‘นี่แหล่ะหนังไทยจริตที่รอคอยมาแสนนาน’
อย่ากินยำมะม่วงเปรี้ยวหลังจากดูเรื่องนี้..
เพราะหนังเปรี้ยวเผ็ดเชือดเฉือนมากจนอย่างอื่นจืดหมด
#รีวิวหนัง วิมานหนาม The Paradise Of Thorns
1.
ระหว่างดูก็พูดกับตัวเองว่าเองว่า ‘นี่แหล่ะหนังไทยที่ฉันรอคอยมาตลอดหลายปี’ มันต้องแช่บ
ต้องเชือดเฉือด ต้องฟาดฟันกันแบบนี้ อย่ากินยำหรือมะม่วงเปรี้ยวหลังจากดู เพราะหนังเปรี้ยวเผ็ดจนอย่างอื่นจืดหมดคร่าาา
2.
เรื่องราวพูดถึง ‘ทองคำและเสก’ คู่รักหนุ่มชาวสวนที่แม่ฮ่องสอน ‘ทองคำ’ขายบ้านทรัพย์สินที่มีทั้งหมดในชีวิตเพื่อไถ่ถอนที่ดินให้
‘เสก’ ลงทุนปลูกสวนทุเรียนตลอด 5 ปีที่เขาอดทนทุ่มเททั้งชีวิตกำลังจะออกผลทุเรียนล๊อตแรก เสกดันเสียชีวิต
ทำให้บ้านและสวนต้องตกเป็นของ ‘แม่แสง’ แม่ของเสก ผู้มีสิทธิ์ตามกฎหมาย
3.
‘แม่แสง’ ได้พา ‘โหม๋’ ลูกสาวที่เก็บมาเลี้ยงและ ‘จิ่งนะ’ น้องชายของโหม๋
เข้ามาถือสิทธิ์ครอบครองวิมานแห่งนี้และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องไม่ให้ ‘ทองคำ’
ได้ในสิ่งที่เขาควรจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ แต่กฏหมายไม่รองรับ
4.
#เป็นไงบ้าง
สนุกมากก เคยได้ยินแต่คำว่า “ระวังจะโดนเปลือกทุเรียนตบแต่ไม่เคยเห็นของจริง”
เรื่องนี้เรามีให้ดูคร่า 55555 ในเมื่อหัวใจของหนังเป็นสวนทุเรียน มันก็เลยต้องมีความห้ำหั่น
หักเหลี่ยม เฉือนคม ฟาดฟันแบบสวนทุเรียน ซึ่งเรื่องนี้ก็มีครบและ #ทำถึงมาก
5.
ดีทั้งดนตรีประกอบ ทั้งไดอะล็อกบทพูดที่ฟังแล้วเผลอซี๊ดปากออกมา (อยากจะดูอีกรอบจะได้จดคำด่าเริ่ดๆ)
แต่มันไม่ได้ด่าแบบไอ้อีปกตินะ การเอาคืนและการโต้กลับมันคือวิธีของคนที่ใช้สมองคิด วางแผนมาเป็นอย่างดี
ยอมอดทนเพื่อรอให้แผนการสำเร็จ
6.
ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของ เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ เพราะฝีมือการแสดงดีมากๆ
เจฟเนี่ยมีความดื้อและหัวขบถชัดมาก ส่วนอิงฟ้าแสดงได้น่าสงสารและน่าตบไปในตัว
คือไม่ได้ออกมาทางสีหน้าแต่แผ่รังสีความทะเยอทยานสูงมาก แม้กระทั่งน้องใหม่อย่างคนที่แสดงเป็นจิ่งนะ (น้องเก่ง หฤษฎ์บัวย้อย)
ก็แสดงได้มีมิติ โดยเฉพาะคุณแม่สีดา พัวพิมลคือทุกคนพร้อมกันกันใส่เต็มจริงๆ
7.
นี่ว่าทั้งสี่คนมีโอกาสได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปลายปีครบทุกคนแน่ๆ
แต่คนที่จะมาช่วงชิงสมทบหญิงกับแม่สีดาก็อาจจะเหนื่อยหน่อยนะ ขอยกตำแหน่ง ‘เมริล สตรีป’ เมืองไทยให้นางไปเลยค่ะ
8.
ถึงแม้จะพูดถึงชีวิตคนต่างจังหวัดรวมถึงชาวไทใหญ่บนดอยแม่ฮ่องสอน
แต่งานภาพและ Vibe ของหนังดูมีคลาสมาก ไม่รู้ว่าความ Awkward ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังของยอกอส ลาติมอสรึเปล่า
มันยิ่งทำให้ตัวละครแต่ละตัวเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ แม้จะมีปมหรือความน่าสงสารที่แตกต่างกัน
แต่ก็พร้อมจะทำลายกันตลอดเวลาเพื่อให้ได้สิ่งที่ไขว่คว้ามาทั้งชีวิต (หลายคนอาจรู้สึกว่าเครียดแต่เราบันเทิงกับความตลกร้ายนี้มาก)
9.
รู้เลยว่าจัดการวางพาเลทสีในทุกองค์ประกอบของแต่ละฉาก วางสตอรี่บอร์ดมาอย่างดี
มีการรีเสิร์ชตั้งแต่วิธีการปลูกการดูแลการเก็บเกี่ยวทุเรียน ไปจนถึงวัฒนธรรมคนท้องถิ่นอย่าง
ประเพณี "ปอยส่างลอง" หรือบวชลูกแก้ว ได้ยินมานานแล้วเพิ่งเคยเห็นของจริงในเรื่องนี้แหล่ะ
10.
เสียดายนิดนึงในช่วงตอนใกล้จบบทสรุปที่อาจจะไม่ถูกใจคนดูบางกลุ่มสักเท่าไหร่
ส่วนตัวคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าเลือกวิธีอื่น หนังอาจจะแลนด์ดิ้งได้เพอร์เฟคกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ชอบมากๆแล้ว
.
‘วิมานหนาม’ 22 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
#วิมานหนาม
#TheParadiseOfThorns
ฝากเพจหน่อยนะคะ
แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc
[SR] #รีวิวหนัง วิมานหนาม ถือว่าฉีกจากเซพโซน GDH มันมีความตลกร้ายผสมกับ absurd หน่อยๆ
อย่ากินยำมะม่วงเปรี้ยวหลังจากดูเรื่องนี้..
เพราะหนังเปรี้ยวเผ็ดเชือดเฉือนมากจนอย่างอื่นจืดหมด
#รีวิวหนัง วิมานหนาม The Paradise Of Thorns
1.
ระหว่างดูก็พูดกับตัวเองว่าเองว่า ‘นี่แหล่ะหนังไทยที่ฉันรอคอยมาตลอดหลายปี’ มันต้องแช่บ
ต้องเชือดเฉือด ต้องฟาดฟันกันแบบนี้ อย่ากินยำหรือมะม่วงเปรี้ยวหลังจากดู เพราะหนังเปรี้ยวเผ็ดจนอย่างอื่นจืดหมดคร่าาา
2.
เรื่องราวพูดถึง ‘ทองคำและเสก’ คู่รักหนุ่มชาวสวนที่แม่ฮ่องสอน ‘ทองคำ’ขายบ้านทรัพย์สินที่มีทั้งหมดในชีวิตเพื่อไถ่ถอนที่ดินให้
‘เสก’ ลงทุนปลูกสวนทุเรียนตลอด 5 ปีที่เขาอดทนทุ่มเททั้งชีวิตกำลังจะออกผลทุเรียนล๊อตแรก เสกดันเสียชีวิต
ทำให้บ้านและสวนต้องตกเป็นของ ‘แม่แสง’ แม่ของเสก ผู้มีสิทธิ์ตามกฎหมาย
3.
‘แม่แสง’ ได้พา ‘โหม๋’ ลูกสาวที่เก็บมาเลี้ยงและ ‘จิ่งนะ’ น้องชายของโหม๋
เข้ามาถือสิทธิ์ครอบครองวิมานแห่งนี้และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องไม่ให้ ‘ทองคำ’
ได้ในสิ่งที่เขาควรจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ แต่กฏหมายไม่รองรับ
4.
#เป็นไงบ้าง
สนุกมากก เคยได้ยินแต่คำว่า “ระวังจะโดนเปลือกทุเรียนตบแต่ไม่เคยเห็นของจริง”
เรื่องนี้เรามีให้ดูคร่า 55555 ในเมื่อหัวใจของหนังเป็นสวนทุเรียน มันก็เลยต้องมีความห้ำหั่น
หักเหลี่ยม เฉือนคม ฟาดฟันแบบสวนทุเรียน ซึ่งเรื่องนี้ก็มีครบและ #ทำถึงมาก
5.
ดีทั้งดนตรีประกอบ ทั้งไดอะล็อกบทพูดที่ฟังแล้วเผลอซี๊ดปากออกมา (อยากจะดูอีกรอบจะได้จดคำด่าเริ่ดๆ)
แต่มันไม่ได้ด่าแบบไอ้อีปกตินะ การเอาคืนและการโต้กลับมันคือวิธีของคนที่ใช้สมองคิด วางแผนมาเป็นอย่างดี
ยอมอดทนเพื่อรอให้แผนการสำเร็จ
6.
ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของ เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ เพราะฝีมือการแสดงดีมากๆ
เจฟเนี่ยมีความดื้อและหัวขบถชัดมาก ส่วนอิงฟ้าแสดงได้น่าสงสารและน่าตบไปในตัว
คือไม่ได้ออกมาทางสีหน้าแต่แผ่รังสีความทะเยอทยานสูงมาก แม้กระทั่งน้องใหม่อย่างคนที่แสดงเป็นจิ่งนะ (น้องเก่ง หฤษฎ์บัวย้อย)
ก็แสดงได้มีมิติ โดยเฉพาะคุณแม่สีดา พัวพิมลคือทุกคนพร้อมกันกันใส่เต็มจริงๆ
7.
นี่ว่าทั้งสี่คนมีโอกาสได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปลายปีครบทุกคนแน่ๆ
แต่คนที่จะมาช่วงชิงสมทบหญิงกับแม่สีดาก็อาจจะเหนื่อยหน่อยนะ ขอยกตำแหน่ง ‘เมริล สตรีป’ เมืองไทยให้นางไปเลยค่ะ
8.
ถึงแม้จะพูดถึงชีวิตคนต่างจังหวัดรวมถึงชาวไทใหญ่บนดอยแม่ฮ่องสอน
แต่งานภาพและ Vibe ของหนังดูมีคลาสมาก ไม่รู้ว่าความ Awkward ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังของยอกอส ลาติมอสรึเปล่า
มันยิ่งทำให้ตัวละครแต่ละตัวเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ แม้จะมีปมหรือความน่าสงสารที่แตกต่างกัน
แต่ก็พร้อมจะทำลายกันตลอดเวลาเพื่อให้ได้สิ่งที่ไขว่คว้ามาทั้งชีวิต (หลายคนอาจรู้สึกว่าเครียดแต่เราบันเทิงกับความตลกร้ายนี้มาก)
9.
รู้เลยว่าจัดการวางพาเลทสีในทุกองค์ประกอบของแต่ละฉาก วางสตอรี่บอร์ดมาอย่างดี
มีการรีเสิร์ชตั้งแต่วิธีการปลูกการดูแลการเก็บเกี่ยวทุเรียน ไปจนถึงวัฒนธรรมคนท้องถิ่นอย่าง
ประเพณี "ปอยส่างลอง" หรือบวชลูกแก้ว ได้ยินมานานแล้วเพิ่งเคยเห็นของจริงในเรื่องนี้แหล่ะ
10.
เสียดายนิดนึงในช่วงตอนใกล้จบบทสรุปที่อาจจะไม่ถูกใจคนดูบางกลุ่มสักเท่าไหร่
ส่วนตัวคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าเลือกวิธีอื่น หนังอาจจะแลนด์ดิ้งได้เพอร์เฟคกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ชอบมากๆแล้ว
.
‘วิมานหนาม’ 22 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
#วิมานหนาม
#TheParadiseOfThorns
ฝากเพจหน่อยนะคะ แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้