รานีแห่งเทือกเขาแอนดีส 100 ปีจึงออกดอก

.

.
©  D.H. Parks  
.
.

.
.

Bromeliaceae ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
คือ Puya raimondii
หรือ Queen of the Andes
รานีแห่งเทือกเขาอ้านเด่ส์/แอนดีส
.
.

รานี น. (ในอินเดีย) มเหสี, ราชินี, กษัตรี,
เจ้าหญิงผู้ครองแผ่นดิน Syn. rani, ranee
ในนายู(มลายู) นครรัฐปตานีในอดีต
ก็ใช้คำว่า รานี ที่โด่งดังคือ สามรานีพี่น้อง
ตำนานสามรานีปกครองปตานี บุตรีของ
พญาอินทิรา  ผู้ขอเข้าแขก (ภาษาถิ่นใต้)
เปลี่ยนจากนับถือพุทธเป็นอิสลาม
เพราะเคยเสียสัจจะการรักษาโรคผิวหนัง
ที่กล่าวว่าถ้าหายจะเข้าแขก แต่อิดออด 3 ครั้ง
จนครั้งที่ 3 อาการน่าเป็นห่วง/หนักหนาแล้ว
โต๊ะครู/โต๊ะอิหม่ามจากปาไซ ผู้รักษา
จึงขู่ว่า ถ้าไม่เข้าแขกในครั้งนี้ ตายแน่แน่
ข้อมูลราชวงศ์ ราชาศรีวังสา
.
.

Puya raimondii
เป็นพืชมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง
ตามธรรมชาติที่บานสะพรั่ง/ออกดอก
เพียงครั้งเดียวในรอบศตวรรษ
ทำให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
และเป็นที่สนใจกันอย่างแท้จริง

พวกมันเจริญเติบโต
บนที่ราบสูงอันแห้งแล้ง
ของเทือกเขาอ้านเด้ส์
ในประเทศโบลิเวียและเปรู
พวกมันเป็นพืชหายาก/ใกล้สูญพันธุ์
ซึ่งยืนตระหง่านฟ้าอย่างภาคภูมิใจ
ทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น
โบรมีเลียดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หรือ รานีแห่งเทือกเขาแอนดีส

โบรมีเลียด Bromeliaceae
มีอยู่มากกว่า 3,000 สายพันธุ์
แต่ Puya raimondii โดดเด่นมากที่สุด
เพราะมีความสูงถึง 30 ฟุต
และมีก้านดอกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ก้านขนาดมหึมาของพืชเติบโตได้
สูงกว่า 25 ฟุตและจุดอกได้หลายพันดอก

Puya raimondii เป็นพืชพื้นเมือง/เฉพาะถิ่น
บนที่ราบสูงอันโหดร้ายสุดจะจินตนาการ
ของเทือกเขาแอนดีส  ทีแห้งแล้ง/หนาวเย็น
แต่พวกมันกลายเป็นผู้รอดชีวิต
ที่เติบโตที่ระดับความสูง 3,200-4,800 เมตร
แม้จะมีความแข็งแกร่ง ทนถึก อายุยาวนาน
แต่พืชชนิดนี้ก็หายากมากและใกล้สูญพันธุ์
จำนวนของพวกมันยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
เพราะการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และกิจกรรมบุกรุกที่ดินของคนเรา 

สิ่งที่ทำให้  Puya raimondii
โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ
วงจรการบานของดอก
ซึ่งจะเกิดขึ้นทุก ๆ 80 ปีหรือมากกว่านั้น
แล้วจึงสร้างฝัก/เมล็ดเพื่อขยายพันธุ์
ต้นเดียวจะออกดอกบาน
เพียงครั้งเดียวในรอบศตวรรษ
ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต
สำหรับผู้โชคดีเพียงน้อยคนที่ได้เห็นมัน

ในโลกที่สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ
จำนวนมากหายไปในอัตราที่น่าตกใจ 
Puya raimondii ยืนตระหง่านฟ้า
เป็นเครื่องเตือนใจถึงความหลากหลายชีวภาพ
อันเหลือเชื่อ/ความยืดหยุ่นของชีวิตบนโลกเรา
ในขณะที่หลายคนกำลังทำงาน
เพื่อปกป้องและอนุรักษ์โลกธรรมชาติ
คนเราต้องจดจำความงามอันเหลือเชื่อนี้
และความสง่างามที่อยู่ภายในนั้น
หลายคนต่างรอคอยจะค้นพบ
และทะนุถนอมพวกมัน
จากรุ่นต่อรุ่น สืบต่อ ๆ กันไป
.

เรียบเรียง/ที่มา

https://tinyurl.com/8nybdpve
https://tinyurl.com/5yn3er55
https://tinyurl.com/3tcjfzjb (เอกสาร)

 .
.

.

.

.
.

.
.

.
© Waldemar Niclevicz
.
.

.
© Wilmer
.
.

.
©  D.H. Parks  
.
.

.
© Habitat in Ancash, Peru
.
.

.
© Pepe Roque
.
.

.
Habitat in Huascarán National Park, Peru © Urrola
.
.

.
Close-up of flower © Stan Shebs
.
.

.
© Cbrescia
.
.



ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ  Puya raimondii
หรือ รานีแห่งแอนดีส


1. ลักษณะทั่วไป
-  Puya raimondii เป็นพืชในตระกูล
บรอมีเลีย เช่นเดียวกับสับปะรด
- มีอายุยืนยาวมาก โดยอาจมีอายุ
ถึง 100 ปีหรือมากกว่า
- ใบของมันมีลักษณะเป็นกอใหญ่
มีหนามแหลมตามขอบใบ

2. การเจริญเติบโตและการออกดอก
- ใช้เวลาประมาณ 40-100 ปี
ในการเจริญเติบโตก่อนที่จะออกดอก
- เมื่อถึงเวลาออกดอก จะสร้างช่อดอก
ขนาดใหญ่มหึมา สูงถึง 9-10 เมตร
- ช่อดอกหนึ่งช่ออาจมีดอกย่อยมากถึง 8,000-20,000 ดอก
- หลังจากออกดอกแล้ว ต้นแม่จะตาย
แต่จะทิ้งเมล็ดไว้เป็นจำนวนมาก

3. ถิ่นที่อยู่อาศัย
- พบได้เฉพาะในเทือกเขาแอนดีส
ของโบลิเวียและเปรู
- เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงระหว่าง 3,200-4,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
- ทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็น/แห้งแล้งได้ดี

4. ความสำคัญทางนิเวศวิทยา
- เป็นแหล่งอาหารสำคัญสำหรับ
นกและแมลงในถิ่นที่อยู่อาศัย
- ช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของดิน
ในพื้นที่แห้งแล้งบนเทือกเขาสูง

5. สถานะการอนุรักษ์
- จัดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์
(Endangered) โดย IUCN
- ประชากรลดลงเพราะการบุกรุกทำลายพื้นทึ่
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการเก็บเกี่ยวพืชผลโดยคน
- มีความพยายามในการอนุรักษ์
โดยการจัดตั้ง พื้นที่คุ้มครอง
และการเพาะพันธุ์ในสวนพฤกษศาสตร์

6. ความสำคัญทางวัฒนธรรม
- มีความสำคัญในวัฒนธรรมพื้นเมือง
ของชาวแอนดีส
- บางครั้งถูกใช้ในพิธีกรรม
และการรักษาแบบดั้งเดิม

.
.

การขยายพันธุ์ของ Puya raimondii
มีลักษณะเฉพาะและน่าสนใจ ดังนี้:

1. การออกดอกและผลิตเมล็ด
- ออกดอกเพียงครั้งเดียวในชีวิต(monocarpic)
- ผลิตเมล็ดจำนวนมหาศาล
อาจถึง 12 ล้านเมล็ดต่อต้น
- เมล็ดมีขนาดเล็กและเบา
เหมาะสำหรับการกระจายโดยลม

2. การกระจายเมล็ด
- เมล็ดถูกกระจายโดยลมเป็นหลัก
- ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา
ช่วยให้เมล็ดลอยไปได้ไกล
- บางครั้งนกและสัตว์อื่น ๆ
อาจช่วยในการกระจายเมล็ดด้วย

3. การงอกของเมล็ด
- เมล็ดงอกได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- ต้องการแสงแดด ความชื้นพอเหมาะ
และอุณหภูมิที่เย็น
- อัตราการงอกในธรรมชาติค่อนข้างต่ำ
เพราะสภาพแวดล้อมในพันที่รุนแรง

4. การเจริญเติบโตของต้นอ่อน
- ต้นอ่อนเติบโตช้ามาก
- ต้องใช้เวลาหลายปีกว่า
จะเห็นการเจริญเติบโตที่ชัดเจน
- มีอัตราการรอดชีวิตต่ำ
ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต

5. การขยายพันธุ์ในสภาพควบคุม
- สวนพฤกษศาสตร์และนักอนุรักษ์
พยายามขยายพันธุ์ในสภาพควบคุม
- ใช้เทคนิคการเพาะเมล็ดในห้องปฏิบัติการ
- บางครั้งใช้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เพื่อเพิ่มจำนวนต้น

6. ความท้าทายในการขยายพันธุ์
- การเจริญเติบโตที่ช้ามาก ทำให้การอนุรักษ์
และฟื้นฟูประชากรทำได้ยาก
- สภาพแวดล้อมเฉพาะถิ่น
ทำให้ยากต่อการปลูกนอกถิ่นกำเนิด
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อาจส่งผลต่อความสำเร็จ
ในการขยายพันธุ์ในอนาคต

7. ความสำคัญของการอนุรักษ์
- การอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขยายพันธุ์
และการอยู่รอดของชนิดพันธุ์
- โครงการอนุรักษ์พยายามสร้างสมดุล
ระหว่างการปกป้องประชากรธรรมชาติ
และการขยายพันธุ์ในสภาพควบคุม

การขยายพันธุ์ของ  Puya raimondii
แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่น่าทึ่ง
ต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
แต่ก็ทำให้การอนุรักษ์ชนิดพันธุ์นี้
เป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
สำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์​​​​​​​​​​​​​​​​
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่