ในพงศาวดาร บอกเราแค่ว่า ไซรัส เห็นว่าจุดหนึ่งที่ไกลออกไปจากคลองที่ผ่านตัวเมืองบาบิโลนับคูน้ำ  ต้นน้ำของคลองนี้ มีบึงใหญ่อยู่ใกล้ๆกัน   ไซรัสเลยสั่งให้ ทหารขุดคอลงเชื่อมกับทะเลสาบนี้ เพิ่มให้ระดับน้ำใน คูเมือง กับคลองที่ไหลผ่านเมืองลดระดับจนทหารผ่านเข้าไปได้  และประจวบเหมาะกับด้านที่น้ำลด ประตูเมืองเปิดอยู่พอดี  พอขุดทะเลสาบได้สำเร็จแล้ว ไซรัสก็ะให้กองทัพของเขาแสร้งทำเป็นถอยทัพเพื่อพยายามหลอกชาวบาบิลอนให้เชื่อว่าพวกเขาจะออกไปด้วยความพ่ายแพ้ เวลากลางคืน เขาได้ส่งกองกำลังไปยังจุดที่แม่น้ำยูเฟรตีส์ไหลเข้าเมือง และอีกหน่วยหนึ่งไปยังจุดที่แม่น้ำไหลออก (ซึ่งน่าจะเป็นกองกำลังพิเศษของเปอร์เซีย หรือ “ผู้เป็นอมตะ”)

https://en.wikipedia.org/wiki/Fall_of_Babylon

แต่พงศาวดารนี้มันมีปัญหาของมัน เพราะ  

                เฮโรโดตัส บอกเราว่า เมืองนี้สร้างขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยแต่ละด้านมีความยาวด้านละ 14 ไมล์ กำแพงอิฐที่ล้อมรอบเมืองนี้ว่ากันว่ายาว 56 ไมล์ สูง 300 ฟุต และหนา 25 ฟุต ด้านหลังกำแพงด้านนอก 75 ฟุตมีกำแพงอิฐอีกแห่งซึ่งหนาและสูงเท่ากัน โดยทอดตัวลงไปใต้ดินอีก 35 ฟุต นอกจากนี้ ยังมีหอสังเกตการณ์ 250 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งสูง 450 ฟุต ซึ่งตั้งอยู่ทั่วเมืองอย่างมีกลยุทธ์ นอกจากนี้ เมืองนี้ยังมีคูน้ำกว้างและลึกที่ล้อมรอบเมือง โดยมีแม่น้ำยูเฟรตีส์ไหลผ่านใจกลางเมือง มีเรือข้ามฟากที่ได้รับการเฝ้าติดตามและเฝ้ายามอย่างใกล้ชิดในระหว่างวัน และมีสะพานยาวครึ่งไมล์พร้อมสะพานชักที่ปิดในเวลากลางคืนและมีการเฝ้ายามอย่างเข้มงวด

จากที่เราเห็น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาแหล่งรับน้ำที่จะทำให้ แม่น้ำยูเฟรตีส์ ลดระดับลงแบบกระทันหัน แหล่งรับน้ำมันต้องมีขนาดที่กว้างมหาศาล  และใครก็ตามที่อยู่ในเมืองจะสังเกตเห็นแน่นอน

นอกจากว่าเราจะมี สายลับในเมืองที่มีอิทธิพลทางการเมืองมากพอที่จะทำให้ ทหารระดับสูงในเมือง กษัตริย์ไม่สังเกตเห็น เบี่ยงเบนแอบช่วยเหลือไซรัส   ขอสันนิฐานมีอย่างเดียวคือ  คณะนักบวชของ ศาสนา มาร์ดุก  https://en.wikipedia.org/wiki/Marduk

ที่เป็นคนแอบช่วยเหลือ เพราะเกลียดชัง ผุ้ปกครองบาบิโลน