"วิมานหนาม" หนังไทยสีเทา สะท้อนความโลภของชะนีและ LGBTQ+ (ไม่สปอยล์)

ได้ฤกษ์ลงจอเงินอย่างเป็นทางการแล้ว  สำหรับหนังไทยที่มีกลิ่นอายของเพศทางเลือกเป็นพล็อตรอง 
โดยพล็อตหลักของเรื่อง  ได้สะท้อนถึงสัญชาตญาณมืดของความเป็นมนุษย์  อันเกิดจากความโลภ 
ที่ต่างคนต่างต้องการครอบครองสวนทุเรียนแห่งหนึ่ง  ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นมรดกเลือด  

หลังจากที่เฟ้นหาชื่อภาษาไทยมานาน  ในที่สุดก็ได้ชื่อไทยเชย ๆ ว่า "วิมานหนาม" 
ซึ่งคงได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเกือบเงียบ  เรื่อง "วิมานนาซี" ที่ทำเงินในไทยไปเพียงหยิบมือ  
ก่อนถูกถอดจากโรงฉายอย่างรวดเร็ว  โชคดีที่จขกท.ได้มีโอกาสดูในโรง  เพราะถ้ามาดูใน Netflix คิดว่าคงหลับคาจอแน่นอนค่ะ  

ย้อนกลับมาที่ "วิมานหนาม" ที่ค่าย GDH ร่วมมือกับบางบริษัท  ผลิตหนังเรื่องนี้ขึ้นมา  เพื่อสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมในสังคม  
เห็นได้ข่าวว่าโกอินเตอร์  ได้ไปฉายที่เมืองนอกด้วย  โดยตัวหนังเป็นแนวดราม่าหนักกว่าที่คิด  แทบไม่มีฉากขำขันให้ผ่อนอารมณ์
ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวหนังทำได้ดีในครึ่งแรก  เดินเรื่องฉับไว  มีหักมุมบ้างช่วงกลางเรื่อง  

โดยดารานำชายในบท "ทองคำ" (เจฟ ชาเตอร์) บทเด่นมาก  และแสดงได้เป็นธรรมชาติมากอย่างเหลือเชื่อ  ทั้งบทดราม่า  และฉากร่วมรัก 
ที่ไม่รุนแรงจนชายจริงหญิงแท้รู้สึกขยะแแขยง  แต่ก็เซอร์วิสแฟนวายพอดู  

ขณะที่ "อิงฟ้า-วราหะ" ที่รับบทโหม๋  ก็ทำได้ดีเช่นกัน  โดยจะมีบทบาทมากในช่วงท้าย ๆ ของเรื่อง  

เสียดายที่ช่วงท้าย ๆ เรื่อง  ไม่ดึงดูดหรือแปลกใหม่อย่างที่คิด 
เหมือนหนังกะเทยทั่วไปของ "พจน์ อานนท์"  และทำให้ภาพลักษณ์ของเพศทางเลือกมัวหมองลงไปด้วย  จากการกระทำของตัวละครเอก  ในฉากเกือบจบ

จขกท.คิดว่าเหมือนหนังยังหาทางลงไม่ได้  ผกก.เลยต้องจบแบบนั้น  และจากตัวอย่างหนังก็แทบจะเล่าเรื่องทุกอย่างหมดสิ้นไปแล้ว

เสียดายเหลือเกิน  ที่การเหวี่ยงหมัดไม่ตรงเป้า   จะบอกว่าท่าดีทีเหลวก็คงไม่ได้  ต้องใช้คำว่า  ต้นดี  กลางเป๋  ท้ายเซ  ถึงจะเหมาะกว่าค่ะ  

ความเท่าเทียม  มันไม่เคยมีในสังคมหรอกค่ะ  เป็นความเท่าแบบเทียม ๆ มากกว่า

แม้แต่ระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์  ก็ไม่ได้เท่ากันจริง ๆ  เพราะยังมีชนชั้นปกครองที่เหนือกว่า 

ความเท่าเทียมบนโลกใบนี้  ไม่มีอยู่จริงค่ะ!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่