จากการที่เคยอ่าน นวนิยาย เพรชพระอุมา ของ พนมเทียน ที่สมัยก่อนที่สัตว์ป่ายังมีก่อนจะมีพระราชบัญญัติคุ้มครอง เนื่องจากมนุษย์เบียดเบียนจนเกิดวิกฤตการสูญพันธ์จากวิธีการล่าอันชาญฉลาด กับอาวุธที่มีศักยภาพ ทำลายล้าง แบบจับวางถูกตำแหน่งก็นัดละตัวเลยก็มี ที่กระโจนเข้าชาร์ตนายพาน รพิณ ไพรวัล แบบแฟร์ๆไม่ใครก็ใครมีสิทธิตกเป็นเหยื่อ แล้วควายป่าหรือมหิงสาเป็นสัตว์กินพืชกินหญ้าที่ไม่มีเสียงร้อง ไม่ร้องทุกข์ เจ้าป่า พิพาทกับ เจ้าเขา เพราะเห็นเจ้าเขากินหญ่าอ่อนๆที่ยังไม่เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวของการขยายพันธ์พืช โดยที่เจ้าป่าไม่รู้ว่าหญ่าเป็นวัชพืชที่ขยายเร็วด้วยราก และป่าที่รกชัฎทำให้คนเข้าใจผิด มองเห็นลายบนตัวเสือโคล่งเป็นหญิงสาวเปลือยกายเป็นสาเหตุของขอกล่าวหาว่าเป็นเสือสมิง แปลงกาย มาลวงคน เพราะฉะนั้นหน้าที่ของสัตว์แต่ละชนิดที่ดำรงชีพสร้างสมดุลในธรรมชาติ คนตัดไม้ทำลายป่า หน้าที่คนคือศึกษาหาความรู้แล้วทำให้เกิดสมดุลย์ที่รู้จำนวนสร้างความสุขให้สัตว์ทั้งหลาย ดั่งบทแผ่เมตตา สัตเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ถ้าไม่สิ้นไม่สูญพันธ์ จึงหวงห้าม รักษาพันธ์ พิทักษ์รักษา ไม่มีวันสูญก็ไม่มีวันสิ้น ถ้าป่ามีอาหารเป็นไปตามฤดูการเราถึงจะเห็นสัตว์ป่ามีความสุข ช้างก็ไม่มาตั้งด่านปิดถนนประท้วง ลิงก็ไม่มารบมาฟ้องมาประท้วงอยู่ที่ศาลพระกาญ ลบบุรี ถ้ามีดงกล้วย พืชประเภท กอ จึงจะขออย่าเบียดเบียน แล้วชดใช้หนี้กรรมก่อนสิ้นอายุด้วยการคือครัวให้ป่าคืนนานาพันธ์ให้สุขสันต์เราก็จะสันติสุขด้วยการไม่ขยายพันธ์ที่ไม่ดี จะได้ไม่มีคนไม่ดีในสังคม มีแต่คนดีเพราะเราใส่ใจพันธ์
การเปรียบเทียบ'ควาย'เป็นคำหยาบว่า'โง่เขล่า'