใช้กระเป๋าหนุนหัวเอา จัดของในเต้นท์เสร็จก็มากินข้าวไข่เจียวชิกเนเจอร์ของที่นี่เลยดีกว่า หิวเเล้ว

ข้าวไข่เจียว70บรท รสชาติก็ข้าวไข่เจียวนั่นเเหละ กินเพิ่มพลังงานเดี๋ยวไปเดินต่ออีก4ผา ระหว่างนั่งกินข้าวเจอพี่ที่เขากำลังจะลงเขาวันนี้ทักทายกันเเละถามพี่เขาว่า ภูกา สวยไหม เห็นเขาว่าสวยเเต่มันไดลดว่าเขาอื่นๆนะ พี่เขาไปมาเเล้วบอกว่าสวยนะ เเต่อย่าไปคนเดียวเลยมันเปลี่ยวฟ ตอนเเรกเราจะไปคนเดียวเพราะมาคนเดียว เเต่พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวมีน้องอีกกลุ่มหนึ่งจะไปพอดีไปกับน้องๆเขาสิ พี่เขาก็บอกพวกน้องให้ น้องบอกให้ไปผาชมปรงดู เพื่อนน้องน่าจะอยู่ตรงนั้น เราเลยเดินไปที่ผาชมปลงก่อน เจอน้องผู้ชาย2คนก็น่าจะเพื่อนน้องที่บอกนั่นเเหละ ดีละมีเพื่อนเเล้ว คุยกันเรื่อยเปลื่อยสลับกันถ่ายรูปบ้าง รูปวิวจากผาชมปรง

หมอกกำลังสวยๆเลยละ จากนั้นก็ไปเขาพระนารายณ์ต่อ เจอฝรั่งคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปอยู่น้องๆเลยไปช่วยเขาถ่ายรูป เขามาจากฝรั่งเศสเเต่เขาไม่ค้างเขาจะเดินลงตอนค่ำเขาบอกไม่มีเวลาจะไปเที่ยวใต้ต่อ เลยเเนะนำที่เที่ยวอื่นๆให้ไปด้วยเลย นี่รูปเขาพระนารายณ์เหมาะที่จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก เเต่วันนี้ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกนะ เพราะอะไรนะหรอ เดี๋ยวเล่าต่อ

หลังจากนั้นก็ลงจากเขาพระนารายณ์ไปกินข้าว เรากินเเล้วเลยปล่อยน้องๆมันกินกันไป เดี๋ยวเดินไปต่อเขาภูกา กินอะไรเสร็จก็เตรียมพร้อมไปต่อเดินไประหว่างทางก็เเวะไปเขาอื่นก่อน เช่น เขาพระเจดีย์ คือเจอคนเมื่อเช้าที่เดินขึ้นมาก่อนเราเเต่เขามาถึงทีหลังเลยได้รู้ว่าเป็นตะคริวระหว่างทาง เขาก็เเนะให้ไปเขาพระเจดีย์ เขาว่าวิวระหว่างทางสวย เราว่าไม่ค่อยมีอะไรนะ เเต่วิวระหว่างทางสวยจริง เเละความสนุกอีกอย่างคือได้มากับคนที่เพิ่งรู้จักมันสนุกมากคือเราไม่ต้องคิดอะไรเยอะลุยๆกันไปไหนไปกันไม่อิดออด อาจเพราะน้องมันเป็นผู้ชายด้วยมั้งรู้สึกว่าเข้ากับเพื่อนผู้ชายได้ดีกว่าจริงๆเเหละ มันจะคนละฟิวกับมากับเพื่อนหรือคนที่รู้จักเเน่ๆ เราชอบฟิวเที่ยวกับคนเเปลกหน้าเเบบนี้มากกว่า นี่ไง มีเเค่เนี้ยเเหละเขาพระเจดีย์ เเต่ทางมาก็ไกลอยู่นะ

หลังจากเขานี้เราจะเดินไปที่เขาภูกาจุดหมายของเราเเล้ว ระหว่างทางจะไปก็เจอฝนปรอยๆละชั่งใจกันก่อนว่าจะไปดีไหมเเต่ไหนๆก็ไหนๆละ เลยตัดสินใจไปกัน เป็นการเดินเข้าหาฝน เพราะตรงที่จะไปมันมีฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราพกร่มมาด้วย เเต่มีอันเดียว น้องอีกคนมีเสื้อกับหมวกกันฝน เเต่อีกคนมีเเต่เสื้อไม่มีหมวกเลยต้องเเชร์ร่มกับน้องมัน พยามเดินไปให้ถึงเขาภูกา ไกลเอาเรื่อง2 กิโลกว่ามั้งทางก็ลื่นฝนตกมีทางชันเยอะมาก นึกว่าจะเดินได้ชิวๆซะอีก เเต่ถึงอย่างไร ฝนตกเเค่ไหนเราก็ไม่ลืมเก็บรูปบรรยากาศระหว่างทางมา

ฝนตกไม่หยุดเลย เปียกปอนกันทั้งสามคนเเต่ดันทุรังไปถึงจนได้ ถึงเเล้ว ภูกา จุดหมายของเรา ตอนนี้มีหมอกปกคลุมลมเเละฝนเเรงมากๆ ต้องนั่งลงข้างๆหินสักพักใหญ่ๆเลยก่อนจะเดินลง

ขอไม่ลงรูปวิวนะ เราไปมาอย่างยากลำบากอยากให้ทุกคนไปสัมผัสกันเอาเอง555+ สู้ๆ รอจนลมเริ่มลดลงเเล้วค่อยเดินกลับลงไปข้างล่าง ตอนกลับน้องมันก็ลื่นด้วยเราเลยสังเกตุเห็นว่าน้องมันใส่รองเท้าเเตะ เลยถามว่าทำไมไม่ใส่ผ้าใบน้องบอกว่าใส่เเตะตั้งเเต่ขึ้นเขามา เราตกใจนะ มันลื่นมากนะ น้องเดินขึ้นมาทั้งอย่างนั้นอะ ขนาดเราใส่รองเท้าสำหรับเดินป่าถึงเเม้จะคู่ถูกๆเเต่ก็ดีกว่าเเตะเเน่ๆเรายังลื่นเล็กน้อยเลย เเต่น้องเล่นใส่เเต่รองเท้าเเตะไม่ลื่นก็เเปลกเเล้ว ถึงทางเเยกจะกลับที่พักหรือไปดูพระอาทิตย์ตกดีน้องอีกคนคงเหนื่อยกลับก่อน เรากับน้องอีกคนเลยไปเขาพระนารายณ์อีกครั้ง เเต่ไม่เห็นอะไรเลย มีเเต่หมอกหนามากๆ ลมเเรงมากๆด้วย เลยเดินกลับ ที่พัก เดี๋ยวพรุ่งนี้บอกให้น้องมันมาเรียกถ้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ให้ปลุกเลยไม่ต้องเกรงใจ เเต่เราก็ตั้งปลุกไว้ตี5ครึ่งนะเเค่กลัวไม่ตื่น หลังเเยกกับน้องเราก็ไปอาบน้ำเลย อาบเร็วๆก็ดีนะ น้ำที่นี่เย็นมากๆ คืออาบทีสั่นเลย พออาบเสร็จก็หิวเลยไปซื้อมาม่าคัพน้ำข้น40บาท ใส่ไข่1ฟองที่เราซื้อมาจากข้างล่าง ของกินเยอะเเยะเเต่กลับอยากกินมาม่าซะงั้น กินเสร็จ ก็เล่นมือถือสักพัก ไม่มีหรอกสัญญาณเเค่เขียนบันทึกเรื่องการเดินทางครั้งนี้ไว้ในโน๊ต จากนั้นสองทุ่มก็ง่วงเเล้วเลยนอน คืนนี้ฝนตกลมเเรงมากกลัวเต้นท์ปลิวมาก เเละกลัวน้ำเข้าเต้นท์ด้วย เเต่ก็ไม่มีไน้ำอะไรเลย
ตื่นอีกทีตี5 เเปรงฟันเสร็จเจอน้องเดินมาพอดี ก็เลยเก็บของเเละเดินไปกับน้องเลย ส่วนอีกคนไม่ตื่น น่าจะเหนื่อยจริงๆ วันที่เราไปมีเเค่13คน น้อยมากๆ ถ่ายรูปวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาพระนารายณ์ไม่ติดคนเลย

สวยมากอยู่ที่นี่ตั้งเเต่หกโมงถึง8โมงเลย เกือบทุกคนมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น เราเลยได้ถ่ายรูปรวมกัน คนยิ่งน้อยยิ่งทำความรู้จักกันง่าย ทุกคนได้คุย ได้เเชร์ประสบการณ์กัน หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็กลับเต้นท์ไปเก็บของลงเขากัน อย่าลืมเก็บเครื่องนอนไปให้เจ้าหน้าที่กับเอาขยะไปชั่งให้เขาเขียนใส่ใบอันเล็กๆที่ได้มาไว้เอาไปเเลกเงินคืนตอนลงเขา เราเดินลงเขาตอน11โมง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ถึงข้างล่างก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เอาใบประกันขยะให้ได้เงินคืน100บาท จากนั้นเราก็โทรหาลุงวินเเต่เบอร์ที่ให้มาน่าจะผิด เลยไม่รู้ทำไงพอดีป้าที่ร้านสวัสดิการได้ยินพอดีเลยบอกว่าเดี๋ยวให้ลูกไปส่งถามว่าวินคิดกี่บาท เราบอก200ป้าเลยบอกงั้น200ก็ได้ปกติ300 เเต่เห็นเรามาคนเดียว ระหว่างนั้นเราก็ไปอาบน้ำก่อนลงเขามาเลอะเหงื่อหนักมาก อาบน้ำเสร็จก็ให้ลูกป้าไปส่งที่ขนส่ง บขส คีรีมาศ ซื้อตั๋วกลับมีรอบ 21:15น เราซื้อเสร็จเเล้วก็ไปร้านอเมซอนพี่คนขายตั๋าพาไปส่ง จนถึงห้าโมงนิดๆเราเดินไปตลาดข้างๆศาลพระเเม่ย่า ไม่ค่อยมีคนนะ เราซื้อเเค่ไว้กรอกข้า20 ละกลับมากินที่รอนถ บขส คือเเบบอร่อยอะ ชอบ เปรี้ยวๆเผ็ดๆดี รอรถจนถึง21:30 กว่าจะมาละก็กลับกทม จบเเล้วทริปนี้ อยากมาเเชร์เฉยๆ สนุกมากๆได้เพื่อน ได้เหนื่อย ได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้เอาชนะ challenge นี้ของตัวเอง
ใครที่อยากจะลองเดินป่าครั้งเเรกเราเเนะนำที่นี่เเต่ฟิตร่างกายมาก่อนดีๆนะ เหนื่อยเเต่คุ้มค่าอยากให้ได้ลอง มีคำถามอะไรถามเราได้นะ เรายินดีเเชร์ความรู้ ^^
สรุปค่าใช้จ่ายของเรา
ค่าของกิน:332
ค่ารถ ไป-กลับอุทยาน 400 บาท
ค่าลงทะเบียนเข้าอุทยาน 50 บาท
ค่าเช่าเต้นท์+ประกันขยะ475บาท ได้ค่าประกันขยะคืน 100 บาท
ค่าม่ามาบนเขา1คัพ 40บาท
ค่าข้าวไข่เจียวธรรมดา 70
ค่ากาเเฟอเมซอน70 บาท
ค่าไส้กรอกข้าวตลาดหน้าศาลเเม่ย่า 20 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด: 1695 บาท
[SR] เเชร์ประสบการณ์เดินป่าครั้งเเรกที่เขาหลวงสุโขทัย ฉบับผู้หญิงไปคนเดียว
เเล้วนั่งพี่วินไปอุทยาน200บาท ทางมืดมาก
ถึงหน้าอุทยานก็ทำการลงทะเบียนชื่อเข้าอุทยาน มีค่าใช้จ่า50 บาท จะได้บัตรเข้ามา ขอเบอร์ลุงวินไว้มารับขากลับด้วย
ถึงตีห้ากว่า ไม่มีคนเเละเงียบมากรอจนเช้า 6โมงค่อยไปลงทะเบียนขึ้นอุทยาน
พอ6โมงพี่เขาก็เรียกให้ไปลงทะเบียนเข้าอุทยานเลย เสียค่าประกันขยะ200+ค่าเต้นท์เเบ3คน เราบอกเอาทุกอย่างที่มี ที่รองนอน ผ้าห่ม ฟรายชีทเต้นท์ รวมกับค่าประกันขยะ475 บาท จะได้ใบประกันขยะเล็กๆเก็บไว้ดีๆขาลงเอามาเเลกเงินคืน ทำการลงทะเบียนเสร็จพี่เขาก็บอกขึ้นเขาได้เลยตอนนั้นเพิ่งหกโมงครึ่งเราเลยกินอะไรรองท้องนิดหน่อยก่อน ไข่ต้ม2ฟอง+ขนมพายสัปรดเซเว่นจุกๆ เวลา 06:40 เราเดินขึ้นเขา มีอีกคนที่มาพร้อมเราเเต่เขาเดินขึ้นไปก่อนเเล้ว เราวอมร่างกายเสร็จก็เริ่มเดิน เราเเบกเป้ขึ้นเอง เกือบ7โล เพราะไม่มีลูกหาบๆยังอยู่ด้านบนไม่ลงมา เเต่จริงๆเราก็กะจะเเบกเองอยู่เเล้ว คิดว่ามันไม่ไกลไง 3.7โลเอง เเล้วคอยดูนะ
เริ่มเดินชิวๆ เดินมาสักพัก เอาละเริ่มละ ตอนเเรกเจอพี่นักวิ่งเดินตามหลังมาทำให้กดดันไม่รู้ทำไมเริ่มเดินเร็วขึ้นจนหอบเลยปล่อยพี่เขานำไปรู้งี้ไม่น่ารีบเดินเดินละดูทางสิ มีเเต่ชันขึ้นๆหอบเเห่กๆ
เห็นเเบบนี้โครตเหนื่อยนะ ระหว่างทางเราเจอพวกพี่ๆที่วิ่งลงเขาสองสามคน นับถือเลย ขนาดเดินเฉยๆยังขาสั่นนี่วิ่งขึ้นวิ่งลง
ถึงจุดชมวิวตรงนี้เป็นที่เดียวที่มีสัญญาณนะ โทรได้เเต่โพสต์อะไรไม่ได้เลย เราใช้ Ais เดินเรื่อยๆเหนื่อยก็พักเราพักไม่เป็นจุดใช้วิธีเดินไม่เร็วมากเหนื่อยไหนพักนั่นหิวน้ำกลางทางขึ้นดอยก็กินน้ำตรงนั้นเลย เเทบไม่ได้พักที่ไหนนาน ที่เป็นจุดพักเราจะใช้เวลายืดเส้น เราพยามไม่ให้เหนื่อยจนหอบหายใจไม่ทัน เดินเรื่อยๆ อีกอย่างคือไม่ปล่อยให้น้ำตาลตกเรากินลูกอมกาเเฟสักอย่างที่ซื้อมาจากเซเว่นเเท่งเหลืองๆช่วยได้มากเลยรู้สึกมีเเรงขึ้น เระหว่างทางเจอพี่ๆน้องๆที่ลงเขามาตลอดทาง วลีเด็ดที่นักเดินป่าที่นี่ต้องเจอคือ อีกนิดเดียว(ที่ไม่มีจริง) เเล้วก็สู้ๆนะ อีกอันคือรีบขึ้นไปกินข้าวไข่เจียวนะ คนเดินจนเหนื่อยนี่บอกเลยหิว
เเละก็เดินมาถึงเนินสุดท้าย เห็นละเเสงสว่างปลายอุโมงอีกนิดเดียวจริงๆ
ถึงเเล้ว เขาหลวงสุโขทัยเราใช้เวลาเดินขึ้นตั้งเเต่ 06:40น-09:34น 3ชั่วโมงโดยประมาณ เรามาถึงคนเเรก นทท เมื่อวานบางคนยังไม่ลงเขาเลย เรามาถึงก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เอาใบจองที่ได้มาจากข้างล่างให้พี่เขาดูเเล้วเลือกเต้นม์เองเลย เราเลือกเต้นท์นี้เเล้วก็เลือกถูกสะด้วยตอนเเรกกลัวฝนตกเเล้วเต้นท์จะรั่วมากเลย เเต่ทดลองเเล้ว ฝนตกไม่รั่วเลย โชคดีไป
เต้นท์เรามีทุกอย่างยกเว้นหมอนเขาไม่มีให้ ใช้กระเป๋าหนุนหัวเอา จัดของในเต้นท์เสร็จก็มากินข้าวไข่เจียวชิกเนเจอร์ของที่นี่เลยดีกว่า หิวเเล้ว
ข้าวไข่เจียว70บรท รสชาติก็ข้าวไข่เจียวนั่นเเหละ กินเพิ่มพลังงานเดี๋ยวไปเดินต่ออีก4ผา ระหว่างนั่งกินข้าวเจอพี่ที่เขากำลังจะลงเขาวันนี้ทักทายกันเเละถามพี่เขาว่า ภูกา สวยไหม เห็นเขาว่าสวยเเต่มันไดลดว่าเขาอื่นๆนะ พี่เขาไปมาเเล้วบอกว่าสวยนะ เเต่อย่าไปคนเดียวเลยมันเปลี่ยวฟ ตอนเเรกเราจะไปคนเดียวเพราะมาคนเดียว เเต่พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวมีน้องอีกกลุ่มหนึ่งจะไปพอดีไปกับน้องๆเขาสิ พี่เขาก็บอกพวกน้องให้ น้องบอกให้ไปผาชมปรงดู เพื่อนน้องน่าจะอยู่ตรงนั้น เราเลยเดินไปที่ผาชมปลงก่อน เจอน้องผู้ชาย2คนก็น่าจะเพื่อนน้องที่บอกนั่นเเหละ ดีละมีเพื่อนเเล้ว คุยกันเรื่อยเปลื่อยสลับกันถ่ายรูปบ้าง รูปวิวจากผาชมปรง
หมอกกำลังสวยๆเลยละ จากนั้นก็ไปเขาพระนารายณ์ต่อ เจอฝรั่งคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปอยู่น้องๆเลยไปช่วยเขาถ่ายรูป เขามาจากฝรั่งเศสเเต่เขาไม่ค้างเขาจะเดินลงตอนค่ำเขาบอกไม่มีเวลาจะไปเที่ยวใต้ต่อ เลยเเนะนำที่เที่ยวอื่นๆให้ไปด้วยเลย นี่รูปเขาพระนารายณ์เหมาะที่จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก เเต่วันนี้ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกนะ เพราะอะไรนะหรอ เดี๋ยวเล่าต่อ
หลังจากนั้นก็ลงจากเขาพระนารายณ์ไปกินข้าว เรากินเเล้วเลยปล่อยน้องๆมันกินกันไป เดี๋ยวเดินไปต่อเขาภูกา กินอะไรเสร็จก็เตรียมพร้อมไปต่อเดินไประหว่างทางก็เเวะไปเขาอื่นก่อน เช่น เขาพระเจดีย์ คือเจอคนเมื่อเช้าที่เดินขึ้นมาก่อนเราเเต่เขามาถึงทีหลังเลยได้รู้ว่าเป็นตะคริวระหว่างทาง เขาก็เเนะให้ไปเขาพระเจดีย์ เขาว่าวิวระหว่างทางสวย เราว่าไม่ค่อยมีอะไรนะ เเต่วิวระหว่างทางสวยจริง เเละความสนุกอีกอย่างคือได้มากับคนที่เพิ่งรู้จักมันสนุกมากคือเราไม่ต้องคิดอะไรเยอะลุยๆกันไปไหนไปกันไม่อิดออด อาจเพราะน้องมันเป็นผู้ชายด้วยมั้งรู้สึกว่าเข้ากับเพื่อนผู้ชายได้ดีกว่าจริงๆเเหละ มันจะคนละฟิวกับมากับเพื่อนหรือคนที่รู้จักเเน่ๆ เราชอบฟิวเที่ยวกับคนเเปลกหน้าเเบบนี้มากกว่า นี่ไง มีเเค่เนี้ยเเหละเขาพระเจดีย์ เเต่ทางมาก็ไกลอยู่นะ
หลังจากเขานี้เราจะเดินไปที่เขาภูกาจุดหมายของเราเเล้ว ระหว่างทางจะไปก็เจอฝนปรอยๆละชั่งใจกันก่อนว่าจะไปดีไหมเเต่ไหนๆก็ไหนๆละ เลยตัดสินใจไปกัน เป็นการเดินเข้าหาฝน เพราะตรงที่จะไปมันมีฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราพกร่มมาด้วย เเต่มีอันเดียว น้องอีกคนมีเสื้อกับหมวกกันฝน เเต่อีกคนมีเเต่เสื้อไม่มีหมวกเลยต้องเเชร์ร่มกับน้องมัน พยามเดินไปให้ถึงเขาภูกา ไกลเอาเรื่อง2 กิโลกว่ามั้งทางก็ลื่นฝนตกมีทางชันเยอะมาก นึกว่าจะเดินได้ชิวๆซะอีก เเต่ถึงอย่างไร ฝนตกเเค่ไหนเราก็ไม่ลืมเก็บรูปบรรยากาศระหว่างทางมา
ฝนตกไม่หยุดเลย เปียกปอนกันทั้งสามคนเเต่ดันทุรังไปถึงจนได้ ถึงเเล้ว ภูกา จุดหมายของเรา ตอนนี้มีหมอกปกคลุมลมเเละฝนเเรงมากๆ ต้องนั่งลงข้างๆหินสักพักใหญ่ๆเลยก่อนจะเดินลง
ขอไม่ลงรูปวิวนะ เราไปมาอย่างยากลำบากอยากให้ทุกคนไปสัมผัสกันเอาเอง555+ สู้ๆ รอจนลมเริ่มลดลงเเล้วค่อยเดินกลับลงไปข้างล่าง ตอนกลับน้องมันก็ลื่นด้วยเราเลยสังเกตุเห็นว่าน้องมันใส่รองเท้าเเตะ เลยถามว่าทำไมไม่ใส่ผ้าใบน้องบอกว่าใส่เเตะตั้งเเต่ขึ้นเขามา เราตกใจนะ มันลื่นมากนะ น้องเดินขึ้นมาทั้งอย่างนั้นอะ ขนาดเราใส่รองเท้าสำหรับเดินป่าถึงเเม้จะคู่ถูกๆเเต่ก็ดีกว่าเเตะเเน่ๆเรายังลื่นเล็กน้อยเลย เเต่น้องเล่นใส่เเต่รองเท้าเเตะไม่ลื่นก็เเปลกเเล้ว ถึงทางเเยกจะกลับที่พักหรือไปดูพระอาทิตย์ตกดีน้องอีกคนคงเหนื่อยกลับก่อน เรากับน้องอีกคนเลยไปเขาพระนารายณ์อีกครั้ง เเต่ไม่เห็นอะไรเลย มีเเต่หมอกหนามากๆ ลมเเรงมากๆด้วย เลยเดินกลับ ที่พัก เดี๋ยวพรุ่งนี้บอกให้น้องมันมาเรียกถ้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ให้ปลุกเลยไม่ต้องเกรงใจ เเต่เราก็ตั้งปลุกไว้ตี5ครึ่งนะเเค่กลัวไม่ตื่น หลังเเยกกับน้องเราก็ไปอาบน้ำเลย อาบเร็วๆก็ดีนะ น้ำที่นี่เย็นมากๆ คืออาบทีสั่นเลย พออาบเสร็จก็หิวเลยไปซื้อมาม่าคัพน้ำข้น40บาท ใส่ไข่1ฟองที่เราซื้อมาจากข้างล่าง ของกินเยอะเเยะเเต่กลับอยากกินมาม่าซะงั้น กินเสร็จ ก็เล่นมือถือสักพัก ไม่มีหรอกสัญญาณเเค่เขียนบันทึกเรื่องการเดินทางครั้งนี้ไว้ในโน๊ต จากนั้นสองทุ่มก็ง่วงเเล้วเลยนอน คืนนี้ฝนตกลมเเรงมากกลัวเต้นท์ปลิวมาก เเละกลัวน้ำเข้าเต้นท์ด้วย เเต่ก็ไม่มีไน้ำอะไรเลย
ตื่นอีกทีตี5 เเปรงฟันเสร็จเจอน้องเดินมาพอดี ก็เลยเก็บของเเละเดินไปกับน้องเลย ส่วนอีกคนไม่ตื่น น่าจะเหนื่อยจริงๆ วันที่เราไปมีเเค่13คน น้อยมากๆ ถ่ายรูปวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาพระนารายณ์ไม่ติดคนเลย
สวยมากอยู่ที่นี่ตั้งเเต่หกโมงถึง8โมงเลย เกือบทุกคนมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น เราเลยได้ถ่ายรูปรวมกัน คนยิ่งน้อยยิ่งทำความรู้จักกันง่าย ทุกคนได้คุย ได้เเชร์ประสบการณ์กัน หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็กลับเต้นท์ไปเก็บของลงเขากัน อย่าลืมเก็บเครื่องนอนไปให้เจ้าหน้าที่กับเอาขยะไปชั่งให้เขาเขียนใส่ใบอันเล็กๆที่ได้มาไว้เอาไปเเลกเงินคืนตอนลงเขา เราเดินลงเขาตอน11โมง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ถึงข้างล่างก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เอาใบประกันขยะให้ได้เงินคืน100บาท จากนั้นเราก็โทรหาลุงวินเเต่เบอร์ที่ให้มาน่าจะผิด เลยไม่รู้ทำไงพอดีป้าที่ร้านสวัสดิการได้ยินพอดีเลยบอกว่าเดี๋ยวให้ลูกไปส่งถามว่าวินคิดกี่บาท เราบอก200ป้าเลยบอกงั้น200ก็ได้ปกติ300 เเต่เห็นเรามาคนเดียว ระหว่างนั้นเราก็ไปอาบน้ำก่อนลงเขามาเลอะเหงื่อหนักมาก อาบน้ำเสร็จก็ให้ลูกป้าไปส่งที่ขนส่ง บขส คีรีมาศ ซื้อตั๋วกลับมีรอบ 21:15น เราซื้อเสร็จเเล้วก็ไปร้านอเมซอนพี่คนขายตั๋าพาไปส่ง จนถึงห้าโมงนิดๆเราเดินไปตลาดข้างๆศาลพระเเม่ย่า ไม่ค่อยมีคนนะ เราซื้อเเค่ไว้กรอกข้า20 ละกลับมากินที่รอนถ บขส คือเเบบอร่อยอะ ชอบ เปรี้ยวๆเผ็ดๆดี รอรถจนถึง21:30 กว่าจะมาละก็กลับกทม จบเเล้วทริปนี้ อยากมาเเชร์เฉยๆ สนุกมากๆได้เพื่อน ได้เหนื่อย ได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้เอาชนะ challenge นี้ของตัวเอง
ใครที่อยากจะลองเดินป่าครั้งเเรกเราเเนะนำที่นี่เเต่ฟิตร่างกายมาก่อนดีๆนะ เหนื่อยเเต่คุ้มค่าอยากให้ได้ลอง มีคำถามอะไรถามเราได้นะ เรายินดีเเชร์ความรู้ ^^
สรุปค่าใช้จ่ายของเรา
ค่าของกิน:332
ค่ารถ ไป-กลับอุทยาน 400 บาท
ค่าลงทะเบียนเข้าอุทยาน 50 บาท
ค่าเช่าเต้นท์+ประกันขยะ475บาท ได้ค่าประกันขยะคืน 100 บาท
ค่าม่ามาบนเขา1คัพ 40บาท
ค่าข้าวไข่เจียวธรรมดา 70
ค่ากาเเฟอเมซอน70 บาท
ค่าไส้กรอกข้าวตลาดหน้าศาลเเม่ย่า 20 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด: 1695 บาท
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น