ขอชื่อชมในการเลือกเพลง ที่ทำให้ความอาวุโส อยู่บนเวทีได้อย่างสง่างาม
และส่งความบันเทิงได้เต็มแม็ค แบบไม่ต้องแกล้งชม หรือ รักษามารยาท ในการคอมเม้นท์
เพราะทำได้ดีจริงๆ สำหรับเพลงสุดท้าย ในการแข่งขันที่ออกอากาศเมื่อ 25 สิงหา 2567
เพลง ดาวประดับใจ คุณอู๊ดมาในมาร์ท เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หรือ นายทุนญี่ปุ่นยุคสงคราม ที่กำลังเพ้อกับดวงดาว
ไม่มี dancer โฟกัสที่อารมณ์พระเอกล้วนๆ มีความลึก เฉียบ และพลังเสียงในจังหวะที่ต้องสุด ก็คือ สุด
คำว่า
"มองงงงงงงงงงงง" นาทีที่ 6.27 "มองดวงดาวริบรี่" ร้องได้ถึงอารมณ์ แต่ไม่เกินเลย
เสี่ยววินาที ที่ตัดสินได้ว่า คนนี้ของจริง แบบไม่ต้องพยายาม หรือ ร้องแบบเราต้องลุ้นว่าไหวมั้ย
ประหนึ่ง ถ่ายทอดหนังเรื่องนึง พลัง อำนาจ และความอ่อนโยน ผสานกันลงตัว ส่งอารมณ์ได้เต็มๆ
ผู้เข้าประกวดที่ได้รางวัลที่ 1-2 การถ่ายทอดอารมณ์ซับซ้อน ทำให้การประกวดครั้งนี้ ดูน่าสนใจ
เพราะมันเกิดความหลากหลายทางอารมณ์ภายในเพลิงเดียว ไม่ว่า เหงา หวาน รอ เศร้า ท้อ
พี่อู๊ดเป็นคนที่เข้าใจการเล่าเรื่องแบบมาลึกๆ แผ่วๆ แล้ว ขึ้นพีคก็ทำได้ว๊าว
ในส่วนที่ต้องโชว์อำนาจเสียง เหมือน หนูวรรณในรายการ Golden Singer ซึ่งท่อน Grand ทำได้ดี
ที่สำคัญ คือ มีเสน่ห์แบบชายสูงวัย ลีลาแบบผู้ชาย ซื่อๆ จริงใจ อบอุ่น สุขุมนุ่มลึก ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเชิงบวก
นำเสนอออกมาเป็นงานศิลปะ คล้ายๆ คนที่แสดงเป็นพ่อ หรือ พระเอกที่มีอายุ คิดถึงความหลัง ทำให้เราร้องไห้ตามได้
เคยไหม ที่คุณร้องไห้ให้กับตัวละครที่มีใจรักหนักแน่น หรือ ผู้ชายที่ใช้อำนาจเพื่อมีทุกอย่าง แต่มีมุมที่เปลี่ยวเหงาซ่อนอยู่
การร้องมี soul สื่อความรู้สึกที่พอเข้าไปอยู่ในตัวละครแล้วคงคาเรกเต้อร์นั้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผ่านเสียงเพลง
ประโยคสุดท้ายของเพลงนี้ สร้างตำนานให้กับชีวิตคนคนหนึ่งได้จริงๆ --ดวงดาวที่เปล่งแสงให้โลกรับรู้ในวัย 63 ปี

สำหรับโก๊ะตุลย์ที่ได้รางวัลที่ 1 มองว่ามีอนาคตที่จะเป็นศิลปินได้แน่นอน ไม่ว่า บุคลิกขี้เล่น
มนต์เสียงที่คล้ายๆ ธานินทร์ อินทรเทพ และถ้าถอดฟัน หล่อขึ้นแน่นอน
dancers สำหรับเพลงอื่นๆ อาจต้องนำเสนอโดยเพิ่มศิลปะการซ่อนเร้น
เช่น การใช้เงา ท่ารำที่เป็นเชิงสัญลักษณ์
ลดความพลุ๊กพล่าน ไม่รบกวนสมาธิ อะไรที่ไม่เด่นชัด ย่อมน่าค้นหา
ทำให้องค์ประกอบของงานโชว์สวยกลมกลืน โดยผู้ร้องยังคงเป็นศูนย์กลาง
รีวิวโชว์คุณอู๊ด อุดมศักดิ์ใน Golden Song ซีซั่น 6 รอบชิงชนะเลิศ
และส่งความบันเทิงได้เต็มแม็ค แบบไม่ต้องแกล้งชม หรือ รักษามารยาท ในการคอมเม้นท์
เพราะทำได้ดีจริงๆ สำหรับเพลงสุดท้าย ในการแข่งขันที่ออกอากาศเมื่อ 25 สิงหา 2567
เพลง ดาวประดับใจ คุณอู๊ดมาในมาร์ท เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หรือ นายทุนญี่ปุ่นยุคสงคราม ที่กำลังเพ้อกับดวงดาว
ไม่มี dancer โฟกัสที่อารมณ์พระเอกล้วนๆ มีความลึก เฉียบ และพลังเสียงในจังหวะที่ต้องสุด ก็คือ สุด
คำว่า "มองงงงงงงงงงงง" นาทีที่ 6.27 "มองดวงดาวริบรี่" ร้องได้ถึงอารมณ์ แต่ไม่เกินเลย
เสี่ยววินาที ที่ตัดสินได้ว่า คนนี้ของจริง แบบไม่ต้องพยายาม หรือ ร้องแบบเราต้องลุ้นว่าไหวมั้ย
ประหนึ่ง ถ่ายทอดหนังเรื่องนึง พลัง อำนาจ และความอ่อนโยน ผสานกันลงตัว ส่งอารมณ์ได้เต็มๆ
ผู้เข้าประกวดที่ได้รางวัลที่ 1-2 การถ่ายทอดอารมณ์ซับซ้อน ทำให้การประกวดครั้งนี้ ดูน่าสนใจ
เพราะมันเกิดความหลากหลายทางอารมณ์ภายในเพลิงเดียว ไม่ว่า เหงา หวาน รอ เศร้า ท้อ
พี่อู๊ดเป็นคนที่เข้าใจการเล่าเรื่องแบบมาลึกๆ แผ่วๆ แล้ว ขึ้นพีคก็ทำได้ว๊าว
ในส่วนที่ต้องโชว์อำนาจเสียง เหมือน หนูวรรณในรายการ Golden Singer ซึ่งท่อน Grand ทำได้ดี
ที่สำคัญ คือ มีเสน่ห์แบบชายสูงวัย ลีลาแบบผู้ชาย ซื่อๆ จริงใจ อบอุ่น สุขุมนุ่มลึก ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเชิงบวก
นำเสนอออกมาเป็นงานศิลปะ คล้ายๆ คนที่แสดงเป็นพ่อ หรือ พระเอกที่มีอายุ คิดถึงความหลัง ทำให้เราร้องไห้ตามได้
เคยไหม ที่คุณร้องไห้ให้กับตัวละครที่มีใจรักหนักแน่น หรือ ผู้ชายที่ใช้อำนาจเพื่อมีทุกอย่าง แต่มีมุมที่เปลี่ยวเหงาซ่อนอยู่
การร้องมี soul สื่อความรู้สึกที่พอเข้าไปอยู่ในตัวละครแล้วคงคาเรกเต้อร์นั้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผ่านเสียงเพลง
ประโยคสุดท้ายของเพลงนี้ สร้างตำนานให้กับชีวิตคนคนหนึ่งได้จริงๆ --ดวงดาวที่เปล่งแสงให้โลกรับรู้ในวัย 63 ปี
สำหรับโก๊ะตุลย์ที่ได้รางวัลที่ 1 มองว่ามีอนาคตที่จะเป็นศิลปินได้แน่นอน ไม่ว่า บุคลิกขี้เล่น
มนต์เสียงที่คล้ายๆ ธานินทร์ อินทรเทพ และถ้าถอดฟัน หล่อขึ้นแน่นอน
dancers สำหรับเพลงอื่นๆ อาจต้องนำเสนอโดยเพิ่มศิลปะการซ่อนเร้น
เช่น การใช้เงา ท่ารำที่เป็นเชิงสัญลักษณ์
ลดความพลุ๊กพล่าน ไม่รบกวนสมาธิ อะไรที่ไม่เด่นชัด ย่อมน่าค้นหา
ทำให้องค์ประกอบของงานโชว์สวยกลมกลืน โดยผู้ร้องยังคงเป็นศูนย์กลาง